ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งเสริมกำลังดูแลความสงงบเรียบร้อยในพื้นที่ตลาดคลองเตย หลังเกิดเหตุปะทะกันผลัดละ 150 นาย พร้อมหน่วยปราบจลาจลเตรียมพร้อมและเคลื่อนที่ถึงที่หมายได้ภายในครึ่งชั่วโมง
วันนี้ (3 พ.ย.) พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. กล่าวถึงการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของกลุ่มผู้ค้าตลาดคลองเตยว่า ภายหลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล1 (บก.น.1) มาเสริมกำลังกับตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 เจ้าของพื้นที่โดยเพิ่มกำลังดูแลในแต่ละผลัดจาก 150 นายเป็น 300 นาย คุมเข้มทั้งรอบนอกและรอบในตรวจค้นอาวุธบุคคลต้องสงสัยตลอดเวลา ขณะเดียวกันได้สั่งการให้เตรียมกำลังตำรวจปราบจลาจลพร้อม ณ ที่ตั้งหากเกิดเหตุรุนแรงสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ภายในครึ่งชั่งโมง
ผบช.น.กล่าวต่อว่า การดูแลความสงบเรียบร้อยของตำรวจนั้นเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงปะทะกันสองฝ่ายเท่านั้น ส่วนการแก้ไขปัญหาในภาพรวมของสาเหตุนั้นเป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องสองฝ่ายที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนจะปล่อยให้ล่วงเลยเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว การชุมนุมยืดเยื้อมานาน ส่วนกรณีที่นายกฯออกมาคาดโทษตำรวจที่ปล่อยให้มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นนั้น ในฐานะที่มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยไม่ได้เกิดความท้อแท้หรือน้อยอกน้อยใจแต่อย่างใด ตำรวจต้องทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถอยู่แล้วไม่มีปัญหา
ด้าน พ.ต.อ.สมชาย พัชรอินโต รอง ผบก.น.5 กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจคุมเข้มตรวจค้นบุคคลเข้าออกบริเวณที่มีการชุมนุมและบริเวณโดยรอบให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มชายฉกรรจ์และบุคคลต้องสงสัยทั้งฝ่ายลีเกิ้ลฯ และฝ่ายผู้ค้า พร้อมประสานเจ้าหน้าที่สรรพาวุธเข้าตรวจค้นตรวจสอบวัตถุระเบิดวัตถุต้องสงสัยอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาตำรวจมีการดำเนินการเข้มงวดมาโดยตลอดแต่ไม่รู้ว่ามีการลักลอบนำเข้าไปได้อย่างไรซึ่งต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกันต่อไป ขณะเดียวกันได้สั่งกำชับไปยังฝ่ายสืบสวนให้เร่งรัดติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกรณีการพิพาทตลาดคลองเตยประชุมกันที่ห้องประชุมสน.ท่าเรือ โดยใช้หารือกันอย่างเคร่งเครียดนาน 2 ชั่วโมง ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น พล.ต.ท.วรพงษ์ เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนแผนการดูแลรักษาความเรียบร้อยในพื้นที่ตลาดคลองเตยโดยให้ พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิ์ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รองผบช.น. ลงมาควบคุมดูแลโดยแบ่งเป็นเรื่องความมั่นคง เรื่องการสืบสวน และเรื่องการดูแลพื้นที่ และให้ พ.ต.อ.สมชาย พัชรอินโต รองผบก.น.5 รักษาการผกก.สน.ท่าเรือ ดูแลคดีที่เกิดขึ้นในท้องที่ไม่ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับตลาดคลองเตย และจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจราจล 150 นาย เหมือนเดิมเพื่อดูแลป้องกันเหตุการปะทะกัน
พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวด้วยว่า กรณีการพิพาทตลาดคลองเตยดังกล่าวนั้นยืดเยื้อมาเป็นปีแล้ว หลังจากที่ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาป้องกันเหตุก็ทำให้อาชญากรรมในท้องที่เพิ่มสูงขึ้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนใหม่ ซึ่งตำรวจที่มาควบคุมดูแลก็เป็นแค่แนวกันไม่ให้สองฝ่ายปะทะกัน เนื่องจากต่างฝ่ายต่างแย่งสิทธิพื้นที่ในตลาด ซึ่งตอนนี้เรื่องกำลังอยู่ในขั้นตอนของศาลตำรวจจึงไม่สามารถทำอะไรได้ บางครั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะอ่อนล้าบ้างเนื่องจากต้องมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ดังกล่าวนาน ทำให้บางครั้งเกิดเรื่องปะทะกันขึ้น
ส่วนเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านถูกยิงได้รับบาดเจ็บนั้นเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า หลังจากได้เรียกตัวแทนทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันก็ได้ข้อยุติว่า พื้นที่ตลาดเป็นของบริษัทลีเกิ้ลที่ได้รับสัมปทาน แต่ก็ยังให้ผู้ค้าเดิมนั้นขายของต่อไปได้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือมีจำนวน 24 แผง เจ้าของแผงหรือผู้มีสิทธิ์ไม่มาแสดงตัว แต่ได้มีตัวแทนของเจ้าของแผงออกมาประท้วงต่อต้านจนกระทั่งมีการปิดถนน บริเวณดังกล่าวทางบริษัทได้ขนของออกนำลวดหนามมาล้อมแผงเอาไว้
พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุมีคนตัดลวดหนามแล้วขนของมาวางไว้ที่แผงดังกล่าว ทางบริษัทลีเกิ้ลจึงแจ้งความกับว่าบุกรุก พอเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบก็ไม่ทราบว่าของดังกล่าวนั้นเป็นของใคร จึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 150 นาย ไปควบคุมเพื่อขนของออกนำไปเก็บรักษาที่สน.ท่าเรือ ระหว่างนั้นก็มีเสียงนกหวีดดังขึ้นพร้อมกับไฟก็ดับลง และตามมาด้วยเสียงประทัดดัง 1 นัด และเสียงปืนดัง 2 นัด ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจโดนยิงบาดเจ็บที่แขนซ้าย และนายชนะพล รมยสมิตธ์ ถูกยิงที่แขนขวากระสุนฝังใน ซึ่งคาดว่าผู้ลงมือกระทำนั้นต้องการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ โดยตอนนี้ได้พุ่งเป้าไปที่กลุ่มที่ผู้เสียผลประโยชน์ หรืออาจเป็นผู้ที่สร้างสถานการณ์อยู่ระหว่างให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบ