นักศึกษาอุเทนถวาย 10 กว่าคน ขึ้นรถเมล์ 113 หน้าห้างมาบุญครอง ผ่านมาป้ายเดียวเจออีกกลุ่มรออยู่ที่ป้ายหน้าสนามศุภฯ พอประตูเปิดก็ชักดาบชี้หน้า-ปาหินใส่กระเป๋ารถเมล์เห็นท่าไม่ดีเลยรีบบอกคนขับปิดประตูเร่งเครื่องออกจากป้ายทันที ก่อนที่พวกข้างล่างรัวปืนใส่ตามอีกหลายนัด กระสุนโดนปี 1 อุเทนฯ เจ็บ 1 คน ส่วนคนขับ-ชาวบ้านโดนเศษกระจกบาดเจ็บอีกหลายราย
เมื่อเวลา 19.30 น.วันนี้ (7 ต.ค.) ร.ต.ท.หญิง คนึงนุช ทศไพรินทร์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บบริเวณสี่แยกเจริญผล ถนนพระราม 1 ตัดบรรทัดทอง แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผกก.สน.ปทุมวัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลหัวเฉียว และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุบริเวณป้อมควบคุมสัญญาณจราจรแยกดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบรถประจำทางปรับอากาศ สาย 113 หมายเลขทะเบียน 13-6045 กทม.หมายเลขข้างรถ 113-105 ของบริษัทกรุงเทพมหานครขนส่ง จำกัด วิ่งระหว่างหัวลำโพง-มีนบุรี จอดอยู่ในสภาพบริเวณกระจกด้านข้างซ้าย มีรอยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดจำนวน 4 รู ส่วนผู้บาดเจ็บมีทั้งหมด 5 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว 1 ราย คือนายธีรณัฐ อรุณพูลทรัพย์ อายุ 18 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย ส่วนอีก 4 ราย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
จากการสอบสวน นายสมจิตร หม่อมพันธ์ อายุ 54 ปี พนักงานขับรถโดยสารคันดังกล่าว ซึ่งได้รับบาดเจ็บถูกเศษกระจกบาดบริเวณข้อมือซ้าย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขับรถรับผู้โดยสารมาจากบริเวณป้ายหน้ามาหน้าบุญครอง ซึ่งมีผู้บาดเจ็บและเพื่อนนักศึกษา จำนวน 10 กว่าคน ขึ้นมาด้วย จากนั้นก็ขับออกมาจอดที่ป้ายหน้าสนามกีฬาแห่งชาติ ก็เปิดประตูรับผู้โดยสารตามปกติ จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้น กระเป๋ารถเมล์ก็ตระโกนให้รีบปิดประตู ตนจึงรีบปิดประตูแล้วเร่งเครื่องออกจากป้ายทันที จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นตามมาหลายนัด
นายสมจิตรกล่าวต่อว่า เมื่อขับมาถึงบริเวณสี่แยกเจริญผล ก็มีกลุ่มนักศึกษาบอกว่ามีเพื่อนถูกยิงได้รับบาดเจ็บเข้าที่บริเวณหน้าอกซ้าย จึงจอดรถแล้วช่วยกันนำตัวออกมาขอความช่วยเหลือจากตำรวจที่ประจำอยู่ในป้อมจราจรบริเวณดังกล่าว และมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งรักษาตัวที่ รพ.หัวเฉียว นอกจากนี้ยังมีผู้โดยสารบางส่วนถูกเศษกระจกกระเด็นใส่เหมือนกับตนด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุจำนวนมาก พร้อมกับสั่งให้ตนปิดประตูควบคุมผู้โดยสารทั้งหมดไว้ในรถ เนื่องจากทราบว่ายังมีนักศึกษาจำนวนหนึ่งอยู่ในรถด้วย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำรถโดยสารประจำทางคันดังกล่าวตรวจค้นที่ สน.ปทุมวัน เพื่อตรวจค้นปรากฏว่ายังมีประชาชนทั่วไปและนักศึกษาสถาบันชื่อดังแห่งหนึ่ง และพบอาวุธมีดจำนวน 3 เล่ม กับเศษกระสุนปืนไม่ทราบขนาดอีกจำนวนหนึ่งบริเวณเบาะนั่งและบริเวณหลังคา จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ด้าน นายประมวล ธรรมภักดี อายุ 30 ปี พนักงานเก็บค่าโดยสารรถคันดังกล่าวให้การว่า ก่อนเกิดเหตุมีผู้โดยสารเต็มคันรถ ตนจึงไปยืนบริเวณประตูรถ เมื่อรถวิ่งมาถึงป้ายบริเวณหน้าสนามกีฬาแห่งชาติ ก็มีนักศึกษาอีกกลุ่มหนึ่งไม่ทราบจำนวนยืนอยู่ เมื่อคนขับเปิดประตูกลุ่มนักศึกษาดังกล่าวก็ชักดาบแล้วชี้ขึ้นมาบนรถ จากนั้นก็มีการขว้างหินขึ้นมา ตนเห็นท่าไม่ดีจึงตะโกนให้คนขับปิดประตูแล้วขับออกไปทันที เพราะเกรงว่าหากนักศึกษากลุ่มนั้นขึ้นมาได้จะทำให้เกิดเหตุร้าย จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ทำให้ผู้โดยสารทั้งคันต่างตกใจและหมอบลง จนกระทั่งมีคนในรถบอกว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกยิง จึงให้จอดรถบริเวณป้อมตำรวจแยกดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเข้าระงับเหตุทันที ก็พบว่ายังมีนักศึกษาของสถาบันอื่นอีกกว่า 100 คน มาปิดล้อมรถเมล์คันดังกล่าวไว้ ทำให้ตำรวจต้องขอร้องให้แยกย้ายกันกับไป ซึ่งใช้เวลากว่า 30 นาที ทั้งหมดจึงแยกย้ายกันไป ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ยังมีกลุ่มนักศึกษาบางส่วนติดค้างอยู่บนรถคันดังกล่าว จึงสั่งให้นำรถคันดังกล่าวมาทำการตรวจค้นที่ สน.ปทุมวัน ก็พบว่ามีนักศึกษาจำนวน 8 คน ชาย 6 คน หญิง 2 คน พร้อมอาวุธมีดจำนวนหนึ่ง แต่ไม่พบอาวุธปืนแต่อย่างใด
พ.ต.อ.ไพศาล กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมีทั้งหมด 5 ราย สาหัส 1 ราย คือนายธีรณัฐ ที่ถูกยิงเข้าที่บริเวณหน้าอกซ้าย ซึ่งล่าสุดแพทย์ได้ช่วยเหลือจนอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและให้กลับบ้านได้ เบื้องต้นอยู่ในระหว่างการสอบปากคำนักศึกษาบางส่วนที่อยู่บนรถเมล์ หลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของ สน.ปทุมวัน และ กก.สืบสวน บก.น.6 ทำการติดตามหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ต่อไป
