xs
xsm
sm
md
lg

“จูดี้” ช่วยเป่ามนต์สะกดเจ้าหนี้ “ครูน้อย” ลดยอดหนี้ 8 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

โฆษก ตร.รับปากจะช่วยเจรจาเจ้าหนี้ “ครูน้อย” 20 ราย ให้พิจารณาลดหย่อนยอดหนี้-ดอกเบี้ย จากยอดสูง 8 ล้าน พร้อมจะช่วยจัดระบบการใช้จ่ายเงินใหม่ ด้านครูน้อย บอกไม่คิดทำเป็นมูลนิธิเพราะค่าใช้จ่ายสูง แม้ปัจจุบันต้องแบกภาระจ่ายให้เด็กไปเรียนตั้งแต่ ป.1 วันละ 15 บาท ถึง ระดับมหาวิทยาลัยวันละ 140 บาท

วันนี้ (9 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.00 น. พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานะโฆษกตร. พ.ต.อ.ดุสิต สมศักดิ์ ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ เดินทางมาพบนางนวลน้อย ทิมกุล หรือ ครูน้อย อายุ 67 ปี ที่สถานรับเลี้ยงเด็กยากจนบ้านครูน้อย เลขที่ 319 ม.1 ซ.ราษฎร์บูรณะ 26 แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ เพื่อสรุปยอดจำนวนเจ้าหนี้และยอดหนี้ภายหลังจากได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเรื่องดังกล่าว

พล.ต.ท.พงศพัศ เปิดเผยว่า หลังจากทราบว่าครูน้อยมีหนี้สินจำนวนมาก ตนได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ดุสิต ประสานข้อมูลเรื่องจำนวนเจ้าหนี้และจำนวนยอดเงินที่ครูน้อยเป็นหนี้ หลังจากตรวจสอบแล้วพบว่า ขณะนี้ครูน้อยเป็นหนี้อยู่ประมาณ 8 ล้านบาทเศษ โดยมีเจ้าหนี้ทั้งหมด 20 ราย ในวันนี้ตนจึงเดินทางมาพบครูน้อยเพื่อสรุปยอดข้อมูลที่ทางตำรวจกับข้อมูลของครูน้อยว่าตรงกันหรือไม่

พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า จากนี้เจ้าหน้าที่จะไปพูดคุยกับบรรดาเจ้าหนี้เพื่อขอลดหย่อนดอกเบี้ยหรือยอดเงินให้ลดน้อยลง โดยหลังจากที่ได้มีการพูดคุยกับเจ้าหนี้ไปบางรายแล้วนั้น มีบางส่วนที่ยินยอมที่จะลดยอดเงินลง จากยอดเงินที่เป็นหนี้ทั้งหมดจำนวน 8 ล้านบาท คาดว่าจะลดลงกว่าครึ่งเหลือเพียง 4 ล้านบาท และจะพยายามพูดคุยให้ยอดหนี้เหลือน้อยที่สุด เพื่อให้ครูน้อยมีกำลังใจในการทำงานเพื่อสังคมต่อไป เพราะเงินที่ครูน้อยเป็นหนี้เกิดจากการช่วยเหลือเด็กที่ยากไร้ ไม่ได้นำเงินไปเล่นการพนัน หรือทำเรื่องที่ไม่ดีและประชาชนที่มีจิตศรัทธาที่บริจาคเงินเข้ามาจะได้มีกำลังใจในการช่วยเหลือต่อไป และจะช่วยให้ครูน้อยมีการจัดการระบบในการใช้จ่ายเงินให้ดีขึ้นโดยจะแนะนำให้มีการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย และบริหารจัดการระบบการเงินให้ดีขึ้น

ทางด้าน พ.ต.อ.ดุสิต เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบบรรดาเจ้าหนี้ว่ามีใครบ้างพบว่ามีจำนวน 20 ราย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 8,215,000 บาท และได้พูดคุยแล้วทุกราย โดยเจ้าหนี้ที่ครูน้อยเป็นหนี้มากที่สุดมียอดเงิน 1.7 ล้านบาท บางรายครูน้อยเป็นหนี้อยู่ 8.3 แสนบาท เจ้าหนี้รายนี้ยอมลดหนี้ให้เหลือเพียง 3 แสนบาทและไม่คิดดอกเบี้ย เท่าที่พูดคุยกับบรรดาเจ้าหนี้พบว่าส่วนใหญ่เป็นการยืมเงินแบบไทยๆ ไม่มีการทำสัญญาเวลาครูน้อยไม่มีเงินซื้อข้าวให้เด็กก็ให้เด็กวิ่งไปยืมเงินจากเจ้าหนี้มา มีบางรายเขียนในกระดาษเล็กๆ ว่ายอดเงินเป็นจำนวนเท่าไหร่ ส่วนที่คาดว่าจะมีการข่มขู่จากบรรดาเจ้าหนี้นั้นจากการตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีการมาข่มขู่ครูน้อย แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ประมาทได้จัดกำลังมาเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง

ด้าน ครูน้อยเปิดเผยว่า ตนรู้สึกเสียใจที่มีคนสงสัยว่าตนนำเงินที่ได้รับบริจาคไปซื้อรถให้ลูกและนำเงินไปซื้อที่ดินทั้งที่ไม่เป็นความจริง ลูกๆ ตนทั้ง 2 คน สามีตนเป็นคนดูแลในทุกเรื่อง ตนไม่เคยนำเงินที่ได้รับบริจาคในส่วนนี้ไปใช้จ่ายกับลูกๆ โดยลูกคนโตของตนจบปริญญาโทกำลังจะแต่งงาน การที่ตนเป็นหนี้นั้นเกิดจากการที่ตนต้องให้เงินเด็กเป็นค่าใช้จ่ายไปโรงเรียน โดยเด็กที่เรียนอยู่ชั้นอนุบาลตนให้ใช้วันละ 10 บาท ป.1- ป.2 วันละ 15 บาท ป.3-ป.4 วันละ 20 บาท ป.5-ป.6 วันละ 30 บาท ม.1-ม.3 วันละ 60 บาท ม.4-ม.6 วันละ 70 บาท ระดับ ปวช. วันละ 80 บาท ระดับ ปวส. 90 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏ วันละ 100 บาท และมหาวิทยาลัยวันละ 140 บาท ซึ่งตนต้องให้เงินเด็กๆ ไปโรงเรียนทุกวัน

ครูน้อยกล่าวต่อว่า ตนรู้สึกน้อยใจที่มีคนเรียกร้องให้ตรวจสอบตน ตนไม่ใช่อาชญากรที่โกงบ้านเมืองเหตุใดไม่ไปตรวจสอบคนเหล่านั้น ที่เห็นว่าพวกเด็กๆ ที่อยู่ในความดูแลของตนไม่เหมือนเด็กอนาถา เนื่องจากเด็กเหล่านี้ตนเลี้ยงดูมาอย่างดี ให้ที่อยู่ที่กินให้ใส่เสื้อผ้าดีๆ เพราะสิ่งของที่ได้รับบริจาคมานั่นเอง ถ้าในอนาคตมีคนมาปิดบ้านครูน้อยตนก็ยินดีแต่ก็ต้องรับเด็กของตนไปเลี้ยงดูให้ดีหรือจะให้ตนเปลี่ยนจากบ้านครูน้อยเป็นมูลนิธิตนคงไม่ทำ เนื่องจากการจัดตั้งมูลนิธิต้องใช้เงินมากขอตนทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะดีกว่า

อย่างไรก็ตาม ตนก็ยอมรับว่าที่ผ่านมาตนผิดเองที่บริหารเงินไม่เป็น เพราะตนให้เงินเด็กๆ ไปตลอดโดยที่ไม่ดูว่าเงินในกระเป๋ามีเท่าไหร่ ต่อจากนี้ตนจะจัดการระบบการใช้จ่ายเงินให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำอีก

จากนั้น พล.ต.ท.พงศพัศ พ.ต.อ.ดุสิต และครูน้อย ได้นำข้อมูลของเจ้าหนี้และยอดเงินที่รวบรวมมาเปรียบเทียบกันทีละราย โดยพบว่าข้อมูลตรงกันทั้งหมด ทั้งรายชื่อเจ้าหนี้และยอดเงิน ซึ่งขั้นตอนต่อไปเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับไปดำเนินการพูดคุยกับเจ้าหนี้เพื่อลดหย่อนหนี้ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วงเช้ามีผู้นำเงินและสิ่งของมาบริจาคอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีผู้โทรศัพท์ติดต่อเพื่อนัดวันจะนำของเข้ามาบริจาค และยังมีพระสงฆ์จากวัดไตรรัตนาราม ย่านบางเขนนำข้าวสารและอาหารแห้งมาบริจาคด้วย นอกจากนั้นมีนายเรืองเดช ตรีสนธ์ อายุ 23 ปี ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่บริษัท เซ็นทรัล โกลด์ จำกัด จ.สมุทรสาคร เดินทางนำเงินจำนวนหนึ่งมามอบให้ครูน้อย

นายเรืองเดชเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยอยู่ในอุปการะของครูน้อยมา 17 ปี ตั้งแต่อายุได้ 4-5 ขวบ พ่อตนเคยเป็นกรรมกรก่อสร้าง เมื่อรู้ข่าวว่าครูน้อยมีหนี้สินจึงรู้สึกสงสารมาก และสำนึกในบุญคุณที่ครูน้อยเคยส่งเสียเลี้ยงดูตนอย่างดี จึงรวบรวมเงินจากเพื่อนร่วมงานมาได้ 1 ซองโดยไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าใด และบริษัทที่ตนทำงานได้นำเงินมามอบให้อีก 1 ซองเพื่อมอบให้แก่ครูน้อยใช้จ่ายต่อไป
พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร. กับ ครูน้อยหารือหาทางออกกับหนี้สิน 8 ล้านบาท
พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานะโฆษกตร.  เดินทางมาพบนางนวลน้อย ทิมกุล หรือ ครูน้อย อายุ 67 ปี ที่สถานรับเลี้ยงเด็กยากจนบ้านครูน้อย เพื่อช่วยเจรจากับเจ้าหนี้ 20 ราย ให้ลดหย่อนดอกเบี้ยยอดหนี้ 8 ล้าน
กำลังโหลดความคิดเห็น