“จงรัก” โผล่แจมแถลงจับ จ.ส.ต.โรงพักโคกสำโรง ก่อเหตุวางระเบิดใส่บ้านกำนัน ต.ยางราก จ.ลพบุรี หวังปลิดชีพแต่ภรรยากำนันมารับเคราะห์แทนเสียชีวิตแถมลูกสาวได้รับบาดเจ็บ หนำซ้ำยังยิงเฒ่าวัย 80 ปี ที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ดับอีกหนึ่ง ตร.ตั้งปมปัญหาหนี้สินและการเมืองท้องถิ่น พร้อมสั่งให้ จ.ส.ต.ออกจากราชการทันที
วันนี้ (7 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.วันชัย ถนัดกิจ รอง ผบช.ภ.1 (รรท.ผบช.ภ.1) พล.ต.ต.ราเชนทร์ รื่นกมล รอง ผช.ภ.1 พล.ต.ต.กิตติ รุ่งเรืองวงษ์ ผบก.ภ.จว.ลพบุรี พ.ต.อ.สมิธิ มุกดาสนิท รองผบก.ภ.จว.ลพบุรี ร่วมกันแถลงข่าวตำรวจศสส.ภ.1 จว.ลพบุรี และ สภ.โคกเจริญ จับกุมตัว จ.ส.ต.อดุลย์ รัตนตรัยมณี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13หมู่ 8 ต.เพนียด อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี เจ้าหน้าที่ ผบ.หมู่(ป.) สภ.โคกสำโรง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชัยบาดาล ที่จ.85/2552 ลงวันที่ 6 ต.ค.2552 ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยจับกุมตัวได้ที่ สภ.โคกสำโรง พร้อมรถจยย.ของกลางที่ใช้ก่อเหตุ
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 5 ต.ค.เวลาประมารณ 15.00 น.ได้มีคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องวางระเบิดที่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 7 ต.ยางราก อ.โคกเจริญ ซึ่งเป็นบ้านของนายเว้ง ใจหาญ กำนัน ต.ยางราก เป็นเหตุให้นางธนพร ชุมมาตร อายุ 44 ปี ภรรยาเสียชีวิต และ ด.ญ.วรปัชญ์ ใจหาญ อายุ 5 ปี ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด นอกจากนี้ยังสืบทราบว่าผู้ต้องหาได้ลงมือฆ่านายคลอง บุญช่วย อายุ 80 ปี ซึ่งเป็นคนเลี้ยงวัวที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ โดยนำศพไปทิ้งไปทิ้งไว้ในคลอง ซึ่งเจ้าหน้าที่เพิ่งจะพบศพเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ด้าน พล.ต.ต.กิตติ กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ในบ้าน ผู้ต้องหาได้ใช้ระเบิดทีเอ็นทีนำมาดัดแปลงแล้วไปฝังไว้ในบ้าน โดยจะจุดชนวนด้วยรีโมท ระหว่างรอก็ทำทีรื้อค้นข้าวของในบ้านเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นให้เป็นการฆ่าลักทรัพย์ จังหวะนั้นนายคลองผ่านมาเห็นจึงถูกฆ่าปิดปาก ต่อมาภรรยาและลูกสาวของนายเว้งได้เดินทางกลับมาที่บ้าน ผู้ต้องหาจึงใช้รีโมทกดระเบิด แต่ผู้ตายยังไม่เสียชีวิต ผู้ต้องหาจึงใช้ปืนยิงซ้ำส่วนลูกสาวได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่ผู้ต้องหาจะหลบหนีไป
“ภายหลังจากเกิดเหตุได้ทำการสืบสวนสอบสวน โดยพบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และยังมีพยานบุคคลทำให้ทราบว่า จ.ส.ต.อดุลย์ เป็นผู้ก่อเหตุจึงอนุมัติออกหมายจับและไปจับกุมตัวได้ที่ สภ.โคกเจริญ สำหรับสาเหตุการสังหารในครั้งนี้ได้ตั้งประเด็นส่วนตัวเรื่องหนี้สิน และเรื่องการเมืองท้องถิ่น ซึ่งผู้องหาใหการรับสารภาพแต่ยังไม่ซัดทอดถึงผู้ใด ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีผู้อยู่เบื้องหลังเนื่องจากจ.ลพบุรี มีการแข่งขันกันสูงในเรื่องการเมืองท้องถิ่น อาจจะมีผู้จ้างวานให้ลงมือโดยจะล้างหนี้ให้กับผู้ต้องหา” พล.ต.ต.กิตติ กล่าว
“ผู้ต้องหามีหนี้สินกว่าล้านบาท โดยมีหนี้สินจากการกู้ธนาคารมาประมาณ 800,000 บาท อีกทั้งยังพบว่าผู้ต้องหามีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว กับกลุ่มนักการเมืองที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับผู้ตาย น่าจะเป็นฉนวนเหตุสำคัญที่ทำให้ลงมือก่อเหตุ ในเบื้องต้นได้มีคำสั่งให้อกจากราชการไว้ก่อนแล้ว หากพยานและหลักฐานสาวไปถึงใครก็จะติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป” พล.ต.ต.กิตติ กล่าว
จับหนุ่มอาชีวะพกปืนชิงทรัพย์เหยื่อ
อีกราย พล.ต.อ.จงรัก แถลงข่าวผลการจับกุมตัว นายยุทธนา ทองสา อายุ 20 ปี นักศึกษาอาชีวะชื่อดังย่านดุสิต ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ผู้อื่น พร้อมของกลางกระเป๋าสตางค์ จำนวน 1 ใบ เงินสด จำนวน 600 บาท และอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ เบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวน 1 นัด โดยจับกุมตัวได้ภายในซอยลีลาศ หมู่ 8 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากมีผู้เสียหายจำนวนหลายรายเข้าแจ้งความในท้องที่ สภ.ปากเกร็ด ว่าถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนข่มขู่ ก่อนจะชิงทรัพย์แล้วหลบหนีไป เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นผู้ก่อเหตุจึงติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง ในท้องที่ จ.นนทบุรี ซึ่งหลังจากก่อเหตุจะขึ้นวินรถจยย.หลบหนีไป เงินที่ได้มาก็จะนำไปใช้จ่าย เนื่องจากพ่อแม่อยู่ต่างจังหวัด ต้องจ่ายค่าที่พักเอง ส่วนเงินที่มีครอบครัวส่งให้นั้นไม่พอใช้จ่าย ปืนที่นำมาใช้ก่อเหตุก็ซื้อต่อจากเพื่อนในราคา 1,500 บาท เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร กาอนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
“จงรัก” เชื่อฆ่าโหด 5 ศพ จ.สระบุรี ปมทะเลาะวิวาท
สำหรับกรณีที่เกิดเหตุคนร้ายฆ่าโหด 5 ศพ ในพื้นที่ จ.สระบุรี พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปาคำพยานไปแล้ว จำนวน 17 ปาก โดยตั้งประเด็นการสังหารไว้ 3 เรื่อง คือ 1.เรื่องทะเลาะวิวาท 2.ความขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่น และ 3.เรื่องธุรกิจส่วนตัว ซึ่งขณะนี้เชื่อได้ว่าน่าจะเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทมากกว่าประเด็นอื่น
ไม่ฟันธงทหารเอี่ยวฆ่าโหด 5 ศพ
เมื่อถามว่าเกี่ยวข้องไปถึงกลุ่มทหารที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้หรือไม่นั้น พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ต้องสอบสวนไปตามขั้นตอน ทั้งหลักฐานจากนิติวิทยาศาสตร์ ว่าเกี่ยวข้องไปถึงใคร จากการตรวจสอบในตัวผู้ตายทั้งหมดก็พบกระสุนปืนที่มาจากกลุ่มของผู้ตายเองด้วย ซึ่งผู้ตายทุกคนพกปืนเป็นประจำอยู่แล้ว อย่างไรทางก็ตามขณะนี้ยังรอลักฐานจกทางนิติวิทยาศาสตร์อยู่ ส่วนประเด็นที่มีการกล่าวถึงว่ากระสุนขนาด .45 ที่ทางทหารนิยมใช้กันนั้น ก็พบว่ากลุ่มของผู้ตายก็ใช้กระสุนขนาด .45 ด้วยเช่นกัน