อัยการระบุชัดเจน “ทักษิณ” ไม่มีทางฟ้องศาลโลกได้ หากถูกยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน ชี้ชัดเรื่องส่วนบุคคลธรรมดาที่ถูกศาลตัดสินเป็นที่สิ้นสุดตามกฎหมายของประเทศนั้นๆ แล้วคงไม่มีอำนาจไปฟ้อง และศาลโลกคงไม่มาดูคดีเช่นนี้
วันนี้ (23 ก.พ.) นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุ หากศาลฎีกาแผนก คดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของตนเองและครอบครัวที่ได้มาจากการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กลุ่มกองทุนเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ ตกเป็นของแผ่นดินจะยื่นฟ้องต่อศาลโลกว่า ปกติศาลโลกที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์นั้นจะพิจารณาข้อพิพาทที่เป็นเรื่องระหว่างประเทศกับประเทศ อาทิเรื่องเขตแดน หรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ส่วนบุคคลธรรมดาที่ถูกศาลตัดสินเป็นที่สิ้นสุดตามกฎหมายประเทศนั้นๆ แล้วคงไม่มีอำนาจไปฟ้อง และศาลโลกคงไม่มาดูคดีพวกนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับศาลโลก มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ” (International Court of Justice) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2489 มีฐานะเป็นองค์กรหนึ่งขององค์การสหประชาชาติ (United Nations หรือ UN) สำนักงานของศาลโลกตั้งอยู่ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ศาลโลกมีอำนาจพิจารณาตัดสินคดีใดๆ ที่เป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศ 2 ประเทศขึ้นไป ทั้งนี้ ประเทศที่เกี่ยวข้องกับกรณีพิพาทจะต้องยินยอมรับอำนาจศาลให้เป็นผู้พิจารณาตัดสินก่อนเท่านั้น ศาลจึงจะมีอำนาจพิจารณาตัดสินคดีนั้นได้
อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบันศาลโลกทำการตัดสินคดีพิพาทระหว่างรัฐบาลของประเทศต่างๆ มาแล้ว 69 คดี ส่วนใหญ่เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับปัญหาเขตแดน ปัญหาอธิปไตยเหนือดินแดน ปัญหาน่านน้ำ ปัญหาการแทรกแซงกิจการภายในจากประเทศอื่น ปัญหาความสัมพันธ์ทางการทูต เป็นต้น สำหรับประเทศไทยนั้นเคยนำคดีขึ้นสู่ศาลโลก 1 ครั้ง ในปี พ.ศ.2504 คือ คดีข้อพิพาทเขาพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชา
วันนี้ (23 ก.พ.) นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุ หากศาลฎีกาแผนก คดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของตนเองและครอบครัวที่ได้มาจากการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กลุ่มกองทุนเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ ตกเป็นของแผ่นดินจะยื่นฟ้องต่อศาลโลกว่า ปกติศาลโลกที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์นั้นจะพิจารณาข้อพิพาทที่เป็นเรื่องระหว่างประเทศกับประเทศ อาทิเรื่องเขตแดน หรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ส่วนบุคคลธรรมดาที่ถูกศาลตัดสินเป็นที่สิ้นสุดตามกฎหมายประเทศนั้นๆ แล้วคงไม่มีอำนาจไปฟ้อง และศาลโลกคงไม่มาดูคดีพวกนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับศาลโลก มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ” (International Court of Justice) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2489 มีฐานะเป็นองค์กรหนึ่งขององค์การสหประชาชาติ (United Nations หรือ UN) สำนักงานของศาลโลกตั้งอยู่ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ศาลโลกมีอำนาจพิจารณาตัดสินคดีใดๆ ที่เป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศ 2 ประเทศขึ้นไป ทั้งนี้ ประเทศที่เกี่ยวข้องกับกรณีพิพาทจะต้องยินยอมรับอำนาจศาลให้เป็นผู้พิจารณาตัดสินก่อนเท่านั้น ศาลจึงจะมีอำนาจพิจารณาตัดสินคดีนั้นได้
อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบันศาลโลกทำการตัดสินคดีพิพาทระหว่างรัฐบาลของประเทศต่างๆ มาแล้ว 69 คดี ส่วนใหญ่เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับปัญหาเขตแดน ปัญหาอธิปไตยเหนือดินแดน ปัญหาน่านน้ำ ปัญหาการแทรกแซงกิจการภายในจากประเทศอื่น ปัญหาความสัมพันธ์ทางการทูต เป็นต้น สำหรับประเทศไทยนั้นเคยนำคดีขึ้นสู่ศาลโลก 1 ครั้ง ในปี พ.ศ.2504 คือ คดีข้อพิพาทเขาพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชา
