“ศิวรักษ์” หอบแม่-น้องชาย เข้าขอบคุณนายกฯ ดูแลช่วยเหลือคดีตั้งแต่ต้น ก่อนบินกลับทำงานเขมร ทำโฆษกมาร์คอึ้ง!! เชื่อบวชล้างซวยเป็นเหตุปลงตก ลืมอดีตเลวร้ายเคยติดคุกเขมร ด้าน “มาร์ค” เอ็นดูเด็ก อวยพรให้ไปดี หากมีปัญหาพร้อมให้ ก.ต่างประเทศดูแล
วันนี้ (12 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศกรชาวไทย ซึ่งเคยถูกรัฐบาลกัมพูชา ตัดสินให้จำคุกในข้อหาโจรกรรมข้อมูลการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษานายกฯกัมพูชา พร้อมด้วยนางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาและนายพงษ์สุรีย์ ชุติพงษ์ น้องชายฯ ได้เดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งมีนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ และนายชวนนท์ อิทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ ร่วมหารือได้ โดยใช้เวลาในการพบกันเพียง 15 นาที ทั้งนี้ นายศิวรักษ์เเละครอบครัวไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเเต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม นายปณิธานได้เปิดเผยถึงการเข้าพบว่า นายศิวรักษ์เข้าพบ เพื่อขอบคุณนายกฯ ที่สั่งการให้ดูแลนายศิวรักษ์มาตั้งแต่ต้น โดยนายกฯ ได้สอบถามความรู้สึกและปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งแจ้งว่าถ้ามีปัญหาอะไรต้องการให้รัฐบาลช่วยก็ยินดี พร้อมให้กระทรวงต่างประเทศประสานงานดูแลช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่นายศิวรักษ์ไปที่พรรคเพื่อไทยก่อนแสดงให้เห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ดูแลนายศิวรักษ์ ได้ดีกว่ารัฐบาลหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า จริงๆ แล้วนายศิวรักษ์ประสานมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ (11 ม.ค.) และเราต้องการจะจัดให้พบกันตั้งแต่ตอนเช้า แต่นายกฯ มีคิวประชุมตลอดทั้งวันจึงได้พบในช่วงบ่าย
“นายกฯ กังวลเรื่องความปลอดภัยของ นายศิวรักษ์ว่าเมื่อกลับไปแล้วจะเป็นอย่างไร ซึ่งนายศิวรักษ์ ก็ได้แจ้งว่าสถานการณ์โดยรวมดีขึ้นแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นายกฯก็อวยพรและให้กำลังใจ รวมทั้งได้พูดคุยกับน้องชายนายศิวรักษ์ที่กำลังเรียนจบและต้องการเป็นข้าราชการด้วย” นายปณิธานกล่าว
ส่วนกรณีที่นายฮอร์ นัม ฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ออกมาโจมตีรัฐบาลไทยว่าแทรกแซงกิจการของกัมพูชาว่า เป็นมุมมองของท่าน แต่โดยภาพรวมบรรยากาศทางการเมืองของสองประเทศ เริ่มผ่อนคลายในทางที่ดีขึ้น แม้แต่การกลับไปของนายศิวรักษ์ก็ถือเป็นสัญญาณในการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดี รัฐบาลจึงต้องการที่จะปรับความสัมพันธ์เข้าสู่ระดับปกติ ขณะ นี้เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศของทั้งสองประเทศ กำลังเจรจาเพื่อหาทางส่งทูตกลับประเทศ โดยจะเริ่มจากเจ้าหน้าที่ระดับปฎิบัติการ ไปจนถึงเลขานุการเอก และเอกอัครราชทูต แต่ยังไม่สามารถ ระบุได้ว่าจะเป็นช่วงไหน อย่างไรก็ตาม สำหรับเงื่อนไข 3 ข้อในยังคงดำรงอยู่เช่นเดิม แต่ยอมรับว่าในที่สุดแล้วทั้งไทยและกัมพูชาจะไม่มีฝ่ายใดได้ร้อยหรือเสียทั้งร้อย