ครูน้อยปัดนำเงินบริจาค ไปซื้อที่ดินส่วนตัว ทำให้ต้องกู้นอกระบบ ทำใจหากต้องย้ายเด็กไปที่อื่น ด้าน พม.อ้าแขนรับดูแลเด็กบ้านครูน้อยทั้งหมด 72 คน ส่วนภาระหนี้สินให้หน่วยงานอื่นเข้าไปดูแล ระบุ “ครูน้อย” จดทะเบียนเป็นสถานเลี้ยงเด็กเอกชนไม่เกิน 30 คน เมื่อปี 2535 แต่เมื่อมีเด็กมากขึ้นเหตุใดไม่มาจดเป็นสถานสงเคราะห์ เพื่อรับสิทธิช่วยเหลืออื่นๆ
นางญาณี เลิศไกร รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือเด็กในบ้าน ครูน้อย หรือ นางนวลน้อย ทิมกุล บ้านเลขที่ 319 หมู่ 1 ซอยราษฎร์บูรณะ 26 เขตราษฎรษ์บูรณะ กรุงเทพมหานคร (กทม.) จำนวน 72 คนว่า บ้านครูน้อยเคยจดทะเบียนเป็นสถานเลี้ยงเด็กเอกชน รับผิดชอบคนไม่เกิน 15 คน และ ในปี 2535 มาจดเพิ่มเติมขอไม่เกิน 30 คน ขณะนี้ พม.ไม่ทราบว่ามีการเลี้ยงเด็กจำนวนเท่าใด
“ไม่ทราบเช่นกันว่าเมื่อครูน้อยเห็นว่ามีเด็กในการดูแลจำนวนมาก ทำไมจึงไม่จดทะเบียนเป็นสถานสงเคราะห์ เพื่อได้รับสิทธิพิเศษ แทนที่จะแบกรับจนเป็นหนี้สินจำนวนมาก ที่ผ่านมา พม.ได้อุดหนุนเด็กให้กับบ้านครูน้อยจำนวน 300 บาทต่อหัว เฉพาะที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ พม.เท่านั้น นอกจากนี้ เมื่อประมาณปี 2550 พม.เคยอุดหนุนเงินให้กับบ้านครูน้อยแล้วกว่า 43,000 บาท พร้อมทั้งสนับสนุนสื่อการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง” รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ กล่าว
นางญาณีกล่าวต่อว่า พม.จะเข้าไปช่วยเหลือโดยการตรวจสอบรายชื่อเด็ก พ่อ แม่ เด็ก หากมีความต้องการที่จะอยู่ในความรับผิดชอบของ พม.ก็ยินดีที่จะรับมาเลี้ยงดู ให้การศึกษา ทั้ง 72 คน โดยมีสถานที่รองรับ เช่น บ้านราชวิถี บ้านเมืองนนท์ สถานเลี้ยงเด็กบางมด ราษฎร์บูรณะ เป็นต้น ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
“ในส่วนของ พม.จะรับผิดชอบได้แค่เรื่องของการดูแลเด็ก ส่วนเรื่องหนี้สิน คงต้องให้หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องดูแล”นางญานีกล่าว
ขณะที่กลุ่มประชาชนที่มีบ้านพักอาศัยอยู่บริเวณรอบบ้านพักของครูน้อย ภายในซอยราษฎร์บูรณะ 26 เขตราษฎร์บูรณะ ตั้งข้อสังเกตพฤติกรรมของครูน้อยว่า การดำเนินงานของบ้านครูน้อยไม่มีการเปิดเผยถึงจำนวนเงินที่รับบริจาค
รวมทั้งมีกระแสข่าวว่าครูน้อยนำเงินบริจาคจากหน่วยงานและรัฐบาลไปใช้จ่ายส่วนตัวอย่างสุรุ่ยสุร่าย โดยเฉพาะมีการกล่าวหาว่ามีการนำเงินบริจาคบางส่วนและที่หน่วยงานต่างๆ ช่วยเหลือเข้ามาใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับบุตรของตนเอง ทั้งเรื่องซื้อบ้าน และที่ดินที่จังหวัดสระบุรี
ด้าน ครูน้อยยืนยันและปฏิเสธเรื่องดังกล่าวว่าไม่มีการซื้อขายที่ดิน และหากรัฐตัดสินใจย้ายเด็กที่ยากไร้ออกจากบ้านครูน้อยไปยังสถานพักพิงแห่งอื่นก็คงต้องยอมรับ ถึงแม้ส่วนตัวจะไม่เห็นด้วยก็ตาม