แกนนำเสื้อแดงยื่นฟ้อง “ชัยเกษม นิติสิริ” อดีต อสส. กับรอง อสส.ชี้ขาดสั่งฟ้องคดีนำม็อบเสื้อแดงป่วนบ้านสี่เสาเทเวศร์ “เหวง” เผยเตรียมฟ้อง “พัชรวาท” อีกสำนวน ขณะที่ รอง อสส.ยันสั่งคดีตามอำนาจหน้าที่ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร
วันนี้ (27 พ.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) รับมอบอำนาจจากนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. และอีก 7 แกนนำ นปช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด และนายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมกระทำการในตำแหน่งโดยมิชอบเพื่อเป็นการแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200
คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 1-14 ส.ค.52 จำเลยที่ 1 อัยการสูงสุด (ขณะนั้น) และจำเลยที่ 2 รองอัยการสูงสุด ปฏิบัติหน้าที่แทนอัยการสูงสุดเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดความเห็นแย้งสั่งคดีตามสำนวนการสอบสวนที่พนักงานสอบสวน สน.สามเสน ที่กล่าวหาโจทก์ที่ 1-8 กับพวกรวม 15 คน เป็นผู้ต้องหาคดีอาญาในความผิดฐาน “มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ” กรณีนำกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมที่หน้าสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.50
ต่อมาพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องโจทก์ทั้ง 8 กับพวกเนื่องจากเห็นว่าจัดการชุมนุมอย่างเปิดเผยไม่มีอาวุธ แต่ปรากฏว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีความเห็นแย้งและส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นแย้งให้จำเลยทั้งสองพิจารณาชี้ขาด ซึ่งจำเลยทั้งสองควรใช้ดุลยพินิจตามอำนาจหน้าที่ในการวินิจฉัยชี้ขาดด้วยความระมัดระวัง แต่กลับใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจเกินล้ำออกนอกขอบเขตความชอบด้วยกฎหมายสั่งฟ้องโจทก์ทั้ง 8 กับพวกให้ต้องรับโทษทั้งที่การชุมนุมของโจทก์นั้นกระทำอย่างเปิดเผย ตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญฯ กำหนด จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำที่ อ.4373/2552 และนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 22 ก.พ.2553 เวลา 13.00 น.
ภายหลัง นพ.เหวง กล่าวว่า การยื่นฟ้องในครั้งนี้เนื่องจากแกนนำคนเสื้อแดงเห็นว่าถูกกลั่นแกล้งให้ต้องถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม โดยหลังจากยื่นฟ้องอัยการสูงสุด และรองอัยการสูงสุดแล้ว เรายังเตรียมที่จะยื่นฟ้อง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.ในความผิดเดียวกันต่อไป
ด้าน นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า เมื่อการยื่นฟ้องคดีดังกล่าว แกนนำกลุ่มเสื้อแดงใช้สิทธิยื่นฟ้องเอง ตามกฎหมายศาลก็จะต้องกำหนดวันนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ซึ่งในส่วนของตนซึ่งเป็นข้าราชการอัยการก็จะแจ้งให้นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุดในฐานะผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อจะให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญาดำเนินการว่าความแก้ต่างคดีให้ในชั้นศาล
อย่างไรก็ตาม การฟ้องดังกล่าวจะไม่เป็นปัญหาหรืออุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ของตน เนื่องจากเวลานี้ตนไม่ได้รับผิดชอบเกี่ยวกับสำนวนคดีที่จะต้องมีความทำความเห็นแย้ง
ทั้งนี้ นายถาวรยืนยันว่า การมีความเห็นฟ้องคดีดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไม่มีเจตนากลั่นแกล้งบุคคลใด ซึ่งตนไม่ได้รู้จักหรือมีเหตุใดๆ กับแกนนำกลุ่มเสื้อแดงแต่อย่างใด
วันนี้ (27 พ.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) รับมอบอำนาจจากนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. และอีก 7 แกนนำ นปช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด และนายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมกระทำการในตำแหน่งโดยมิชอบเพื่อเป็นการแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200
คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 1-14 ส.ค.52 จำเลยที่ 1 อัยการสูงสุด (ขณะนั้น) และจำเลยที่ 2 รองอัยการสูงสุด ปฏิบัติหน้าที่แทนอัยการสูงสุดเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดความเห็นแย้งสั่งคดีตามสำนวนการสอบสวนที่พนักงานสอบสวน สน.สามเสน ที่กล่าวหาโจทก์ที่ 1-8 กับพวกรวม 15 คน เป็นผู้ต้องหาคดีอาญาในความผิดฐาน “มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ” กรณีนำกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมที่หน้าสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.50
ต่อมาพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องโจทก์ทั้ง 8 กับพวกเนื่องจากเห็นว่าจัดการชุมนุมอย่างเปิดเผยไม่มีอาวุธ แต่ปรากฏว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีความเห็นแย้งและส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นแย้งให้จำเลยทั้งสองพิจารณาชี้ขาด ซึ่งจำเลยทั้งสองควรใช้ดุลยพินิจตามอำนาจหน้าที่ในการวินิจฉัยชี้ขาดด้วยความระมัดระวัง แต่กลับใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจเกินล้ำออกนอกขอบเขตความชอบด้วยกฎหมายสั่งฟ้องโจทก์ทั้ง 8 กับพวกให้ต้องรับโทษทั้งที่การชุมนุมของโจทก์นั้นกระทำอย่างเปิดเผย ตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญฯ กำหนด จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำที่ อ.4373/2552 และนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 22 ก.พ.2553 เวลา 13.00 น.
ภายหลัง นพ.เหวง กล่าวว่า การยื่นฟ้องในครั้งนี้เนื่องจากแกนนำคนเสื้อแดงเห็นว่าถูกกลั่นแกล้งให้ต้องถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม โดยหลังจากยื่นฟ้องอัยการสูงสุด และรองอัยการสูงสุดแล้ว เรายังเตรียมที่จะยื่นฟ้อง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.ในความผิดเดียวกันต่อไป
ด้าน นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า เมื่อการยื่นฟ้องคดีดังกล่าว แกนนำกลุ่มเสื้อแดงใช้สิทธิยื่นฟ้องเอง ตามกฎหมายศาลก็จะต้องกำหนดวันนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ซึ่งในส่วนของตนซึ่งเป็นข้าราชการอัยการก็จะแจ้งให้นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุดในฐานะผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อจะให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญาดำเนินการว่าความแก้ต่างคดีให้ในชั้นศาล
อย่างไรก็ตาม การฟ้องดังกล่าวจะไม่เป็นปัญหาหรืออุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ของตน เนื่องจากเวลานี้ตนไม่ได้รับผิดชอบเกี่ยวกับสำนวนคดีที่จะต้องมีความทำความเห็นแย้ง
ทั้งนี้ นายถาวรยืนยันว่า การมีความเห็นฟ้องคดีดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไม่มีเจตนากลั่นแกล้งบุคคลใด ซึ่งตนไม่ได้รู้จักหรือมีเหตุใดๆ กับแกนนำกลุ่มเสื้อแดงแต่อย่างใด
