แอร์โฮสเตสสาวสุดทน คดีแม่ถูกจ้างวานฆ่าไม่คืบหน้า ตำรวจอุดรธานีให้ประกันตัวผู้จ้างวาน และยังไม่ดำเนินคดี 2 ตำรวจรับจ้างฆ่า วอนอธิบดีดีเอสไอสอบสวนคลี่คลายคดี
วันนี้ (1 ก.พ.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ น.ส.กุสุมา อินทร์ศรี อายุ 25 ปี แอร์โฮสเตสสายการบินต่างชาติแห่งหนึ่ง อยู่บ้านเลขที่ 22 ซอยนวมินทร์ 74 แขวงและเขตคันนายาว กทม. ได้เข้ายื่นหนังสือขอความธรรมต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ดีเอสไอเร่งรัดคลี่คลายคดีนางกุหลาบ อินทร์ศรี อายุ 48 ปี มารดาที่หายตัวไปอย่างลึกลับ เมื่อวันที่ 17 พ.ย.2552 หลังเข้าไปพักในบ้านพักตำรวจของ สภ.บ้านเพื่อม ต.เขื่อน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
น.ส.กุสุมา อินทร์ศรี เปิดเผยว่า มารดาได้หายตัวไปเมื่อคืนวันที่17 พ.ย.52 ขณะเข้าไปพักในบ้านพักตำรวจของ สภ.บ้านเพื่อม ซึ่งเป็นบ้านของนายดาบตำรวจคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนใหม่ของมารดา ที่เกิดเหตุพบเพียงโทรศัพท์มือถือ กระเป๋า และรอยคราบเลือด ทั้งนี้จากการตรวจดีเอ็นเอของคราบเลือดพบว่าเป็นเลือดของมารดาซึ่งทางครอบครัวเชื่อว่าเสียชีวิต กระทั่งวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางตำรวจกองบังคับการภูธรอุดรธานี ได้ติดตามจับกุมตัวนางเยาวลักษณ์ โฆษิต อายุ 48 ปี เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่านางกุหลาบ
จากการสอบสวนให้การรับสารภาพอ้างว่าหึงหวงที่ผู้ตายไปคบกับนายดาบตำรวจคนดังกล่าว จนต้องจ้างวานตำรวจ 2 นายสังกัด สภ.บ้านเพื่อม ในราคา 6 หมื่นบาท เบื้องต้นแนวทางการสอบสวนของตำรวจกองบังคับการภูธรอุดรธานี คาดว่าเป็นเรื่องชู้สาว ทั้งนี้ การสอบสวนตำรวจผู้ต้องสงสัย 2 นายยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
น.ส.กุสุมา เปิดเผยต่อว่า เบื้องต้นจากการสอบถามนายดาบตำรวจแฟนใหม่ของแม่บอกว่าออกจากห้องเกิดเหตุไปประมาณ 3 ทุ่ม เห็นว่าแม่ตนไม่สบายจึงให้กินยาห่มผ้าให้โดยคล้องกุญแจหน้าบ้านเอาไว้ กลับมาอีกครั้งก็พบว่าแม่หายตัวไปแล้ว โดยคดีนี้หลังมีการออกหมายเรียกตำรวจ 2 นายที่ถูกผู้ต้องหาซัดทอดไปสอบสวน แต่ได้รับการแจ้งว่ายังไม่มีหลักฐานดำเนินคดีได้ จึงตัดสินใจเข้าขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีดีเอสไอให้ช่วยเหลือเร่งรัดคลีคลายคดี
“สาเหตุที่แม่ถูกสังหารครั้งนี้ ทราบว่าผู้ต้องหามีความหึงหวงเมื่อทราบว่าแม่จะไปจดทะเบียนกับนายดาบตำรวจ ซึ่งมีข้อสงสัยอีกว่าแม่เพิ่งจะเข้าไปนอนห้องเกิดเหตุแค่คืนแรกก็ถูกทำร้ายเสียชีวิต อีกทั้งในส่วนผู้ต้องหาก็ได้การประกันตัวออกไปแล้ว จึงรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องเรียนให้ดีเอสไอดำเนินการต่อไป” น.ส.กุสุมา กล่าว
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า เบื้องต้นคดีนี้จะเป็นหน้าที่ของตำรวจในท้องที่ที่ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าไม่สามารถดำเนินการตามปกติหรือขัดข้องเพราะเป็นคดีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เดียวกันเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว ดีเอสไอจะดูแลเข้าไปดำเนินการเรื่องนี้เป็นพิเศษ
วันนี้ (1 ก.พ.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ น.ส.กุสุมา อินทร์ศรี อายุ 25 ปี แอร์โฮสเตสสายการบินต่างชาติแห่งหนึ่ง อยู่บ้านเลขที่ 22 ซอยนวมินทร์ 74 แขวงและเขตคันนายาว กทม. ได้เข้ายื่นหนังสือขอความธรรมต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ดีเอสไอเร่งรัดคลี่คลายคดีนางกุหลาบ อินทร์ศรี อายุ 48 ปี มารดาที่หายตัวไปอย่างลึกลับ เมื่อวันที่ 17 พ.ย.2552 หลังเข้าไปพักในบ้านพักตำรวจของ สภ.บ้านเพื่อม ต.เขื่อน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
น.ส.กุสุมา อินทร์ศรี เปิดเผยว่า มารดาได้หายตัวไปเมื่อคืนวันที่17 พ.ย.52 ขณะเข้าไปพักในบ้านพักตำรวจของ สภ.บ้านเพื่อม ซึ่งเป็นบ้านของนายดาบตำรวจคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนใหม่ของมารดา ที่เกิดเหตุพบเพียงโทรศัพท์มือถือ กระเป๋า และรอยคราบเลือด ทั้งนี้จากการตรวจดีเอ็นเอของคราบเลือดพบว่าเป็นเลือดของมารดาซึ่งทางครอบครัวเชื่อว่าเสียชีวิต กระทั่งวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางตำรวจกองบังคับการภูธรอุดรธานี ได้ติดตามจับกุมตัวนางเยาวลักษณ์ โฆษิต อายุ 48 ปี เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่านางกุหลาบ
จากการสอบสวนให้การรับสารภาพอ้างว่าหึงหวงที่ผู้ตายไปคบกับนายดาบตำรวจคนดังกล่าว จนต้องจ้างวานตำรวจ 2 นายสังกัด สภ.บ้านเพื่อม ในราคา 6 หมื่นบาท เบื้องต้นแนวทางการสอบสวนของตำรวจกองบังคับการภูธรอุดรธานี คาดว่าเป็นเรื่องชู้สาว ทั้งนี้ การสอบสวนตำรวจผู้ต้องสงสัย 2 นายยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
น.ส.กุสุมา เปิดเผยต่อว่า เบื้องต้นจากการสอบถามนายดาบตำรวจแฟนใหม่ของแม่บอกว่าออกจากห้องเกิดเหตุไปประมาณ 3 ทุ่ม เห็นว่าแม่ตนไม่สบายจึงให้กินยาห่มผ้าให้โดยคล้องกุญแจหน้าบ้านเอาไว้ กลับมาอีกครั้งก็พบว่าแม่หายตัวไปแล้ว โดยคดีนี้หลังมีการออกหมายเรียกตำรวจ 2 นายที่ถูกผู้ต้องหาซัดทอดไปสอบสวน แต่ได้รับการแจ้งว่ายังไม่มีหลักฐานดำเนินคดีได้ จึงตัดสินใจเข้าขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีดีเอสไอให้ช่วยเหลือเร่งรัดคลีคลายคดี
“สาเหตุที่แม่ถูกสังหารครั้งนี้ ทราบว่าผู้ต้องหามีความหึงหวงเมื่อทราบว่าแม่จะไปจดทะเบียนกับนายดาบตำรวจ ซึ่งมีข้อสงสัยอีกว่าแม่เพิ่งจะเข้าไปนอนห้องเกิดเหตุแค่คืนแรกก็ถูกทำร้ายเสียชีวิต อีกทั้งในส่วนผู้ต้องหาก็ได้การประกันตัวออกไปแล้ว จึงรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องเรียนให้ดีเอสไอดำเนินการต่อไป” น.ส.กุสุมา กล่าว
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า เบื้องต้นคดีนี้จะเป็นหน้าที่ของตำรวจในท้องที่ที่ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าไม่สามารถดำเนินการตามปกติหรือขัดข้องเพราะเป็นคดีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เดียวกันเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว ดีเอสไอจะดูแลเข้าไปดำเนินการเรื่องนี้เป็นพิเศษ