อัยการคดีเศรษฐกิจยื่นฟ้อง “ราเกซ สักเสนา” ร่วม อดีต กก.ผจก.ใหญ่บีบีซี ทุจริตปล่อยสินเชื่อบีบีซี อีก 2 สำนวน ทุนทรัพย์ร่วม 4,000 ล้าน ศาลรับฟ้อง รอเบิกตัวราเกซสอบคำให้การ 22 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.
วันนี้ (19 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันช่วยเหลือให้ความสะดวก กรรมการผู้จัดการที่รับผิดชอบดำเนินการของนิติบุคคลในตลาดหลักทรัพย์ กระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 307, 308 และ 311 และร่วมกันกับกรรมการผู้จัดการที่รับผิดชอบดำเนินการของนิติบุคคล ในตลาดหลักทรัพย์ เบียดบังเอาทรัพย์ของนิติบุคลนั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต โดยให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน 2,003,344,485.67 บาท แก่บีบีซี และให้นับโทษต่อจากคดี 3054/2552 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ และคดีดำที่ อ.302/2553,692/2553 ของศาลอาญาด้วย
โดยโจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ.38 เวลากลางวัน จำเลยที่ปรึกษานายเกริก กก.ผ.จก.ใหญ่ และนายอัคนัน คาช็อกกี นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย ที่หลบหนีไปยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันช่วยเหลือให้ความสะดวกนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ กก.ผจก.ใหญ่บีบีซี, นายวันชัย ธรรมธิติวัฒน์ และนายเอกชัย อธิคมนันทะ ผช.กก.ผจก.ใหญ่ จำเลยซึ่งถูกศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว ได้สมคบกันวางแผนโดยให้นายอัคนัน ยื่นคำขอสินเชื่อระยะสั้นจำนวน 1,520 ล้านบาท ไปจากบีบีซี โดยอ้างว่าจะขอกู้เงินนำไปซื้อหุ้นเพื่อเข้าครอบงำกิจการบริษัท เซมิคอนดักเตอร์ เวนเจอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือเอสวีไอ โดยขออนุมัติการจ่ายเงินกู้ไปก่อนและจะนำใบหุ้นดังกล่าว 29,968,177 หุ้น มาจำนำเป็นหลักประกัน 50% ของราคาที่ทำคำเสนอขอซื้อที่หุ้นละ 50 บาท คือเท่ากับ 25 บาท คิดเป็นวงเงินจำนำรวม 749,204,425 บาท กับโฉนดที่ดิน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร 9 โฉนดของบริษัท ท่ายาง คอนซัลท์ จำกัด ราคาประเมิน 1,165 ล้านบาท มาเป็นหลักประกัน โดยให้นายพิเศษ พานิชสมบัติ จำเลยคดีอื่นกับพวก ทำราคาประเมินหลักประกันเพื่อให้เป็นหลักฐานว่าหลักประกันนั้นมีราคาเพียงพอตต่อการให้สินเชื่อ โดยจำเลยเป็นผู้ดำเนินนำเอกสารต่างๆ มามอบให้ พนักงานบีบีบีซี เสนอนายเกริกเกียรติ ผ่านนายวันชัยอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งความจริงแล้วจำเลยกับพวก ไม่ได้มีเจตนาจะเอาหลักทรัพย์ใบหุ้นบริษัทดังกล่าวมามอบเป็นหลักประกัน แต่ต้องการแสวงหากำไรจากซื้อขายหุ้น ซึ่งต่อมาราคาหุ้นดังกล่าวลดลงจึงนำมาเป็นหลักประกันเมื่อวันที่ 11 ก.ย.38 ขณะที่โฉนดที่ดิน 9 แปลงราคาจริงเพียง 26.9 ล้านบาท อีกทั้งจำเลยกับพวกยังนำไปเป็นหลักประกันหนี้ของ บ.ซิตี้เทรดดิ้ง คอร์ปอเรชั่นจำกัด โดย น.ส.สุนันทา หาญวรเกียรติ กรรมการ จำเลยคดีอื่นซึ่งเป็นการให้กู้เงินระยะเวลาใกล้เคียงกันจึงย่อมไม่สามารถนำเป็นหลักประกันได้ โดยพวกจำเลยได้อาศัยโอกาสดังกล่าวอนุมัติสินเชื่อจำนวน 1,520 ล้านบาท ซึ่งเป็นการอนุมัติที่ฝ่าฝืนคำสั่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ต้องให้คณะกรรมการสินเชื่อของบีบีซี พิจารณากลั่นกรองความเป็นไปได้เสียก่อน การกระทำจึงฝ่าฝืนหน้าที่มีเจตนาจะเอาเงิน 1, 520 ล้านบาท ไปโดยทุจริตทำให้บีบีซีเสียหาย
ต่อวันที่ 2 มี.ค.38 จำเลยยื่นคำขอต่ออายุวงเงินกู้ข้างต้นและขอวงเงินค้ำประกัน หรือแอลจี 364,981,400 บาทจากบีบีซีไปค้ำประกันซื้อหุ้นบริษัท มรกต อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) ต่อบริษัทหลักทรัพย์เอกเอเชีย มีกำหนด 3 เดือน และยังขออนุมัติผ่อนผันเงินกู้ทั้งหมด และยังขอใช้หลักประกันใหม่เป็นอพาร์ตเมนต์ รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ราคา700 ล้านบาท และที่เมืองโคนส์ ประเทศฝรั่งเศส ราคา 803 ล้านบาทแทนโฉนดที่ดิน จ.พิจิตร ซึ่งเป็นหลักประกันเดิม เพื่อให้มีราคาต่อการให้สินเชื่อจากนั้นจำเลยมอบให้ จำเลยอื่นที่เกี่ยวข้องดำเนินการด้านเอกสาร การกระทำดังกล่าวไม่ผ่านการประเมินของเจ้าหน้าที่บีบีซี เป็นผลให้อนุมัติวงเงินสินเชื่อไป 364,981,400 บาท อันเป็นการขัดต่อคำสั่ง ธปท. และเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.38 จำเลยกับพวกอ้างว่ามีความจำเป็นต้องใช้วงเงินต่อและขอวงเงินอาวัล จำนวน 300 ล้านบาท เพื่อเพิ่มเติมการให้สินเชื่อแบบเชื่อมต่อในการนำหลักทรัพย์จากต่างประเทศมาจำนองเป็นหลักประกันต่อบีบีซี เพื่อปรับปรุงหนี้ โดยจำเลยเป็นผู้ดำเนินการด้านเอกสาร เสนอนายเกริกเกยีตริ กับพวก โดยไม่มีเจตนานำหลักทรัพย์มาเป็นหลักประกันจริง แต่แสวงหากำไรจากขายหุ้นดังกล่าว ต่อมาหุ้นราคาลดลงอีกทั้งอพาร์ทเม้นท์ทั้ง 2 แห่งจำเลยกับพวกจัดทำราคาประเมินเอง อันฝ่าฝืน คำสั่ง ธปท.จึงเป็นการร่วมกันถ่ายเทวงเงินครั้งหลังไปชำระหนี้ครั้งแรก สร้างความเสียหายต่อบีบีซี
จากนั้นวันที่ 25 ก.ค.38 จำเลยกับพวกร่วมกันเบียดบังเอาทรัพย์สินของบีบีซี จำนวน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 25 ล้านบาท โดยสมคบกันวางแผนตามขั้นตอน ให้นายอัคนัน ยื่นคำขอสินเชื่อระยะสั้นอ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายปรับปรุงหนี้ ตามที่บีบีซีอนุมัติสินเชื่อครั้งแรกซึ่งมีนายเกริกเกียรติกับพวกอนุมัติโดยจำเลยไม่มีนำใบหุ้นมาเป็นหลักประกัน นาอกจากนี้จำเลยยังได้อ้างนำหลักทรัพย์ของบริษัท Ashley Venture Corp มาเป็นหลักประกันอีกหลายรายการ ประกอบด้วยการจำนองเครื่องบินแม็กโดแนล ดักลาส ดีซี 9 ราคา 200 ล้านบาท อพาร์ตเมนต์ ประเทศสเปน ราคา 42 ล้านบาท ที่ดินโครงการวิลลา ลีโอนา ประเทศสเปน ราคา 260 ล้านบาทเศษ ที่ดินโครงการวิลลา ลาส พาลมัส ประเทศสเปน ราคา 118 ล้านบาท ที่ดินโครงการเดียวกันเฟสที่สอง ราคา 99 ล้านบาท กับการโอนสิทธิ์เท่าเทียบเรือยอชต์ ประเทศสเปน 2 แห่งราคา 142 ล้านบาทเศษ และราคา 59 ล้านบาทเศษ ท่าเทียบเรือยอร์ช ประเทศฝรั่งเศส ราคา 59 ล้านบาทเศษ ท่าเทียบเรือ ประเทศอิตาลี ราคา 93 ล้านบาทเศษ โดยราคาดังกล่าวจำเลยประเมินเองฝ่ายเดียว และนำเสนอนายเกริกเกียรติอนุมัติสินเชื่อ จำนวน 12 ล้านเหรียญสหรัฐ อันเป็นการฝ่าฝืนโดยไม่มีการตรวจสอบ และพวกจำเลยไม่สามารถนำหลักทรัพย์ในต่างประเทศมาจดจำนองได้จริง
กระทั่งวันที่ 10 มี.ค. - 5 ต.ค.38 จำเลยวางแผนใช้บัตรพิเศษผ่านรายการ 0109 J ที่ใช้สำหรับการแก้ไขเพิ่มวงเงินสินเชื่อในระบบคอมพิวเตอร์ลูกค้าเงินกู้บีบีซี แก้ไขเพิ่มวงเงินสินเชื่อเร่งด่วนจำนวน 24 ล้านบาทเศษแก่นายอัคนัน รวม 10 ครั้ง ซึ่งรวมความเสียหายทั้งหมด 2,003,344,485.67 บาท ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ
ท้ายคำฟ้องอัยการระบุด้วยว่า ขณะนี้จำเลยถูกควบคุมตัวตามหมายขังของศาลอาญากรุงเทพใต้ซึ่งพนักงานอัยการได้รับตัวจำเลยมาจากประเทศแคนาดามาดำเนินคดีภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข่ามแดนระหว่างไทยและอังกฤษ ซึ่งคดีนี้อยู่ระหว่างกระบวนการยื่นคำขอไปยังรัฐบาลแคนาดาเพื่อขอความยินยอมในการดำเนินคดีกับจำเลยตามสนธิสัญญาระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลแคนาดาแต่เนื่องจากคดีจะหมดอายุความในวันที่ 22 ก.พ.นี้ จึงจำเป็นต้องยื่นฟ้องคดีต่อศาล แต่เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและปฏิบัติตามพันธกรณีที่ประเทศไทยมีต่อแคนาดาตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนและเพื่อปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 โจทก์จึงขอให้ศาลรับคำฟ้องนี้ไว้และรอการดำเนินคดีต่อไปไว้ก่อนจนกว่าทางการไทยจะได้รับหนังสือแจ้งความยินยอมจากแคนาดาซึ่งโจทก์จะแถลงให้ศาลทราบต่อไป
ศาลประทับรับคำฟ้องไว้พิจารณาเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.691/2553 และนัดสอบคำให้การนายราเกซ วันที่ 22 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.
วันเดียวกัน อัยการคดีเศรษฐกิจฯ ได้ยื่นฟ้องนายราเกซ เป็นจำเลย ในความผิดเดียวกันนี้ อีกสำนวน โดยให้ชดใช้เงินจำนวน 1,988,718,475.91 บาท และให้นับโทษนายราเกซ จำเลยต่อจากคดีที่ยื่นฟ้องอีก 3 สำนวนด้วย
ตามฟ้องโจทก์ระบุว่าเมื่อวันที่ 21 ก.พ.38 - 27 มี.ค.39 จำเลยขออนุมัติติสินเชื่อ บริษัท ซัพพอร์ต ซิสเต็มส์ จำกัด ที่มีนายรังสรรค์ ปิยะวงศ์ภิญโญ เป็นกรรมการ ร่วมกันวางแผนออกเช็คบีบีซี สั่งจ่ายเงินจากบัญชีเพื่อชำระหนี้-ดอกเบี้ย แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และบริษัทอื่นที่มีจำเลยเป็นกรรมการบริษัทโดยนายเกริกเกรียติ กก.ผจก.ใหญ่บีบีซี รู้อยู่แล้วว่าบริษัทนั้นไม่ได้ประกอบกิจการที่แท้จริง โดยใช้บัตรผ่านรายการเลขที่ 0109 ของนายเอกชัย ผช.กก.ผจก.ใหญ่ อนุมัติสินเชื่อเร่งด่วน จำนวน 266 ครั้ง จำนวน 1,988,718,475.91 บาท ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลประทับรับคำฟ้องไว้พิจารณาเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.692/2553 และนัดสอบคำให้การนายราเกซ วันที่ 22 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายราเกซนั้น เวลานี้ได้ถูกอัยการยื่นฟ้องต่อศาลอาญาและศาลอาญากรุงเทพใต้ รวมแล้ว 4 สำนวน
ด้าน นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร เปิดเผยว่า ขณะนี้อัยการ ทะยอยยื่นฟ้องคดีกับนายราเกซ เนื่องจากคดีใกล้หมดอายุความ โดยสัปดาห์หน้าอัยการเตรียมยื่นฟ้องคดีต่อนายราเกซ อีก 1 สำนวนด้วย