รมช.คมนาคมไปร่วมประชุม 4 ฝ่าย หาข้อยุติศึกตลาดคลองเตย ระบุเมื่อสัญญาสัมปทานหมด การท่าเรือฯ จะไม่ให้ใครทำอีก แต่จะเข้าไปพัฒนาเอง
วันนี้ (5 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย มีการเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาขัดแย้งกลุ่ม พ่อค้าแม่ค้าในตลาดคลองเตยกับกลุ่มพนักงานบริษัท ลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นเนล จำกัด โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 4 ฝ่าย ประกอบด้วยฝ่ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายกระทรวงคมนาคม มีนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ฝ่ายการท่าเรือมี นางสุนิดา สกุลรัตนะ ผอ.การท่าเรือฯ นายพิเชฐ มั่นคง รองผอ.การท่าเรือฯ น.ส.ลาวัลย์ อังคีรส ผอ.ฝ่ายพัฒนาการและบริหารธุรกิจ นายกิจจา นันทวงษ์ รองผอ.ฝ่ายพัฒนาการและบริหารธุรกิจ นายเอกรินทร์ ภู่แสนธนาสาร ผช.อทร.(บธ) ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พ.ต.อ.ฉัตรชัย เรียนเมฆ รอง ผบก.ศส.บช.น. และฝ่ายสุดท้ายคือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานบริษัท ลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นเนล จำกัด
หลังใช้เวลาประชุมประมาณ 3 ชั่วโมง ร.อ.ธรรมนัส เปิดเผยว่า ปัญหาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากการที่ผู้ค้าไม่รักษากติกา โดยอ้างคำสั่งศาลจนทำให้บริษัทไม่สามารถเข้าไปปรับปรุงพื้นที่ได้ ทางออกของการแก้ปัญหาทั้งหมด คือ ให้ผู้ค้าเข้าไปทำสัญญากับบริษัทอย่างถูกต้อง เพราตอนนี้บริษัทสูญเสียรายได้ 90 เปอร์เซ็นต์ จากการลงทุนกว่า 200 ล้าน
ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่า ทางบริษัทไม่ได้สร้างสถานการณ์ให้มีการทะเลาะวิวาทในพื้นที่ คงไม่มีใครคิดจะทำลายบ้านของตัวเอง แม้ว่าการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในแต่ละครั้ง ทางพ่อค้าแม่ค้า จะสามารถนำไปร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนทำให้ต้องยกเลิกสัญญาในการสัมประทานครั้งนี้ได้ ซึ่งในคืนลอยกระทงที่ผ่านมา ทราบว่าพ่อค้าแม่ค้ามีการเตรียมอาวุธที่จะก่อเหตุความรุนแรง โดยทางบริษัทได้ประสานกับตำรวจเพื่อหามาตรการป้องกัน กระทั่งมีตำรวจยศ พ.ต.ท.โดนยิง
ด้าน นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ทางบริษัท ลีเกิ้ล ยินดีที่จะปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง ให้กลับคืนสู่จุดก่อนที่มีการตกลงกับ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ซึ่งได้ตกลงกันไว้กับบริษัท ลีเกิ้ล ยืนยันว่าการเรียกร้องตามสัญญา ลีเกิ้ลไม่สามารถรียกร้องอะไรได้อยู่แล้ว เมื่อครบกำหนดสัญญา บริษัท ลีเกิ้ล พร้อมที่จะออกไป ถ้าการท่าเรือไม่ให้มีการประมูลต่อ ข้อตกลงของ พล.ต.ท.อัศวิน ซึ่งเป็นข้อดีอยู่แล้ว
นายเกื้อกูลกล่าวต่อว่า ช่วงบ่ายฝั่งพ่อค้าก็จะเข้ามาร่วมประชุมเพื่อที่จะด้รู้ว่าควรทำอะไรต่อไป และให้ออกมาเป็นผลดีที่สุด ด้วยความห่วงใยของทุกฝ่ายที่อยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสงบโดยเร็ว โดยต้องมีข้อตกลงเพื่อลดความขัดแย้งทั้งสองฝ่าย โดยยึดถึงประโยชน์ของประชาชนและรัฐบาลเป็นที่ตั้ง
นายเกื้อกูลกล่าวต่อว่า ส่วนจุดที่มีปัญหาการฟ้องร้องกันอยู่ ทางลีเกิ้ลต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ซึ่งทางบริษัท ลีเกิ้ล ก็ยินดีและยึดถือปฎิบัติตามนั้น สิ่งที่ต้องทำตามสัญญากับทางท่าเรือก็ต้องปฎิบัติต่อไป ซึ่งตอนนี้บริษัท ลีเกิ้ล ยังสามารถเข้าไปภายในตลาด 4 ได้ แต่ว่าในจุดที่เคลือบแคลงสงสัยไม่สามารถที่จะเข้าไปได้โดยให้ดำเนินการทางกฎหมายไป
นายเกื้อกูลกล่าวด้วยว่า ส่วนที่บริษัท ลีเกิ้ล อ้างว่าสูญเสียรายเป็นจำนวนมากจากการปรับปรุงไม่ได้นั้น ก็ต้องรับตามสภาพ ทางลีเกิ้ลก็ได้เรียกร้องความเห็นใจ แต่ในข้อสรุปนั้นทางลีเกิ้ล ก็ไม่ได้ติดใจในเรื่องนี้ เพราะว่าเราต้องรับตามสภาพที่เกิดขึ้น และต้องปฏิบัติตาม ส่วนรายได้ที่หายไป 90 เปอร์เซ็นต์ ก็คงไม่ชดใช้ให้ เพราะไม่ได้อยู่ในข้อตกลง เมื่อหมดสัญญาแล้ว ทางการท่าเรือจะไม่ให้หน่วยงานอื่นสัปทานต่อเพราะการท่าเรือมีแผนจะนำพื้นที่มาพัฒนา เพราะฉะนั้น 8-9 ปีที่เหลือ จะไม่ต่อสัญญาให้ผู้ใดเลย
ขณะที่ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.กล่าวว่า ตำรวจในฐานะคนกลาง ก็พยายามที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่กระทบกระทั่งกัน และไม่ให้ใช้ความรุนแรง โดยขณะนี้ได้เรียกกำลังจากหน่วยงานอื่นวันละ 150 นาย มาเตรียมระวังป้องกันเหตุ ซึ่งในวันนี้ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี เพราะเจ้าของสัญญาได้มีการลงมาเจรจาหาข้อยุติเอง