พระราชทานเพลิงศพผู้กำกับดัง “บัณฑิต” คนบันเทิงแห่ร่วมไว้อาลัยครั้งสุดท้ายแน่นวัด ด้าน “ซูโม่กิ๊ก” ลั่นเตรียมเปิดกล้อง “บุญชู” ภาคสุดท้าย พร้อมนำรายได้ทั้งหมดจากหนังมอบให้ครอบครัว “ฤทธิ์ถกล”
ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้วช่วงเย็นวานนี้ (17 ม.ค.) สำหรับพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้กำกับฝีมือเยี่ยมของเมืองไทยอย่าง “บัณฑิต ฤทธิ์ถกล” ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม ราชวรวิหาร โดยพิธีเริ่มต้นขึ้นด้วยการขับร้องมนต์เพลงล้านนาโดย “ปฏิญญา ตั้งตระกูล” และมีการฟ้อนรำส่งวิญญาณเป็นครั้งสุดท้าย โดย “อาจารย์ไตรเทพ บุญเฮง” คณะกรรมการ มูลนิธิส่งเสริมศิลปินล้านนา ตามด้วยการอ่านบทไว้อาลัยจาก “น้องส้ม ธนธรณ์ ฤทธิ์ถกล” บุตรสาวเพียงคนเดียวของผู้กำกับ “บัณฑิต”
เมื่อถึงเวลาประมาณ 17.00 น.ผู้แทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้อัญเชิญเพลิงพระราชทานมาที่เมรุ วัดมกุฏกษัตริยาราม ราชวรวิหาร โดยมี “หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล” เป็นประธานในพิธี ซึ่งสร้างความปลาบปลื้มปิติให้กับครอบครัว “ฤทธิ์ถกล” เป็นอย่างมาก
สำหรับบรรยากาศภายในงานพระราชทานเพลิงศพในครั้งนี้ นอกจากจะมีคนในครอบครัวและเพื่อนพ้องญาติสนิทแล้ว ยังมีเหล่าผู้กำกับและดารานักแสดงมาร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายมากมาย อาทิเช่น แหม่ม จินตหรา สุขพัฒน์, ต้น จักกฤษณ์ อัมมะรัตน์, แอน ทองประสม, แพท พัสสน ศรินทุ, ซูโม่กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ, อู ภาณุ สุวรรณโณ, ศรัณยู วงศ์กระจ่าง. ปื้ด ธนิตย์ จิตนุกูล, ปรัชญา ปิ่นแก้ว, ฉลอง ภักดีวิจิตร ฯลฯ
ด้าน “อาร์ตี้ ธนฉัตร ตุลยฉัตร” พระเอกเด็กสร้างของ "บัณฑิต" เผยว่า รู้สึกเสียใจและเสียดายกับการจากไปในครั้งนี้มาก เพราะผู้กำกับดังเปรียบเสมือนปูชนียบุคคลคนหนึ่ง และที่สำคัญคือบุคคลที่ทำให้ตนได้แจ้งเกิดอย่างทุกวันนี้
“อาเหมือนปูชนียบุคคลนะครับ และที่สำคัญอาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของตี้ ที่มีวันนี้ได้ก็เพราะอา อาเหมือนครูบาอาจารย์ที่คอยสอน และเป็นคนสร้างให้เรามีจุดๆ นี้ คือตอนแรกผมรู้สึกว่าแค่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบุญชูก็สุดยอดแล้ว หนังบุญชูเป็นหนังที่มีมานาน และเราได้เล่นตั้งแต่อายังกำกับจนอาไม่อยู่แล้ว อาเป็นคนเก่ง เป็นคนมีความสามารถ อารักที่จะทำตรงนี้ และอาสร้างคนมาเยอะนะครับ”
“สำหรับผมถ้าถามว่าจะสานฝันของอาต่อมั้ย ผมไม่กล้าไปอาจเอื้อม เพราะว่าอาเขาทำไว้ดีอยู่แล้ว แต่อนาคตตี้อยากทำเบื้องหลังเหมือนอา เพราะเราได้เรียนรู้อะไรจากอาเยอะเลย ทั้งแอคติ้ง การทำเบื้องหลัง มุมกล้อง ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในกองถ่ายเราเรียนรู้หมด จนเราคิดว่าอาชีพนี้เป็นอะไรที่สนุก ไม่เคยคิดที่จะเบื่อเลยครับ แต่บุญชูภาคต่อไปนี้ไม่มีอา วันแรกที่ถ่ายทำก็คงแปลกๆ ครับ เพราะครั้งแรกก็เห็นอาแล้ว อาเป็นคนเลือกเราจากบทบุญโชค สุดท้ายแล้วพอกลับมาทำบุญชูภาคนี้รู้สึกใจหายครับ อีกไม่กี่วันนี้แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง”
ด้าน “ซูโม่กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ” เผยว่าได้รับหน้าที่ให้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “บุญชู” ภาคสุดท้าย และจะไม่มีภาคใดๆ ต่อไปอีก
“สำหรับพี่บัณฑิตนะครับ จริงๆ เท่าที่รู้จักมาชั่วชีวิตของการเล่นหนังของผมเลยก็ว่าได้ ก็ประมาณ 20 กว่าปีขึ้น ก็มีความผูกพันกันค่อนข้างสูงนะครับ ที่มีวันนี้ได้ก็เพราะพี่บัณฑิต ส่วนนึงที่ทำให้มีเราเกิดมาในวงการหนัง ถามว่าเสียใจมั้ยก็เสียใจที่คนดีๆ อย่างพี่บัณฑิตต้องจากไป จริงๆ แกก็ยังมีงานค้างคาอยู่ที่ต้องทำ ก็อยากจะบอกพี่บัณฑิตว่า จะทำต่อให้ดีที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้”
“เรื่อง “บุญชู” เป็นภาคสุดท้าย คือไม่ใช่ “บุญชู 10” นะครับ เป็นแค่ “บุญชู” เฉยๆ แต่จริงๆ แล้วในทีมที่แสดงบุญชูด้วยกันมา ก็กำกับได้ทุกคนแหละ ไม่ว่าจะเป็นตัวหนุ่ม สันติสุข หรือพี่เจี๊ยบ วัชระ หรือทุกคนก็กำกับได้ทั้งนั้น แต่ละคนก็มีผลงานที่ทุกคนได้เห็นกันอยู่แล้ว แต่อาจจะเป็นด้วยเรื่องเวลาเรื่องอะไรต่างๆ ทุกคนก็ลงความเห็นกันแล้วว่า เดี๋ยวให้ผมกำกับแล้วกัน”
“ซึ่งพอเป็นผู้กำกับแล้วก็เป็นธรรมดาที่ เราต้องเป็นหัวเรือหน่อย คือมันไม่ใช่แค่ถึงวันถ่ายออกไปกำกับและอ่านบทเท่านั้น มันก็ต้องรวบรวม ให้พี่เอ๋มาเขียนบทหน่อย มาช่วยกันวาง ช่วยประชุมว่าเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อไป ในฐานะที่เราเป็นคนกำกับในฝ่ายโปรดักชั่นก็โอเค เราจะสร้างให้มันเป็นยังไงทำนองนี้ ส่วนตัวพล็อตเรื่องพี่บัณฑิตแกวางเอาไว้แล้วว่า เหตุจะเกิดที่ไหน เพราะอะไร พวกบุญชูจะไปปฏิบัติการอะไร คือเขาวางมาแล้ว แต่ในขั้นดีเทลของเส้นเรื่องมันยังปรับเปลี่ยนได้ เราก็มาสานต่อให้มันเป็นไป”
“ก่อนที่พี่แกจะเสียไปเราก็เพิ่งไปประชุมมุกกันมา คือเรารู้เรื่องอยู่แล้วว่าเรื่องมันเป็นยังไง พี่บัณฑิตต้องการให้เรื่องนี้เป็นยังไง คือเราก็จะรู้ว่าเราต้องทำอะไร เพราะพี่บัณฑิตแกพูดกับเราไว้ตลอดอยู่แล้ว คือพูดกับคนที่ไปล่อมุกกันทุกคนนะ ถามว่าจะเป็นการปิดตำนานบุญชูมั้ย ก็จากภาคนี้ก็คงไม่มีบุญชูแล้ว เพราะว่าพี่บัณฑิตก็ตายแล้ว เราก็อยากให้บุญชูมันอยู่ในความทรงจำไปกับทุกคนกับพี่บัณฑิต หลายคนๆ ก็พูดนะพอผมจะมากำกับ แต่ผมก็บอกทุกครั้งว่าผมเป็นแค่ส่วนหนึ่งนะ เหมือนว่ามาสานต่อให้ฝันของพี่บัณฑิตเต็ม 100% เพราะจากเดิมพี่บัณฑิตแกก็วางไว้แล้วประมาณ 40-50% คือผมสานต่อตรงนั้นต่อจากเขาเท่านั้นเอง”
“ผมก็ไม่ได้กดดันอะไรนะ เพราะมีความรู้สึกว่าจริงๆ มันเป็นผลงานของพี่บัณฑิตเขานะ ผมก็แค่มาสวมต่อไป วันที่ 19 นี้จะบวงสรวงแล้วครับ แต่ธรรมดาพี่บัณฑิตแกไม่เคยบวงสรวงเลยนะ แต่แกตายแล้วนี่ ก็บวงสรวงให้แกสักหน่อย คือตอนนี้ทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว บทเสร็จหมดแล้ว ทีมงานพร้อมหมดแล้ว ก็รอกล้องแอคชั่นอย่างเดียวเท่านั้น ก็จะทำให้ดีที่สุดนะครับ ผมคิดว่าจะเป็นภาคสุดท้ายแล้วล่ะ ต่อจากนี้ก็คงจะไม่มีบุญชูอีกแล้ว แต่ว่าพวกเราที่ยังเหลืออยู่ และทำงานร่วมกับพี่บัณฑิตมานาน พวกเราก็ยังเก็บบุญชูและพี่บัณฑิตไว้ในใจเสมอ ส่วนรายได้ก็คงให้ครอบครัวเขาอยู่แล้ว ผมคงไม่ได้เอาอะไร”