นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาความขัดแย้ง ตลาดคลองเตยว่า เป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างบริษัทที่ได้สัมปทานกับทางกลุ่มแม่ค้าอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งปัญหาคือเมื่อเกิดเรื่องมักจะมีความรุนแรง ทำให้แม่ค้าออกมาที่ถนนและเกิดปัญหากับการจราจร ซึ่งความจริงตนได้กำชับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหลายครั้ง แต่พอเข้าไปแก้ไขปัญหาก็จะดีขึ้นพักหนึ่ง และจะย้อนกลับมาใหม่ ซึ่งตนได้ให้เข้าไปดูต้นเหตุของปัญหาจริงๆ และเมื่อคืนได้ให้ไปเจรจากันให้ชัดเจนเรื่องของการขายว่าใครจะขายพื้นที่ไหนอย่างไรและให้มีกติกาที่ชัดเจน หากมีบุกรุกคุกคามไม่ว่ารูปแบบใดจากฝ่ายไหนก็ตามก็ต้องว่ากันตามกระบวนของกฎหมายไม่ใช่ยกพวกมาตีกันหรือเอาอาวุธเข้ามาข่มขู่กันและต้องให้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บ.ชน.) เข้มงวดกวดขันกว่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่เหตุผลที่ไม่สามารถยุติปัญหาได้เพราะต่างฝ่ายต้างคิดว่าตัวเอง มีอิทธิพลหรือเปล่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีส่วน ต่างฝ่ายต้างคิดว่า มีคนที่เข้ามาช่วย หนุนหลังอยู่ ซึ่งตนบอกไปแล้วว่าเป็นเรื่องที่ทางตำรวจจะต้องเข้าไปแก้ไขคลี่คาย ให้ดีไม่เช่นนั้นจะเป็นความเดือดร้อนตลอดเวลา เมื่อถามว่า จะทำให้ทุกฝ่ายอยู่ภายใต้ กฎหมายเดียวกันได้อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าทั้งหมดต้องไปหาคำตอบ เรื่องของการจัดสรรพื้นที่และกติกาของแม่ค้ากับบริษัท ซึ่งถ้าตรงนี้ลงตัวมันก็ไม่ควรจะมีประเด็นที่ขัดแย้งกัน
ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่ามีอิทธิพลเข้าไปเกี่ยวข้องทำให้ตำรวจทำอะไรไม่ได้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แม่ค้าก็บ่นเรื่องตำรวจท้องที่และตนก็ต้องคอยติดตามเรื่องนี้ และคอยกำชับสั่งการอยู่เรื่อย ฉะนั้นได้เรียนท่านรักษาการ ผบ.ตร.ไปแล้วว่า ต้องให้มีคนติดตามอยู่ตลอดเวลาอย่างใกล้ชิด เมื่อถามว่า ถ้าตำรวจท้องที่มีปัญหา ทำไมไม่มีการจัดการลงโทษ นาอยภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้ให้ข้อสังเกตุไปแล้วว่าต้องไป ทบทวนดูทั้งหมด เมื่อถามว่า ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อตรงนี้ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันก็มีการอ้างถึงคนที่อยู่เบื้องหลังที่ถือว่ามีอิทธิพล ซึ่งตนได้บอกแล้วว่าจะยอมให้มาสร้างควาเมดือดร้อนให้กับประชาชนมีทั้งความไม่ปลอดภัยและความไม่สะดวกไม่ได้
ผู้สื่อช่าวถามว่าหมายความว่าหากเกิดเหตุซ้ำขึ้นมาอีกตำรวจต้องรับผิดชอบ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าต้องมีความรับผิดชอบที่ชัดเจน เมื่อถามว่า ทาง บ.ชน. บอกว่า หากมีการเคลื่อนไหวผิดถนนจะจับกุมทันทีจะเป็นการปุกกระแสความรุนแรง มากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่31ต.ค.ได้คุยกับทางกลุ่มแม่ค้าว่า เวลามีปัญหาขอให้อย่าได้ใช้วิธีการปิดถนน แต่ส่วนใหญ่อ้างว่าต้องหนีออกมาที่ถนน แต่ต้องดูแลทั้งสองฝ่าย ไม่ควรจะมีฝ่ายไหนที่มาใช้ความรุนแรง อย่างเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ที่มีการยิงปืนขู่กัน
ส่วนได้ให้เวลารักษาการ ผบ.ตร.ในการคลี่คลายปัญหาหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เข้าใจว่าเมื่อคืนวันที่ 31 ต.ค. ที่เจรจากันคงจะตกลงกันได้ระดับหนึ่ง เรื่องมันก็จะเงียบไปและมันจะมาอีกเมื่อไรเราก็ไม่ทราบ ฉะนั้นบอกไปว่าอย่าวางใจ คือต้องมีคำตอบและการเจรจาตนก็หวังว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในเรื่องกติกา การค้าขาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าเท่ากับว่านายกฯยอมรับว่าปัญหานี้จะแก้ไขโดยเด็ดขาดไม่ได้ จะกลับมาเรื่อยๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากเราจัดสรรเรื่องการขายของลงใงตัวมันก็ไม่ควรจะมีปัญหาอีกและตนยืนยันต่อไปถ้าทางตำรวจไม่ว่าจะเป็นท้องที่ หรือนครบาลไม่เข้มแข็งเรื่องนี้ก็ต้องมีความรับผิดชอบ เมื่อถามว่า ในส่วนของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ไม่เห็นมีความคืบหน้าในความรับผิดชอบใดๆ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขาถือว่าเรื่องสัญญามันดำเนินการไปแล้ว หากจะตรวจสอบอะไรกันก็เป็นอีกเรื่อง แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่จะมีปัญหามาตีกันหรืออะไรกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดการกระทบกระทั่งกันอีกครั้งระหว่างกลุ่มผู้ค้าตลาดคลองเตย กับเจ้าหน้าที่ของบริษัท ลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล จำกัด ผู้เข้ามาพัฒนาตลาดคลองเตยตามสัมปทาน ที่เข้าไปขนย้ายสิ่งของในตลาด จนกลุ่มผู้ค้าพากันออกมาปิดถนนบริเวณแยกพระราม 4 ทำให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.ต้องเข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย ระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายอีกรอบ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 31 ต.ค.นั้น
วานนี้ (1 พ.ย.) เวลา 07.30 น.กลุ่มผู้ค้าตลาดคลองเตย กว่า 100 คน ซึ่งชุมนุมปิดถนนบริเวณแยกพระราม 4 ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 31 ต.ค. ได้ยอมที่จะเปิดการจราจรให้ใช้ได้ตามปกติแล้ว แม้การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ข้อยุติเป็นที่พอใจ อย่างไรก็ดีในเบื้องต้นทางสภาทนายความ ได้ส่งทนายความมาช่วยเป็นที่ปรึกษาทางคดีซึ่งมีการฟ้องร้องกันอยู่ในศาล โดยได้ยื่นข้อเสนอขอให้บริษัทลีเกิ้ลฯ ยุติการพัฒนาพื้นที่ตลาด 3 ไว้ก่อน ซึ่งตัวแทนฝ่ายบริษัท ลีเกิ้ลฯตกลง ทำให้การเจรจาจึงยุติลงชั่วคราว
พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่าได้สั่งการให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล( ปจ.) เข้าดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่พิพาท เพื่อป้องกันเหตุปะทะของทั้งสองฝ่าย โดยมอบ ให้ พล.ต.ต.โชคชัย ดีประเสริฐวิทย์ บก.น.5 ดูแลความสงบเรียบร้อยและรายงาน ให้ทราบทันทีหากมีการปะทะเกิดขึ้นอีก ส่วนผู้ค้าที่กระทำผิดกฎหมายทางจราจร ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานเอาไว้ เพื่อจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่เหตุผลที่ไม่สามารถยุติปัญหาได้เพราะต่างฝ่ายต้างคิดว่าตัวเอง มีอิทธิพลหรือเปล่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีส่วน ต่างฝ่ายต้างคิดว่า มีคนที่เข้ามาช่วย หนุนหลังอยู่ ซึ่งตนบอกไปแล้วว่าเป็นเรื่องที่ทางตำรวจจะต้องเข้าไปแก้ไขคลี่คาย ให้ดีไม่เช่นนั้นจะเป็นความเดือดร้อนตลอดเวลา เมื่อถามว่า จะทำให้ทุกฝ่ายอยู่ภายใต้ กฎหมายเดียวกันได้อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าทั้งหมดต้องไปหาคำตอบ เรื่องของการจัดสรรพื้นที่และกติกาของแม่ค้ากับบริษัท ซึ่งถ้าตรงนี้ลงตัวมันก็ไม่ควรจะมีประเด็นที่ขัดแย้งกัน
ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่ามีอิทธิพลเข้าไปเกี่ยวข้องทำให้ตำรวจทำอะไรไม่ได้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แม่ค้าก็บ่นเรื่องตำรวจท้องที่และตนก็ต้องคอยติดตามเรื่องนี้ และคอยกำชับสั่งการอยู่เรื่อย ฉะนั้นได้เรียนท่านรักษาการ ผบ.ตร.ไปแล้วว่า ต้องให้มีคนติดตามอยู่ตลอดเวลาอย่างใกล้ชิด เมื่อถามว่า ถ้าตำรวจท้องที่มีปัญหา ทำไมไม่มีการจัดการลงโทษ นาอยภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้ให้ข้อสังเกตุไปแล้วว่าต้องไป ทบทวนดูทั้งหมด เมื่อถามว่า ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อตรงนี้ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันก็มีการอ้างถึงคนที่อยู่เบื้องหลังที่ถือว่ามีอิทธิพล ซึ่งตนได้บอกแล้วว่าจะยอมให้มาสร้างควาเมดือดร้อนให้กับประชาชนมีทั้งความไม่ปลอดภัยและความไม่สะดวกไม่ได้
ผู้สื่อช่าวถามว่าหมายความว่าหากเกิดเหตุซ้ำขึ้นมาอีกตำรวจต้องรับผิดชอบ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าต้องมีความรับผิดชอบที่ชัดเจน เมื่อถามว่า ทาง บ.ชน. บอกว่า หากมีการเคลื่อนไหวผิดถนนจะจับกุมทันทีจะเป็นการปุกกระแสความรุนแรง มากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่31ต.ค.ได้คุยกับทางกลุ่มแม่ค้าว่า เวลามีปัญหาขอให้อย่าได้ใช้วิธีการปิดถนน แต่ส่วนใหญ่อ้างว่าต้องหนีออกมาที่ถนน แต่ต้องดูแลทั้งสองฝ่าย ไม่ควรจะมีฝ่ายไหนที่มาใช้ความรุนแรง อย่างเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ที่มีการยิงปืนขู่กัน
ส่วนได้ให้เวลารักษาการ ผบ.ตร.ในการคลี่คลายปัญหาหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เข้าใจว่าเมื่อคืนวันที่ 31 ต.ค. ที่เจรจากันคงจะตกลงกันได้ระดับหนึ่ง เรื่องมันก็จะเงียบไปและมันจะมาอีกเมื่อไรเราก็ไม่ทราบ ฉะนั้นบอกไปว่าอย่าวางใจ คือต้องมีคำตอบและการเจรจาตนก็หวังว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในเรื่องกติกา การค้าขาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าเท่ากับว่านายกฯยอมรับว่าปัญหานี้จะแก้ไขโดยเด็ดขาดไม่ได้ จะกลับมาเรื่อยๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากเราจัดสรรเรื่องการขายของลงใงตัวมันก็ไม่ควรจะมีปัญหาอีกและตนยืนยันต่อไปถ้าทางตำรวจไม่ว่าจะเป็นท้องที่ หรือนครบาลไม่เข้มแข็งเรื่องนี้ก็ต้องมีความรับผิดชอบ เมื่อถามว่า ในส่วนของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ไม่เห็นมีความคืบหน้าในความรับผิดชอบใดๆ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขาถือว่าเรื่องสัญญามันดำเนินการไปแล้ว หากจะตรวจสอบอะไรกันก็เป็นอีกเรื่อง แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่จะมีปัญหามาตีกันหรืออะไรกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดการกระทบกระทั่งกันอีกครั้งระหว่างกลุ่มผู้ค้าตลาดคลองเตย กับเจ้าหน้าที่ของบริษัท ลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล จำกัด ผู้เข้ามาพัฒนาตลาดคลองเตยตามสัมปทาน ที่เข้าไปขนย้ายสิ่งของในตลาด จนกลุ่มผู้ค้าพากันออกมาปิดถนนบริเวณแยกพระราม 4 ทำให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.ต้องเข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย ระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายอีกรอบ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 31 ต.ค.นั้น
วานนี้ (1 พ.ย.) เวลา 07.30 น.กลุ่มผู้ค้าตลาดคลองเตย กว่า 100 คน ซึ่งชุมนุมปิดถนนบริเวณแยกพระราม 4 ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 31 ต.ค. ได้ยอมที่จะเปิดการจราจรให้ใช้ได้ตามปกติแล้ว แม้การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ข้อยุติเป็นที่พอใจ อย่างไรก็ดีในเบื้องต้นทางสภาทนายความ ได้ส่งทนายความมาช่วยเป็นที่ปรึกษาทางคดีซึ่งมีการฟ้องร้องกันอยู่ในศาล โดยได้ยื่นข้อเสนอขอให้บริษัทลีเกิ้ลฯ ยุติการพัฒนาพื้นที่ตลาด 3 ไว้ก่อน ซึ่งตัวแทนฝ่ายบริษัท ลีเกิ้ลฯตกลง ทำให้การเจรจาจึงยุติลงชั่วคราว
พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่าได้สั่งการให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล( ปจ.) เข้าดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่พิพาท เพื่อป้องกันเหตุปะทะของทั้งสองฝ่าย โดยมอบ ให้ พล.ต.ต.โชคชัย ดีประเสริฐวิทย์ บก.น.5 ดูแลความสงบเรียบร้อยและรายงาน ให้ทราบทันทีหากมีการปะทะเกิดขึ้นอีก ส่วนผู้ค้าที่กระทำผิดกฎหมายทางจราจร ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานเอาไว้ เพื่อจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป