อุปทูตซาอุฯ ออกแถลงการณ์ขอบคุณรัฐบาล ภายหลังอัยการสั่งฟ้อง “สมคิด บุญถนอม กับพวก” ตกเป็นจำเลยอุ้มฆ่า “อัล รูไวรี” นักธุรกิจชาวซาอุฯ ระบุเป็นสิ่งที่ทางการซาอุฯ รอคอยมากว่า 20 ปี ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ มั่นคงยิ่งขึ้น ย้ำยังเหลืออีก 2 คดีที่รอการสะสาง
วันนี้ (12 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่สถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทย นายนาบิล อัชรี อุปทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังจากที่พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5 กับพวกรวม 5 คน ในคดีอุ้มฆ่า นายมูฮัมหมัด อัล รูไวรี นักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย และพระญาติของกษัตริย์ไฟซาลแห่งราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย เหตุเกิดเมื่อปี 2533 และคดีจะสิ้นสุดอายุความในวันที่ 12 ก.พ.นี้
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า “กระผมปรารถนาที่จะกล่าวว่า ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียชื่นชมอย่างยิ่งกับควงามพยายามล่าสุดของรัฐบาลไทยที่จะจัดการปัญหาคดีเพชรซาอุฯ ที่ยังคงคั่งค้างอยู่หลายคดี ทั้งนี้ เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ของไทยกับซาอุดีอาระเบีย คำตัดสินของสำนักงานอัยการสูงสุดในคดีการหายตัวไปของนักธุรกิชาวซาอุดีอาระเบียก่อนหน้านี้ในวันนี้ (12 มกราคม) เป็นสัญญาณบ่งชี้ในทางบวกที่แสดงให้เห็นว่า ราชอาณาจักรไทยมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย และจะยังทำงานเพื่อจัดการคดีที่ยังคั่งค้างทั้งหมดอีกต่อไปด้วยความโปร่งใสกับกระบวนการยุติธรรมด้วย
สหราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเฝ้ารอคอยวันนี้มาเกือบ 20 ปีแล้ว พัฒนาการล่าสุดถือเป็นก้าวสำคัญสู่การบบรรลุถึงแนวทางแก้ไขปัญหาทั้งหมด นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราเชื่อมั่นว่า ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดปัจจุบันของไทยจะนำพาความยุติธรรมมาสู่คดีต่างๆ ที่ยังคั่งค้างเหล่านั้นอย่างที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้
ในการนี้ กระผมขอเสริมว่า ขณะที่ 1 ใน 3 คดีที่เจ้าหน้าที่กำลังจัดการอยู่นั้น เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางการไทยจะยังพยายามจัดการต่อไป พร้อมกับอีก 2 คดีที่เหลือซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กันด้วย
กระผมยังปรารถนาที่จะชี้ให้เห็นว่า ระหว่างช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ ทางการไทยได้พยายามสรุปผลการสอบสวนคดีที่ยังคั่งค้างดังกล่าวอย่างยิ่งยวด และในที่สุด บัดนี้ คดีนี้ได้เข้ามาอยู่ในกระบวนการยุติธรรมของศาลไทยแล้ว ทางการซาอุดีอาระเบียขอชื่นชมความพยายามของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคณะสอบสวนดีเอสไอ อัยการ เจ้าหน้าที่สอบสวน รวมถึงผู้แทนภาคส่วนต่างๆ ด้วย
นอกจากนี้ กระผมขอแสดงความเชื่อมั่นในระบบกฎหมายของไทย ประสิทธิภาพของศาลไทยที่จะดำเนินการตามกฎหมายและความยุติธรรม กระผมยังเชื่อมั่นด้วยว่า การพิจารณาคดีเพชรซาอุฯ จะบริสุทธิ์ยุติธรรมด้วย
จากองค์ประกอบและหลักการว่าด้วยนโยบายการต่างประเทศของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเป็นพื้นฐาน รัฐบาลของเราพิจารณาเห็นว่า ความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมือที่กำลังพัฒนาขึ้นกับราชอาณาจักรไทยนั้นเป็นสิ่งสำคัญ และเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมทำงานกับรัฐบาลไทย ทั้งนี้ เพื่อคว้าโอกาสทุกอย่างไว้เพื่อสืบสานความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ตลอดจนการขยายขอบข่ายการร่วมมือกันในระดับนานาชาติต่อไปอีกด้วย”
วันนี้ (12 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่สถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทย นายนาบิล อัชรี อุปทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังจากที่พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5 กับพวกรวม 5 คน ในคดีอุ้มฆ่า นายมูฮัมหมัด อัล รูไวรี นักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย และพระญาติของกษัตริย์ไฟซาลแห่งราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย เหตุเกิดเมื่อปี 2533 และคดีจะสิ้นสุดอายุความในวันที่ 12 ก.พ.นี้
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า “กระผมปรารถนาที่จะกล่าวว่า ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียชื่นชมอย่างยิ่งกับควงามพยายามล่าสุดของรัฐบาลไทยที่จะจัดการปัญหาคดีเพชรซาอุฯ ที่ยังคงคั่งค้างอยู่หลายคดี ทั้งนี้ เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ของไทยกับซาอุดีอาระเบีย คำตัดสินของสำนักงานอัยการสูงสุดในคดีการหายตัวไปของนักธุรกิชาวซาอุดีอาระเบียก่อนหน้านี้ในวันนี้ (12 มกราคม) เป็นสัญญาณบ่งชี้ในทางบวกที่แสดงให้เห็นว่า ราชอาณาจักรไทยมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย และจะยังทำงานเพื่อจัดการคดีที่ยังคั่งค้างทั้งหมดอีกต่อไปด้วยความโปร่งใสกับกระบวนการยุติธรรมด้วย
สหราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเฝ้ารอคอยวันนี้มาเกือบ 20 ปีแล้ว พัฒนาการล่าสุดถือเป็นก้าวสำคัญสู่การบบรรลุถึงแนวทางแก้ไขปัญหาทั้งหมด นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราเชื่อมั่นว่า ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดปัจจุบันของไทยจะนำพาความยุติธรรมมาสู่คดีต่างๆ ที่ยังคั่งค้างเหล่านั้นอย่างที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้
ในการนี้ กระผมขอเสริมว่า ขณะที่ 1 ใน 3 คดีที่เจ้าหน้าที่กำลังจัดการอยู่นั้น เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางการไทยจะยังพยายามจัดการต่อไป พร้อมกับอีก 2 คดีที่เหลือซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กันด้วย
กระผมยังปรารถนาที่จะชี้ให้เห็นว่า ระหว่างช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ ทางการไทยได้พยายามสรุปผลการสอบสวนคดีที่ยังคั่งค้างดังกล่าวอย่างยิ่งยวด และในที่สุด บัดนี้ คดีนี้ได้เข้ามาอยู่ในกระบวนการยุติธรรมของศาลไทยแล้ว ทางการซาอุดีอาระเบียขอชื่นชมความพยายามของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคณะสอบสวนดีเอสไอ อัยการ เจ้าหน้าที่สอบสวน รวมถึงผู้แทนภาคส่วนต่างๆ ด้วย
นอกจากนี้ กระผมขอแสดงความเชื่อมั่นในระบบกฎหมายของไทย ประสิทธิภาพของศาลไทยที่จะดำเนินการตามกฎหมายและความยุติธรรม กระผมยังเชื่อมั่นด้วยว่า การพิจารณาคดีเพชรซาอุฯ จะบริสุทธิ์ยุติธรรมด้วย
จากองค์ประกอบและหลักการว่าด้วยนโยบายการต่างประเทศของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเป็นพื้นฐาน รัฐบาลของเราพิจารณาเห็นว่า ความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมือที่กำลังพัฒนาขึ้นกับราชอาณาจักรไทยนั้นเป็นสิ่งสำคัญ และเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมทำงานกับรัฐบาลไทย ทั้งนี้ เพื่อคว้าโอกาสทุกอย่างไว้เพื่อสืบสานความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ตลอดจนการขยายขอบข่ายการร่วมมือกันในระดับนานาชาติต่อไปอีกด้วย”