ตำรวจพบข้อมูลเครื่องบินขนอาวุธผ่านและแวะไทยปีนี้แค่ครั้งเดียว เตรียมประสาน ตม.-ราชทัณฑ์ เช็กข้อมูลผู้ต้องหาทั้ง 5 คนอย่างละเอียดว่าเคยเข้าไทยหรือไม่ หลังพบว่าเคยมีชายคล้าย 2 ใน 5 ผู้ต้องหาเคยเข้าเยี่ยม “วิกเตอร์ บูต” พ่อค้าอาวุธสงครามระดับโลกส่วนพนักงานสอบสวนรอผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการจากกองสรรพาวุธ เพื่อพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่ม
เย็นวานนี้ (17 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเครื่องบินลำเลียง รุ่น IL76 (อิลยูชิน 76) สีขาว สัญชาติคาซัคสถาน ขณะขออนุญาตลงจอดที่คลังสินค้า ท่าอากาศยานดอนเมือง พร้อมทั้งยึดเครื่องยิงจรวด รุ่น 240 mm. ROCKET LAUNCHER1985 (M1985) จำนวน 2 ชุดๆ ละ 12 ท่อ รวม 24 ท่อ หัวจรวด แท่นเหล็กไว้สำหรับประกอบท่อส่งจรวด และเครื่องยิงลูกระเบิดอาร์พีจี โดยทั้งหมดมีการแยกส่วนประกอบเก็บไว้ในลังไม้ กล่องเหล็กขนาดต่างๆ รวมทั้งสิ้น 145 กล่องว่า พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาการ ผบก.ป.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเข้าทำการสอบปากคำพนักงานบริษัท เอ็มเจ็ท และเจ้าหน้าที่หอบังคับการบิน ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อนำมาประกอบสำนวนการสอบสวนในประเด็นเรื่องเส้นทางการบินและช่วงที่เครื่องบินลงจอดแวะเติมน้ำมันที่คลังสินค้า ท่าอากาศยานดอนเมือง
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่หอบังคับการบิน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมการจราจรทางอากาศทราบว่า ก่อนที่เครื่องบินลำนี้จะออกเดินทางนั้นได้มีการส่งเทเลกซ์แจ้งเส้นทางการบิน และการขนส่งต่างๆที่เกี่ยวข้องมายังเจ้าหน้าที่ไทยเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่าจะเดินทางมาลงจอดที่ท่าอากาศยานดอนเมืองโดยไม่มีการบรรทุกสินค้าใดๆ มาด้วย แต่ในขากลับจะมีการบรรทุกสินค้าประเภทชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์เครื่องจักรกลมาในลำเครื่อง
ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการบินของเครื่องบินลำนี้ พบว่า ในรอบปีนี้เครื่องลำดังกล่าวได้เดินทางผ่านและแวะประเทศไทยเพียงแค่นี้ครั้งเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนได้ขอให้เจ้าหน้าที่หอบังคับการบินตรวจสอบเส้นทางการบินของเครื่องบินลำนี้ย้อนหลังไปอีก 5-10 ปีด้วยว่า เคยมีการเดินทางผ่านหรือแวะลงจอดประเทศไทยด้วยหรือไม่
สำหรับการสอบสวนและตรวจสอบผู้ต้องหาทั้ง 5 คนนั้น พนักงานสอบสวนได้ประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อตรวจสอบว่าเคยเดินทางเข้าออกประเทศไทยหรือไม่ รวมทั้งนำข้อมูลของผู้ต้องหาทั้งหมดไปประสานกรมราชทัณฑ์เพื่อขอตรวจสอบว่ามีผู้ต้องหารายใดเคยเข้าไปเยี่ยม นายวิกเตอร์ บูต พ่อค้าอาวุธสงครามระดับโลกชาวรัสเซียที่เรือนจำหรือไม่ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเคยมีผู้ต้องขังที่อยู่ร่วมเรือนจำเดียวกับนายวิกเตอร์เคยเห็นชาย 2 คนที่มีลักษณะคล้าย 2 ใน 5 ผู้ต้องหาในคดีนี้เคยมาเยี่ยมนายวิกเตอร์ที่เรือนจำ
ด้านการตรวจสอบของกลางอาวุธสงครามร้ายแรงนั้น มีรายงานว่า พนักงานสอบสวนยังคงรอการรายงานผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากกองสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมาย ที่จะต้องทำรายงานระบุชนิดอาวุธและชื่อเรียกทางการทหาร ขนาด น้ำหนัก รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับอานุภาพการทำลายล้างอย่างเป็นทางการเพื่อนำมาประกอบสำนวน และเมื่อได้รายงานส่วนนี้มาแล้วพนักงานสอบสวนจะนำมาพิจารณาเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาทั้งหมดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากเครื่องยิงจรวด รุ่น 240 mm. ROCKET LAUNCHER 1985 (M1985) และเครื่องยิงจรวดอาร์พีจีแล้วยังพบว่า มีหัวรบอาร์พีจี รุ่น TGB-7 โดยระบุว่าเป็น Rocket Head (TBG-7) ขนาด 66x40x27 ซม.บรรจุมาในลังไม้ทั้งหมด 83 ลัง และลังไม้อีก 3 ลัง ที่มีการระบุว่าเป็น SAM แต่คาดว่าน่าจะเป็นเครื่องยิงจรวดแบบประทับบ่ารุ่น SAM 7 ที่ใช้ประทับบ่าคนยิงอากาศยานแบบต่างๆ ที่มีเพดานบินต่ำ เช่น เฮลิคอปเตอร์
สำหรับหัวรบแบบ TBG-7 หรือ TBG-7V นั้น เป็นหัวรบที่ใช้กับเครื่องยิงอาร์พีจี-7 (RPG-7) ที่ประเทศรัสเซียพัฒนาขึ้นโดยเป็นหัวรบระเบิดเพลิงซึ่งมีอานุภาพเท่ากับปืนใหญ่สนาม ขนาด 120 mm. มีอำนาจการทำลายในรัศมี 30 ฟุต หากยิงใส่ยานเกราะจะส่งคลื่นความร้อนสังหารทหารที่อยู่ภายในยานเกราะนั้นๆ ด้วย