รวบหนุ่มชาวพม่าคาด่าน ตม.พบมีหมายจับคดียาเสพติด แถมสวมบัตรคนไทยนาน 15 ปี เจ้าตัวยังปากแข็งอ้างทำธุรกิจร้านอาหารไม่มีส่วนรู้เห็นการค้าเฮโรอีน อีกรายจับสาวไทยตุ๋นเหยื่อไปทำงานต่างประเทศ พบมีหมายจับเช่นกัน ให้การปฏิสเธอีกตามเคย
วันนี้ (17 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่สำนักงานตรวจค้นเข้าเมือง พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร ผบช.สตม. พล.ต.ต.ชัยยศ บัวทรัพย์ รอง ผบช.สตม. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายมนัส หรืออาเหนี่ยว หรือ เจมส์ ศรีสุวรรณ อายุ 55 ปี สัญชาติไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 29/2552 ในข้อหาร่วมกันมียาเพสติดให้โทษประเภทที่ 1 (เฮโรอีน) ซึ่งมีปริมาณคำนวนเป็นสารบริสุทธิ์เกินยี่สิบกรัมขึ้นไปไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย โดยสามารจับกุมได้ที่ด่าน ตม.หนองคาย ขณะเจ้าตัวกำลังจะเดินทางไปประเทศลาว
พล.ต.ท.ชัชวาลย์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2551 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้จับกุมผู้ต้องหาค้าเฮโรอีนได้ที่ห้างคาร์ฟูร์ สาขารัชดา พร้อมทำการยึดทรัพย์ได้จำนวนนับร้อยล้านบาท นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังได้ซัดทอดว่า นายมนัส หรือ อาเหนี่ยว มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนค้ายาเสพติดนี้ เจ้าหน้าที่จึงขออนุมัติหมายจับจากศาลไว้ จนกระทั่งวานนี้ (16 ส.ค.) นายมนัส ได้เดินทางจาก จ.เชียงใหม่ ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG-123 เชียงใหม่-สุวรรณภูมิ ก่อนจะขึ้นเครื่องต่อไปที่ จ.อุดรธานี จากนั้นเจ้าตัวก็นำหนังสือเดินทางเลขที่ X 797180 ไปยื่นต่อ ด.ต.ศักดิ์สิทธิ์ ประสิทธิชัย ผบ.หมู่ประจำด่าน ตม.หนองคาย เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบก็พบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ จึงควบคุมตัวไว้ก่อนนำตัวมาสอบปากคำ
จากการสอบปากคำ นายมนัสให้การว่า ชื่อจริงของตนคือ อาหม่อง เป็นชาวเมืองเชียงตุง ประเทศพม่า ได้เข้ามาสวมบัตรประชาชนไทยที่ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อ 15 ปีที่แล้ว โดยเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 10,000 บาทเศษ ส่วนเรื่องค้ายาเสพติดนั้นตนขอปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เนื่องจากวันที่ DSI จับกุมกลุ่มผู้ค้าเฮโรอีนเมื่อปีที่แล้วนั้น ตนยังทำธุรกิจเปิดร้านอาหารอยู่ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย โดยทำมานานกว่า 12 ปีแล้ว หลังจากนั้น ก็ย้ายมาทำเหมืองอยู่ที่เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว ก่อนจะเดินทางเข้าไทยเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา จนเมื่อวานนี้จะกลับไปที่หลวงพระบาง แต่ก็มาถูกจับเสียก่อน
พล.ต.ท.ชัชวาลย์ กล่าวด้วยว่า ในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ ตม.ด่านหนองคาย ก็สามารถจับกุมนางวิลัยพร คำรักเกียรติ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรีที่ 1085/2550 ลงวันที่ 5 มิ.ย.2550 ในข้อหาร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้หลอกลวง
พล.ต.ท.ชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า การจับกุมผุ้ต้องหารายนี้ สืบเนื่องจาก นางสมพร เอมพรอมรรัตน์ ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางชัน ว่าถูกผู้ต้องหาหลอกลวงว่าสามารถพาไปทำงานที่ประเทศบาห์เรนได้แต่ไม่ได้ไปตามที่บอกไว้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาไว้ จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (16 ส.ค.) ผู้ต้องหาได้ถือหนังสือเดินทางเลขที่ N 611346 ไปยื่นต่อ ด.ต.สมิท บุญแสน ผบ.หมู่ ด่าน ตม.หนองคาย ประจำจุดตรวจขาออกสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เมื่อตรวจสอบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับจึงควบคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบสวน นางวิลัยพรให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่เคยหลอกลวงใคร และจะขอคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางชัน ก่อน