ตำรวจสืบสวนนครบาล 4 รวบเสี่ยร้านอาหารขับรถฟอร์จูนเนอร์ ตบตา รปภ.ตระเวนย่องเบาหมู่บ้านเศรษฐีหลายท้องที่ ทำทีเป็นเจ้าของบ้านอาศัยจังหวะเผลองัดแงะขโมยของมีค่าขายต่อตลาดมืด สารภาพทำมานานกว่า 6 ปี หาเงินได้ 50 ล้าน อวดเป็นวิชาโจรที่เรียนรู้จากในคุก ขณะที่ “อัศวิน” ระบุ ผู้ต้องหาเคยถูกจับมาแล้ว 3 ครั้งไม่หลาบจำ
วันนี้ (6 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 16.30 น. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 แถลงผลตำรวจสืบสวน กก.สส.น.4 ฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน และฝ่ายสืบสวน สน.บึงกุ่ม จับกุมคนร้ายตระเวนลักทรัพย์ในเคหะสถานเวลากลางคืน ได้ผู้ต้องหา คือ นายสุทธิ หรือเผือก พันธรังสี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 ถนนเสริมชาติ ต.ปากแพรก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เจ้าของกิจการร้านอาหารครัวเรือนมุก ย่านถนนรามคำแหง พร้อมของกลาง รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ หมายเลขทะเบียน สฬ 6523 กรุงเทพมหานคร คันที่ใช้ก่อเหตุ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ยี่ห้อ ฟูจิซุ (FUJITU) สีเทารุ่น LBC 2210-AD 013 E OA O หมายเลขเครื่อง A 030302668 จำนวน 1 เครื่อง กระเป๋าสะพายหนังสีดำ จำนวน 1 ใบ สร้อยสแตนเลสพร้อมเหรียญ ร.5 จำนวน 1 เส้น เหรียญ ร.5 จำนวน 2 เหรียญ กำไลสแตนเลส 2 วง สร้อยคอทองชุบ 2 เส้น สร้อยคอสแตนเลส 1 เส้น จี้ ร.5 ฝังทองล้อมเพชร จำนวน 1 เหรียญ เข็มกลัดประดับมุก จำนวน 1 อันกางเกงยีนส์ ยี่ห้อ PJ จำนวน 1 ตัว
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า จากการสอบสวน ทราบว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง และเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.น.4 จับกุมตัวดำเนินคดีมาแล้วถึง 3 ครั้งแต่ก็ยังไม่หลาบจำหันมาก่อคดีซ้ำซ้อนอีก เคยถูกจับกุมโดยจับกุมตามหมายจับข้อหาลักทรัพย์ท้องที่ สน.บางชัน, สน.พระโขนง, สน.พญาไท และ สภ.นนทบุรี ได้บริเวณหน้าหมู่บ้านรินทอง ถนนรามคำแหง แขวง-เขตมีนบุรี กทม.เมื่อกลางดึกที่ผ่านมารวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 50 ล้านบาท โดยรับสารภาพว่า กระทำการเพียงคนเดียวอาศัยช่วงจังหวะเจ้าของบ้านไม่อยู่หรือคนในบ้านหลับหมดแล้วเข้าไปลักทรัพย์ของมีค่าอย่างง่ายดาย เนื่องจากหมู่บ้านคนรวยทั้งหลายจะไม่มีการติดเหล็กดัดลูกกรงเหล็กป้องกันขโมยเพราะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลอยู่แล้ว เมื่อผ่านประตูหน้าหมู่บ้านเข้าไปได้ก็สะดวกต่อการก่อเหตุมากขึ้น โดยทำทีแสดงตนเป็นเจ้าของบ้านเพื่อไม่ให้เพื่อนบ้านสงสัย จากนั้นก็ลงมืองัดแงะโดยเรียนรู้วิธีการงัดตู้เซฟมาจากในคุก สามารถเปิดรหัสได้ทุกตู้ ไม่ว่าจะมีการล็อคอย่างแน่นหนาก็ตาม โดยการจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจากภาพกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ในบ้านหลังหนึ่งของผู้เสียหายและทะเบียนรถฟอร์จูนเนอร์ที่ปรากฏ จึงเกาะรอยรูปพรรณสัณฐานคนร้ายติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
“อยากประชาสัมพันธ์ไปยังผู้เสียหายรายอื่นๆ ให้มาดูของกลางได้ที่ กก.สส.น.4 พร้อมขอความร่วมมือไปยังร้านค้า และประชาชนทั่วไป ที่ติดตั้งกล้องวงจรปิดที่บริเวณบ้าน หากพบพฤติกรรมต้องสงสัยว่าจะมีการกระทำความผิดให้แจ้งเบาะแสข้อมูล เกี่ยวกับการกระทำความผิดของคนร้ายได้ที่ สน.ในเขตพื้นที่ของ บช.น.ได้ทุก สน.ตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินพี่น้องประชาชน” ผบช.น.กล่าว
ด้าน นายสุทธิ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ทำธุรกิจร้านอาหาร ชื่อ ส.กุ้งเผา ต่อมาขาดทุนจึงหันมาขโมยของตามบ้านเรือน ทำมานานกว่า 5-6 ปีเศษแล้วเพื่อหาเงินมาหมุนและตกแต่งภายในร้าน แต่มาถูกจับกุมก่อนหน้านี้เคยถูกจำคุกถึง 2 ครั้งครั้งละปีครึ่งพอออกมาไม่รู้จะทำมาหากินอะไร ก็กลับมาทำร้านอีกโดยเปลี่ยนเป็นชื่อร้านครัวเรือนมุก ซึ่งดัดแปลงเป็นร้ายคาราโอเกะ โดยนำทรัพย์สินที่ได้จากการโจรกรรมไปซื้อบ้านซื้อรถให้ลูกเมียอยู่ และตั้งใจซื้อรถหรูหราเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ รปภ.เพื่อนำมาใช้ในการนี้โดยเฉพาะทำให้ดูเป็นคนภูมิฐานน่าเชื่อถือ
วันนี้ (6 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 16.30 น. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 แถลงผลตำรวจสืบสวน กก.สส.น.4 ฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน และฝ่ายสืบสวน สน.บึงกุ่ม จับกุมคนร้ายตระเวนลักทรัพย์ในเคหะสถานเวลากลางคืน ได้ผู้ต้องหา คือ นายสุทธิ หรือเผือก พันธรังสี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 ถนนเสริมชาติ ต.ปากแพรก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เจ้าของกิจการร้านอาหารครัวเรือนมุก ย่านถนนรามคำแหง พร้อมของกลาง รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ หมายเลขทะเบียน สฬ 6523 กรุงเทพมหานคร คันที่ใช้ก่อเหตุ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ยี่ห้อ ฟูจิซุ (FUJITU) สีเทารุ่น LBC 2210-AD 013 E OA O หมายเลขเครื่อง A 030302668 จำนวน 1 เครื่อง กระเป๋าสะพายหนังสีดำ จำนวน 1 ใบ สร้อยสแตนเลสพร้อมเหรียญ ร.5 จำนวน 1 เส้น เหรียญ ร.5 จำนวน 2 เหรียญ กำไลสแตนเลส 2 วง สร้อยคอทองชุบ 2 เส้น สร้อยคอสแตนเลส 1 เส้น จี้ ร.5 ฝังทองล้อมเพชร จำนวน 1 เหรียญ เข็มกลัดประดับมุก จำนวน 1 อันกางเกงยีนส์ ยี่ห้อ PJ จำนวน 1 ตัว
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า จากการสอบสวน ทราบว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง และเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.น.4 จับกุมตัวดำเนินคดีมาแล้วถึง 3 ครั้งแต่ก็ยังไม่หลาบจำหันมาก่อคดีซ้ำซ้อนอีก เคยถูกจับกุมโดยจับกุมตามหมายจับข้อหาลักทรัพย์ท้องที่ สน.บางชัน, สน.พระโขนง, สน.พญาไท และ สภ.นนทบุรี ได้บริเวณหน้าหมู่บ้านรินทอง ถนนรามคำแหง แขวง-เขตมีนบุรี กทม.เมื่อกลางดึกที่ผ่านมารวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 50 ล้านบาท โดยรับสารภาพว่า กระทำการเพียงคนเดียวอาศัยช่วงจังหวะเจ้าของบ้านไม่อยู่หรือคนในบ้านหลับหมดแล้วเข้าไปลักทรัพย์ของมีค่าอย่างง่ายดาย เนื่องจากหมู่บ้านคนรวยทั้งหลายจะไม่มีการติดเหล็กดัดลูกกรงเหล็กป้องกันขโมยเพราะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลอยู่แล้ว เมื่อผ่านประตูหน้าหมู่บ้านเข้าไปได้ก็สะดวกต่อการก่อเหตุมากขึ้น โดยทำทีแสดงตนเป็นเจ้าของบ้านเพื่อไม่ให้เพื่อนบ้านสงสัย จากนั้นก็ลงมืองัดแงะโดยเรียนรู้วิธีการงัดตู้เซฟมาจากในคุก สามารถเปิดรหัสได้ทุกตู้ ไม่ว่าจะมีการล็อคอย่างแน่นหนาก็ตาม โดยการจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจากภาพกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ในบ้านหลังหนึ่งของผู้เสียหายและทะเบียนรถฟอร์จูนเนอร์ที่ปรากฏ จึงเกาะรอยรูปพรรณสัณฐานคนร้ายติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
“อยากประชาสัมพันธ์ไปยังผู้เสียหายรายอื่นๆ ให้มาดูของกลางได้ที่ กก.สส.น.4 พร้อมขอความร่วมมือไปยังร้านค้า และประชาชนทั่วไป ที่ติดตั้งกล้องวงจรปิดที่บริเวณบ้าน หากพบพฤติกรรมต้องสงสัยว่าจะมีการกระทำความผิดให้แจ้งเบาะแสข้อมูล เกี่ยวกับการกระทำความผิดของคนร้ายได้ที่ สน.ในเขตพื้นที่ของ บช.น.ได้ทุก สน.ตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินพี่น้องประชาชน” ผบช.น.กล่าว
ด้าน นายสุทธิ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ทำธุรกิจร้านอาหาร ชื่อ ส.กุ้งเผา ต่อมาขาดทุนจึงหันมาขโมยของตามบ้านเรือน ทำมานานกว่า 5-6 ปีเศษแล้วเพื่อหาเงินมาหมุนและตกแต่งภายในร้าน แต่มาถูกจับกุมก่อนหน้านี้เคยถูกจำคุกถึง 2 ครั้งครั้งละปีครึ่งพอออกมาไม่รู้จะทำมาหากินอะไร ก็กลับมาทำร้านอีกโดยเปลี่ยนเป็นชื่อร้านครัวเรือนมุก ซึ่งดัดแปลงเป็นร้ายคาราโอเกะ โดยนำทรัพย์สินที่ได้จากการโจรกรรมไปซื้อบ้านซื้อรถให้ลูกเมียอยู่ และตั้งใจซื้อรถหรูหราเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ รปภ.เพื่อนำมาใช้ในการนี้โดยเฉพาะทำให้ดูเป็นคนภูมิฐานน่าเชื่อถือ