xs
xsm
sm
md
lg

จุดจบแดงถ้อยบุกบ้าน"ป๋า"อัยการฯฟ้องข้อหาฉกรรจ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อัยการสูงสุด ชี้ขาด สั่งฟ้องแกนนำเสื้อแดงเถื่อน นำม็อบบุกก่อความวุ่นวายบ้านสี่เสาเทเวศร์ ชงอัยการคดีอาญาร่างสำนวนก่อนเรียกตัว มาฟ้องศาลยกแก๊งทั้ง 15 คน

วานนี้( 31 ก.ค.)นายสุวิทย์ ดิษฐแพ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาคดีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ นปก.เดิม นำกลุ่มคนเสื้อแดงก่อความวุ่นวายที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2550 ที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร.มีความเห็นแย้งมายังนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด(อสส)ให้ชี้ขาดสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดว่า ล่าสุด อสส.ได้มีความเห็นให้สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายหรือก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธและมีผู้สั่งการ ร่วมกันเดินขบวนในลักษณะกีดขวางการจราจร ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปขู่เข็ญจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลัง ตามความเห็นแย้งของผบ.ตร.

" เมื่อ อสส.มีความเห็นสั่งฟ้อง ขั้นตอนต่อไปจะส่งสำนวนและความเห็นของอสส.กลับไปให้อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญาผู้รับผิดชอบ เพื่อร่างคำฟ้อง และเรียกตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหา ก่อนนำตัวยื่นฟ้องศาลต่อไป "นายสุวิทย์ กล่าวว่า

สำหรับคดีก่อความไม่สงบที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศน์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค. 50 โดยมีแกนนำ นปช.10 คน คือ นายวีระ มุสิกพงศ์ ,นายจตุพร พรหมพันธุ์ , นายจักรภพ เพ็ญแข , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ , นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย , นพ.เหวง โตจิราการ ,พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย, นายจรัล ดิษฐาอภิชัย , นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ และนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล ข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก และร่วมกันเดินแถว เดินเป็นขบวนใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจร และร่วมกันกระทำการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน

ส่วนผู้ต้องหากลุ่มที่ 2 จำนวน 5 คนประกอบด้วย นายบรรธง สมคำ , ม.ล.วีระยุทธ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา , นายศราวุธ หลงเส็ง , นายวีระศักดิ์ เหมธุริน และนายวันชัย นาพุทธา ข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และข้อหาอื่นๆ

โดยผู้ต้องหาทั้งหมดถูกดำเนินคดี 2 ข้อหา คือ มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกกระทำดังกล่าวแล้วไม่เลิก โดยมีโทษจำคุก 3 ปี และ ข้อหาร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน หรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มีโทษจำคุก 5 ปี

ต่อมา นายวีระ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายจักรภพ เพ็ญแข, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท, นพ.เหวง โตจิราการ, พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย, นายจรัล ดิษฐาอภิชัย และนายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ผู้ต้องหาที่ 7-15 ได้ส่งทนายยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการขอให้สอบพยานบุคคลเพิ่มเติมอีก 52 ปาก ทำให้ทางอัยการจึงพิจารณาสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติม และสุดท้าย นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญาคนปัจจุบัน สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในระดับแกนนำถึง 13 คน โดยปิดข่าวเป็นความลับ เรื่อยมา ซึ่งขณะนั้น เมื่อผู้สื่อข่าวโทรสอบถาม ก็ได้รับคำตอบว่า อยู่ระหว่างการพิจารณา จนกระทั่ง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ ออกมาให้ข่าวว่า อัยการสั่งไม่ฟ้องในคดีดังกล่าวไปแล้ว

ต่อมาเมื่อวันที่ 31 มี.ค.2552 พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและสอบสวน (ผบช.กมส.) ระบุว่า ภายหลัง พล.ต.ต.นิพนธ์ ภุมรินทร์ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ได้ส่งสำนวนคดีดังกล่าวโดยมีความเห็นสั่งฟ้องแกนนำทุกคนในทุกข้อหาไปให้พนักงานอัยการพิจารณาในครั้งแรกนั้น พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแกนนำบางคนในบางข้อหา และสั่งไม่ฟ้องบางคนในบางข้อหา ซึ่งได้ส่งเรื่องดังกล่าวแจ้งกลับมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 ก.ย.51 แต่หลังจากนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำเอกสารแย้งลงวันที่ 19 ธ.ค.51 กลับไปให้อัยการสูงสุดพิจารณา โดยยืนยันเห็นควรสั่งฟ้องแกนนำ นปช.ทั้งหมดตามที่ได้เคยส่งเรื่องไปให้อัยการพิจารณาในครั้งแรก.
กำลังโหลดความคิดเห็น