จับหลาน “ฉลอง ภักดีวิจิตร” ขาดทุนหนังจ่ายเช็คเด้ง-หนีศาล

ตร.กองปราบฯ ตาบรวบตัวหลานผู้กำกับชื่อดัง “ฉลอง ภักดีวิจิตร” สร้างหนังแผ่นเรตอาร์วีซีดีวางขาย จ้างบริษัทโฆษณาโปรโมตแล้วจ่ายเช็ค ปรากฏหนังขาดทุนเช็คเด้ง ถูกบริษัทฟ้องกลับหนีศาลก่อนถูกจับตัวได้ เจ้าตัวรับทำหนังขาดทุน 2 ล้าน แถมบ้านโดนยึด ตัดพ้อเป็นหลานชาย “ฉลอง” แต่ไม่เคยเหลียวแลเลย


วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.5 บก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.ท.จอม สิงห์น้อย สว.กก.5.บก.ป.นำกำลังจับกุม นายกิตติ หรือกิตติหาญ ภักดีวิจิตร อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 393/155 ซ.ลาดพร้าว 94 (ปัญจมิตร) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 1308/2550 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2549 ตามความผิด พ.ร.บ.อันเกิดจากการใช้เช็ค และไม่มาศาลตามกำหนดนัด จับกุมได้ที่บริเวณร้านอาหารลานร่มไม้ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม เขตลาดพร้าว กทม.

ทั้งนี้ เมื่อปี 2549 นายกิตติ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท 56 จำกัด สร้างหนังแผ่นวีซีดีเรื่อง “ฉันรักผัวเขา” นำแสดงโดย “บี๋” ธีรพงษ์ เหลียวรักวงศ์ “ตุ๊กตา” อุบลวรรณ บุญรอด และ มาริษา สัมฤทธิ์สุข ซึ่งหนังเรื่องดังกล่าวเป็นหนังเรตอาร์ เนื้อหารักสามเส้า บี๋ ธีรพงษ์ แสดงเป็น “มนัสวิน” นักธุรกิจหนุ่มที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตครอบครัว ส่วน อุบลวรรณ แสดงเป็นแกมแข ภรรยาของมนัสวิน เป็นผู้หญิงที่ไม่เคยพอในเรื่องความต้องการทางกามารมณ์ และมาริษา สัมฤทธิ์สุข เป็นอัมพิกา นักร้องชื่อดังที่แอบเป็นชู้กับมนัสวิน เมื่อหนังสร้างเสร็จ ผู้ต้องหาได้ว่าจ้างให้บริษัท ออนเนอร์ มีเดียร์ จำกัด โฆษณาหนังให้ในราคา 3 แสนกว่าบาท แต่หนังไม่ประสบความสำเร็จ ขาดทุน 2 ล้านบาท ผู้ต้องหาจึงจ่ายเช็คให้บริษัท ออนเนอร์ มีเดียร์ จำกัด เมื่อนำไปขึ้นเงินปรากฏว่าเช็คเด้ง จึงฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จากนั้นศาลสั่งพิจารณาคดีแต่ผู้ต้องหากลับหนีศาล กระทั่งถูกศาลออกหมายจับดังกล่าว

ด้าน นายกิตติกล่าวว่า ตนเป็นหลานชายของฉลอง ภักดีวิจิตร ผู้กำกับหนังชื่อดัง โดยเมื่อปี 2548 ตนได้ลงทุนสร้างหนังเรื่องเกมล่าทรชน แต่ขาดทุนไม่มาก จากนั้นได้สร้างหนังเรื่องฉันรักผัวเขาเป็นเรื่องที่ 2 ขาดทุนไป 2 ล้านบาท ที่ผ่านมาพยามยามขอประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ แต่เขาไม่ยอม และแจ้งความดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้มีนายทุนลงทุนให้ทำหนังเรื่อง “พยัคฆ์ร้าย 6 แผ่นดิน” นำแสดงโดย ดอม เหตระกูล และ ซอนย่า คูลลิ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะพอมีกำไรไปจ่ายหนี้บางส่วนได้บ้าง แต่ก็มาถูกจับกุมเสียก่อน

“ผมทำหนังขาดทุนไป 2 ล้าน บ้านก็โดนยึด แถมบริษัทยังมาล้มละลายอีก ส่วนลุงฉลองก็ไม่มาสนใจผมหรอก ขนาดผมไม่สบายยังไม่มาเหลียวแลเลย เราเดินกันคนละเส้นทาง” นายกิตติกล่าวด้วยสีหน้าสลด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลแขวงพระนครเหนือดำเนินคดีต่อไป