เมื่อเร็วนี้ ๆ ทางทีมงานโต๊ะข่าวอาชญากรรม ASTVผู้จัดการรายวัน ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีท่านหนึ่ง โดยได้เล่าถึงพฤติกรรมอุบาทว์ของชายโรคจิตบนรถเมล์โดยสาร ขสมก.สาย 75 (แดงคาดขาว) วิ่งระหว่าง วัดพุทธ-หัวลำโพง ว่าวันหนึ่งพลเมืองดีท่านนี้กำลังขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน ขณะที่เตรียมก้าวขาขึ้นรถเมล์คันดังกล่าว พบผู้ชายอายุประมาณ 30-35 ปี อยู่ในอาการลุกลี้ลุกลน ก่อนชนคนแจ้งเบาะแสด้วยท่าทางเหมือนคนทำผิดอะไรมาสักอย่างแล้ววิ่งหลบหนีหายไปในที่สุด
จากนั้นผู้แจ้งเหตุได้ขึ้นรถเมล์ไปพบเด็กสาวนักเรียนชั้นมัธยมปลายแห่งหนึ่งอยู่ในอาการเศร้าโศก ก้มหน้าร้องไห้แบบไม่มีสาเหตุ จนกระทั่งมีหญิงวัยกลางคนท่านหนึ่งสอบถามกับเด็กสาวถึงสาเหตุทำไมต้องร้องไห้ เด็กสาวที่อยู่ในอาการเสียใจยอมเปิดปากด้วยน้ำเสียงสั่นคลอว่า ถูกชายโรคจิตคนหนึ่งที่นั่งรถเมล์โดยสารมาด้วยกันลวนลาม เด็กสาวบอกอีกว่าตอนแรกที่นั่งอยู่ไม่รู้สึกเอะใจอะไร จนรถแล่นไปเรื่อยๆ ชายโรคจิตเริ่มที่ท่าเบียดเข้ามาใกล้เสียดสีบริเวณท่อนแขน แรกๆ เด็กสาวไม่รู้สึกอะไร พอนานไปเริ่มถี่ขึ้น จึงเริ่มสงสัยพฤติกรรมของชายโรคจิต แต่ไม่กล้าที่จะมองหน้าชายโรคจิตเพราะกลัวที่จะถูกทำร้าย สุดท้ายชายโรคจิตก็เริ่มลวนลามต่อทันที คราวนี้ถึงกับใช้มือล้วงเข้าไปในกระโปรงนักเรียน จนเด็กสาวถึงกับร้องไห้ ชายโรคจิตเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งลงจากรถแล้ววิ่งหนีหายไป
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีข้อน่าสังเกตว่าช่วงเวลาที่อยู่บนรถเมล์เป็นช่วงเย็น ที่สำคัญบนรถเมล์มีผู้คนอาศัยโดยสารอยู่จำนวนมาก จึงเป็นจุดล่อให้ชายโรคจิตก่อเหตุ ประกอบกับรถเมล์ที่เกิดเหตุเป็นรถฟรี มีผู้ใช้จำนวนมาก ทำให้กระเป๋ารถเมล์ไม่สนใจผู้โดยสารที่ขึ้นมา หรือคอยเดินตรวจตราอยู่ภายในรถ
หากย้อนกลับไปดูข่าวสารเกี่ยวกับการลวนลามบนรถเมล์ในหน้าหนังสือพิมพ์นั้นจะปรากฏเป็นข่าวน้อยมาก หรือมีเหตุมาจากเจ้าทุกข์ก็ไม่กล้าเข้าแจ้งความ เพราะกลัวความอับอายที่เกิดขึ้น ถ้าย้อนกลับดูข่าวลวนลามที่มีก็เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วนี่เองซึ่งดูน้อยมาก หากยังปล่อยให้คนโรคจิตประเภทนี้ลอยนวลอยู่
ลองแวะไปดูการสำรวจของ “สวนดุสิตโพล” ที่เคยทำวิจัยเอาไว้เกี่ยวกับความเห็นของผู้หญิงที่ใช้รถเมล์เกี่ยวกับกรณีการถูกลวนลามบนรถเมล์พบว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ร้อยละ 76.14 เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นภายหลังจากมีข่าวเพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเอง มีคนโรคจิตมากขึ้นและเดินทางจากที่ทำงานกลับถึงบ้านค่ำทุกวัน ขณะที่ร้อยละ 23.86 เท่าเดิม เพราะปกติคอยระมัดระวังตัวอยู่แล้ว เส้นทางที่ขึ้นมีคนมากไม่เปลี่ยว พยายามหาเพื่อนกลับทางเดียวกัน อย่างไรก็ตามผู้หญิงส่วนใหญ่ร้อยละ75.65 ระบุว่าไม่เคยโดนลวนลามบนรถเมล์ แต่ร้อยละ 24.35 ระบุว่าเคยโดนลวนลาม โดยมายืนใกล้ๆ ชนหน้าอก มือมาโดนที่ก้น มองด้วยสายตาแปลกๆ
สำหรับความรู้สึกเมื่ออ่านข่าวผู้หญิงโดนลวนลามบนรถเมล์ ร้อยละ 29.54 ระบุว่า เพราะสังคมไทยเสื่อมลงทุกวัน จิตใจคนและพฤติกรรมต่างๆ แย่ลง ร้อยละ21.91 รู้สึกเห็นใจสงสารผู้ที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ ร้อยละ 19.05 เห็นว่าตัวเราเองต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น ร้อยละ 19.01 ควรนำผู้กระทำผิดมาลงโทษอย่างเด็ดขาด และร้อยละ 10.49 พยายามหาเพื่อนกลับบ้านด้วย ไม่ขึ้นรถเมล์คนเดียว
“ข้อควรระวังภัยบนรถเมล์”
สาวคนไหนที่ต้องโดยสารรถเมล์เป็นประจำ ภัยอย่างหนึ่งที่ควรระวัง คือ การถูกลวนลาม วันนี้มีวิธีปฏิบัติเมื่อถูกลวนลามบนรถเมล์มาบอก...ถ้าคุณถูกผู้ชายใช้อวัยวะเพศถูไถ หรือกดลงบนส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น สะโพก ต้นขา หรือสัมผัสโดยตรงที่หน้าอก หรืออวัยวะเพศ ทำให้คุณตกใจ โกรธ ขยะแขยง หรืออับอายจนทำอะไรไม่ถูก ควรปฏิบัติดังนี้
สิ่งแรกที่คุณควรทำ คือ รีบเดินหนีหรือเปลี่ยนที่ยืนเสียใหม่ จงใจให้ผู้อื่นเห็นว่าคุณพยายามหนี จากผู้ชายคนนั้นเพื่อให้คนอื่นๆ เอะใจ และอาจช่วยเหลือคุณ หรืออย่างน้อยก็เป็นการเตือนให้ผู้หญิงคนอื่นรู้ตัว และระวังตัวเองมากขึ้น และการทำเช่นนี้ยังทำให้ผู้ชายต้นเหตุต้องหยุดการกระทำของเขาลงด้วย
จากนั้นให้คุณพยายามจดจำหน้าตาของชายคนนั้นไว้ เพราะคนพวกนี้มักขึ้นรถเมล์หาเหยื่อในเส้นทางเดิมๆ คุณจะได้หาทางหลีกเลี่ยงได้ทัน ก่อนหากต้องเจอกันอีกครั้ง และถ้าเป็นไปได้ควรแจ้งตำรวจให้จับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากผู้ชายประเภทนี้มีความเบี่ยงเบนทางเพศ เพราะมีปมด้อยบางอย่าง ทำให้กลัว การมีสัมพันธ์ทางเพศแบบปกติกับผู้หญิง จึงต้องหาทางออกให้ตัวเองโดยการลวนลามผู้หญิงบนรถเมล์แทน
ดังนั้น นอกจากผู้ชายเหล่านี้จะต้องรับโทษทางกฎหมายแล้ว ยังสมควรได้รับการบำบัดรักษาจากจิตแพทย์ด้วยเพื่อจะได้ไม่ก่อปัญหา รู้อย่างนี้แล้ว สาวๆ ก็อย่าลืมระมัดระวังตัวขณะโดยสารรถเมล์กันด้วย
เรื่องลวนลามบนรถเมล์ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นภัยที่คุกคามที่เกิดขึ้นมานานแล้วดูทีท่าก็ไม่มีวันที่จะหมดลงไปได้ ฉะนั้นสาวๆ ไม่ควรมองข้ามทำตามข้อปฏิบัติที่เสนอะแนะแล้วชีวิตช่วงเช้า-เย็น ก็จะแฮปปี้ไปตลอดวัน...