รบ.ยันนำข้อพิพาทชายแดนขึ้นสู่ศาลโลก คู่กรณีต้องยินยอมทั้ง 2 ฝ่าย

สมเด็จฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา กล่าวระหว่างการเยี่ยมกองพันที่ 41 เมื่อวานนี้ ( 9 ก.พ.) ยืนยันว่า วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ เป็นของกัมพูชา และไม่ขอรับทราบแผนที่ที่กำหนดพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่ทำขึ้นเพียงฝ่ายเดียว โดยไทยเขียนขึ้นเพื่อขโมยดินแดนกัมพูชา และยืนยันว่ากัมพูชาปฏิเสธแผนที่ดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง และจากนี้ไปกัมพูชาจะเริ่มกระบวนการหาทางออก เกี่ยวกับพิพาทเรื่องเขตแดนกับไทยผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์อีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ท่าทีสมเด็จฮุน เซน ไม่ต้องการที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทย และสิ่งที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาตัดสินใจตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีที่แล้ว ไม่มีหลักปฏิบัติระหว่างประเทศ พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลไทยปรารถนาดีที่สุดต่อชาวกัมพูชา และไม่เคยทำอะไรไม่ถูกต้อง
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การจะนำข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาขึ้นสู่ศาลโลกนั้น ต้องได้รับความยินยอมจากคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งปัญหาดังกล่าว สามารถเจรจากันได้ในระดับทวิภาคี การที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาต้องการนำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลโลก จึงเป็นสิ่งที่เขาต้องการผลักดัน และเป็นแผนการที่วางไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว
ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชา กล่าวผ่านเว็บไซต์ทักษิณไลฟ์ กล่าวถึงเรื่องการฟ้องร้องศาลโลกว่า มีนักกฎหมายทั้งคนไทย และชาวต่างประเทศหลายคนมาปรึกษาหารือ และได้เตรียมการกันเอาไว้แล้ว โดยเป็นกรณีที่เกิดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน