พนักงานแบงก์กรุงไทย พลัดตกรางรถไฟฟ้าบีทีเอสรอดตายหวุดหวิด ขณะที่ผู้บริหารบีทีเอสระบุพลัดตกขณะรถไฟฟ้ากำลังวิ่งเทียบชานชาลาเพื่อรับผู้โดยสาร ได้รับบาดเจ็บหัวแตก คาดคงยื้อแย่งเบียดเสียดกันขึ้น เนื่องจากช่วงเช้าผู้โดยสารมาก
วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 07.40 น. ร.ต.ท.อภิสิทธิ์ สุโทสา พงส.(สบ 1) สน.บางซื่อ ได้รับแจ้งเหตุมีคนพลัดตกลงไปในรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้รับบาดเจ็บ บริเวณช่วงสถานีหมอชิต ถนนพหลโยธิน แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.ธนกฤต คุ้มครอง สว.จร.สน.บางซื่อ และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพนเรนทร รพ.ราชวิถี
ที่เกิดเหตุอยู่บนชั้นที่ 2 สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส หมอชิต เจ้าหน้าที่พบว่ารถไฟฟ้าจอดหยุดให้บริการทุกขบวนเป็นการชั่วคราวทั้ง 2 ฝั่ง และมีประชาชนมุงดูบนชานชลาจำนวนมากจนแถวยาวลงมาถึงป้ายรถประจำทางด้านล่าง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ รปภ.ได้วางแนวเชือกและกันประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ของสถานี ก่อนทำการตัดกระแสไฟฟ้าในรางรถไฟฟ้าแล้วอนุญาตให้เจ้าหน้าที่กู้ชีพนเรนทร ลงไปช่วยผู้เคราะห์ร้ายที่พลัดตกลงไปในช่องระหว่างรางรถไฟฟ้า ซึ่งอยู่ชิดขอบปูน สูงกว่า 1 เมตร ผู้บาดเจ็บทราบชื่อต่อมาคือ นางจิราภรณ์ เกียรติชูศักดิ์ อายุ 49 ปี พนักงานธนาคารกรุงไทย ไม่ทราบสาขา
จากการตรวจสอบตามร่างกายพบว่าได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะด้านหลังแตก เนื่องจากตกลงไปกระแทกพื้นคอนกรีตจนเลือดอาบ จึงรีบทำการปฐมพยาบาลสวมเฝือกอ่อนดามคอไว้แล้วนำตัวส่งโรงพยาบาลวิภาวดี โดยใช้เวลาในการช่วยชีวิตนานประมาณ 30 นาที
ร.ต.ท.อภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุทราบว่า นางจิราภรณ์ตกลงไปในรางรถไฟฟ้าฝั่งมุ่งหน้าไปทางสถานีสะพานควาย คาดว่าก่อนเกิดเหตุน่าจะกำลังเดินทางไปทำงาน ซึ่งตนจะประสานกับฝ่ายรักษาความปลอดภัยรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อขอดูกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าว และต้องรอให้อาการของผู้ได้รับบาดเจ็บทุเลาลงเสียก่อน จึงจะเดินทางไปสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ด้าน นายอาณัฐ อาภาภิรมย์ กรรมการบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ จำกัด หรือบีทีเอส กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ชานชลาสถานีหมอชิตว่า มีคนพลัดตกลงไปขณะรถไฟฟ้า กำลังวิ่งเทียบชานชาลาเพื่อรับผู้โดยสาร จึงสั่งการให้รถไฟฟ้าหยุดเดิน เพื่อความปลอดภัย โดยจุดที่ตกลงไปนั้นเป็นช่องว่างระหว่างรางรถไฟฟ้า ชิดขอบปูนชานชาลารถไฟ ซึ่งหญิงดังกล่าวไม่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกรถไฟชน มีเพียงอาการศีรษะแตกเท่านั้น ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะมีการยื้อแย่งเบียดเสียดกันขึ้น และลงรถจนผู้เคราะห์ร้ายตกลงไปในราง เนื่องจากวันนี้มีผู้โดยสารมากในช่วงเช้า หรืออาจเกิดจากการที่คนเจ็บมีอาการหน้ามืดจนตกลงไปเอง เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าเป็นลมบ่อย แต่ทีมงานและ รปภ.แต่ละสถานีช่วยได้ทัน ส่วนสาเหตุที่แท้จริงต้องรอผลสอบพยานในที่เกิดเหตุและดูภาพจากกล้องวงจรปิดในสถานีอีกครั้ง
ต่อมาเวลา 16.30 น. นพ.นราธิป ทรงทอง ศัลยแพทยกระดูกและข้อโรงพยาบาลวิภาวดี ซึ่งเป็นแพทย์ผู้รักษาอาการ นางจิราภรณ์ เปิดเผยว่า หลังเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ป่วยมาส่งที่โรงพยาบาล ซึ่งได้ทำการตรวจสอบบาดแผลตามร่างกายพบว่า มีบาดแผลฉีดขาดที่บริเวณศีรษะด้านซ้าย 2 แห่ง แผลฉีกขาดยาว 3 ซม. และ 6 ซม. บริเวณหลังใบหูซ้าย มีแผลฉีกขาดยาว 6 ซม. ต้องเย็บถึง 20 เข็ม กระดูกฝ่าเท้าซ้ายแตก ขณะนี้ใส่เหล็กดามไว้แล้ว คาดว่าต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 1 เดือน
นพ.นราธิป กล่าวต่อว่า อาการโดยรวมตอนนี้ปลอดภัย ส่วนการเอ็กซเรย์สมองพบว่าปกติ ไม่มีเลือดออกในสมอง ส่วนตัวคนไข้ไม่มีโรคประจำตัว ซึ่งจากการสอบถามคนไข้ เบื้องต้นทราบว่าขณะที่กำลังยืนรอไฟฟ้าอยู่นั้น ได้ชะโงกหน้าไปดูรถแล้วพลัดตกลงไปเอง หลังจากนี้ต้องนอนดูอาการอีกซักประมาณ 3-4 วัน จึงจะอนุญาตให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านได้
วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 07.40 น. ร.ต.ท.อภิสิทธิ์ สุโทสา พงส.(สบ 1) สน.บางซื่อ ได้รับแจ้งเหตุมีคนพลัดตกลงไปในรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้รับบาดเจ็บ บริเวณช่วงสถานีหมอชิต ถนนพหลโยธิน แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.ธนกฤต คุ้มครอง สว.จร.สน.บางซื่อ และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพนเรนทร รพ.ราชวิถี
ที่เกิดเหตุอยู่บนชั้นที่ 2 สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส หมอชิต เจ้าหน้าที่พบว่ารถไฟฟ้าจอดหยุดให้บริการทุกขบวนเป็นการชั่วคราวทั้ง 2 ฝั่ง และมีประชาชนมุงดูบนชานชลาจำนวนมากจนแถวยาวลงมาถึงป้ายรถประจำทางด้านล่าง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ รปภ.ได้วางแนวเชือกและกันประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ของสถานี ก่อนทำการตัดกระแสไฟฟ้าในรางรถไฟฟ้าแล้วอนุญาตให้เจ้าหน้าที่กู้ชีพนเรนทร ลงไปช่วยผู้เคราะห์ร้ายที่พลัดตกลงไปในช่องระหว่างรางรถไฟฟ้า ซึ่งอยู่ชิดขอบปูน สูงกว่า 1 เมตร ผู้บาดเจ็บทราบชื่อต่อมาคือ นางจิราภรณ์ เกียรติชูศักดิ์ อายุ 49 ปี พนักงานธนาคารกรุงไทย ไม่ทราบสาขา
จากการตรวจสอบตามร่างกายพบว่าได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะด้านหลังแตก เนื่องจากตกลงไปกระแทกพื้นคอนกรีตจนเลือดอาบ จึงรีบทำการปฐมพยาบาลสวมเฝือกอ่อนดามคอไว้แล้วนำตัวส่งโรงพยาบาลวิภาวดี โดยใช้เวลาในการช่วยชีวิตนานประมาณ 30 นาที
ร.ต.ท.อภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุทราบว่า นางจิราภรณ์ตกลงไปในรางรถไฟฟ้าฝั่งมุ่งหน้าไปทางสถานีสะพานควาย คาดว่าก่อนเกิดเหตุน่าจะกำลังเดินทางไปทำงาน ซึ่งตนจะประสานกับฝ่ายรักษาความปลอดภัยรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อขอดูกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าว และต้องรอให้อาการของผู้ได้รับบาดเจ็บทุเลาลงเสียก่อน จึงจะเดินทางไปสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ด้าน นายอาณัฐ อาภาภิรมย์ กรรมการบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ จำกัด หรือบีทีเอส กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ชานชลาสถานีหมอชิตว่า มีคนพลัดตกลงไปขณะรถไฟฟ้า กำลังวิ่งเทียบชานชาลาเพื่อรับผู้โดยสาร จึงสั่งการให้รถไฟฟ้าหยุดเดิน เพื่อความปลอดภัย โดยจุดที่ตกลงไปนั้นเป็นช่องว่างระหว่างรางรถไฟฟ้า ชิดขอบปูนชานชาลารถไฟ ซึ่งหญิงดังกล่าวไม่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกรถไฟชน มีเพียงอาการศีรษะแตกเท่านั้น ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะมีการยื้อแย่งเบียดเสียดกันขึ้น และลงรถจนผู้เคราะห์ร้ายตกลงไปในราง เนื่องจากวันนี้มีผู้โดยสารมากในช่วงเช้า หรืออาจเกิดจากการที่คนเจ็บมีอาการหน้ามืดจนตกลงไปเอง เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าเป็นลมบ่อย แต่ทีมงานและ รปภ.แต่ละสถานีช่วยได้ทัน ส่วนสาเหตุที่แท้จริงต้องรอผลสอบพยานในที่เกิดเหตุและดูภาพจากกล้องวงจรปิดในสถานีอีกครั้ง
ต่อมาเวลา 16.30 น. นพ.นราธิป ทรงทอง ศัลยแพทยกระดูกและข้อโรงพยาบาลวิภาวดี ซึ่งเป็นแพทย์ผู้รักษาอาการ นางจิราภรณ์ เปิดเผยว่า หลังเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ป่วยมาส่งที่โรงพยาบาล ซึ่งได้ทำการตรวจสอบบาดแผลตามร่างกายพบว่า มีบาดแผลฉีดขาดที่บริเวณศีรษะด้านซ้าย 2 แห่ง แผลฉีกขาดยาว 3 ซม. และ 6 ซม. บริเวณหลังใบหูซ้าย มีแผลฉีกขาดยาว 6 ซม. ต้องเย็บถึง 20 เข็ม กระดูกฝ่าเท้าซ้ายแตก ขณะนี้ใส่เหล็กดามไว้แล้ว คาดว่าต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 1 เดือน
นพ.นราธิป กล่าวต่อว่า อาการโดยรวมตอนนี้ปลอดภัย ส่วนการเอ็กซเรย์สมองพบว่าปกติ ไม่มีเลือดออกในสมอง ส่วนตัวคนไข้ไม่มีโรคประจำตัว ซึ่งจากการสอบถามคนไข้ เบื้องต้นทราบว่าขณะที่กำลังยืนรอไฟฟ้าอยู่นั้น ได้ชะโงกหน้าไปดูรถแล้วพลัดตกลงไปเอง หลังจากนี้ต้องนอนดูอาการอีกซักประมาณ 3-4 วัน จึงจะอนุญาตให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านได้