แกนนำม็อบสหกรณ์ค้าสลากฯ จ.เลย มอบตัวปิดถนน หน้ากระทรวงคลัง ทำชาวบ้านเดือดร้อน เจ้าตัวปฏิเสธ อ้างไม่รู้ข้อกฎหมายชุมนุมอ้างทำเลียนแบบ “เสื้อเหลือง-เสื้อแดง”
วันนี้ (6 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายเวียง ภักดี อายุ 43 ปีแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล จ.เลย ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหา มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้สั่งการ หมายจับที่ 2752/2552 ลงวันที่ 23 ก.ย. มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เข้ามอบตัวต่อ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพนักงานสอบสวน สน.พญาไท โดยมีชาวบ้านในพื้นที่ อ.วังสะพุง จ.เลย ประมาณ 20 คนร่วมเดินทางมาให้กำลังใจด้วย
ภายหลังก่อเหตุนำประชาชนกว่า 100 คนชุมนุมปิดถนนพระราม 6 บริเวณด้านหน้ากระทรวงการคลัง เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา เรียกร้องขอโควตาสลากกินแบ่งเพิ่มให้กับกลุ่มสหกรณ์ในพื้นที่ จ.เลย จาก 4,000 ฉบับเป็น 6,000 ฉบับ กระทั่งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ ชุมนุมที่กระทำผิดกฎหมายของกองบัญชาการได้รวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับนายเวียง เนื่องจากเป็นผู้สั่งการให้ผู้ชุมนุมออกมายืนจับกลุ่มปิดถนนปิดการจราจรบนพื้นผิวจราจรถนนอารีย์สัมพันธ์และถนนพระราม 6 ต่อเนื่องกันเป็นเหตุให้กีดขวางการจราจรสภาพการจราจรติดขัดประชาชนไม่สามารถใช้ รถใช้ถนนผ่านไปมาได้สร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า การชุมนุมในวันนั้นมี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 และ พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 ทำหน้าที่พูดคุยเจรจาต่อรองกับนายเวียงตามยุทธวิธีหลายครั้งให้เปิดเส้นการจราจร แต่ก็ไม่เป็นผลกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมเปิดการจราจรแต่อย่างใด กองบัญชาการตำรวจนครบาลจึงจำเป็นต้องนำข้อกฎหมายมาดำเนินการเนื่องจากการกระทำของนายเวียง และพวกนั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พล.ต.ต.วิชัย จึงสั่งการให้พนักงานสบอสวน สน.พญาไท นำหลักฐานที่ปรากฎในภาพนิ่งและภาพวีดีโอขออำนาจศาลออกหมายจับกุมตัวนายเวียงในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
ผบช.น.กล่าวต่อว่า ตำรวจยึดมั่นในกฎหมายการรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่ไม่มี 2 มาตรฐานแต่อย่างใด ทุกอย่างดำเนินการไปตามพยานหลักฐานและการกระทำความผิดที่ปรากฎ เนื่องจากผู้ต้องหาและพวกได้ร่วมกันปิดถนนทำให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนจริง พนักงานสอบสวนจึงมีการอนุมัติหมายจับและดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถูกต้องตรงไปตรงมาจนนำไปสู่การเข้ามอบตัวในวันนี้ ส่วนจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนโดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เป็น ผู้ควบคุมดูแลการสอบสวนอย่างใกล้ชิดเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะผู้ต้อง หาไม่ได้หลบหนีหมายจับไปไหนและเป็นการเข้ามอบตัวอย่างถูกต้อง
ขณะที่นายเวียงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมระบุว่าที่ผ่านมาทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่คิดว่าเป็นการละเมิดกฎหมาย เพราะเห็นผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองเสื้อแดงก็ทำกัน ไม่เห็นจะมีความผิดอะไร ทั้งที่ตนเองก็พอรู้กฎหมายบ้างคงไม่น่าจะมีความผิดอะไร แต่เมื่อมีการดำเนินคดีก็ต้องว่ากันไปกระบวนการยุติธรรมซึ่งตนเองก็พร้อมจะสู้คดี
ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า การกระทำของนายเวียงถือว่าผิดกฎหมายทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนจึงทำการออกหมายจับ ส่วนผู้ชุมชนรายอื่นๆ ที่ร่วมทำผิดด้วยนั้นอยู่ระหว่างการดำเนินการออกหมายจับต่อไปอีก 10 คน อยากฝากเตือนไปยังผู้ชุมนุมกลุ่มอื่นๆด้วยว่า ท่านสามารถชุมนุมเรียกร้องโดยสงบตามรัฐธรรมนูญได้ แต่อย่ากระทำการใดๆ ที่ผิดกฎหมาย และให้ชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานติดตามความเคลื่อนไหวการชุมนุมตลอดเวลา หากพบมีการกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีในทันที
วันนี้ (6 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายเวียง ภักดี อายุ 43 ปีแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล จ.เลย ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหา มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้สั่งการ หมายจับที่ 2752/2552 ลงวันที่ 23 ก.ย. มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เข้ามอบตัวต่อ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพนักงานสอบสวน สน.พญาไท โดยมีชาวบ้านในพื้นที่ อ.วังสะพุง จ.เลย ประมาณ 20 คนร่วมเดินทางมาให้กำลังใจด้วย
ภายหลังก่อเหตุนำประชาชนกว่า 100 คนชุมนุมปิดถนนพระราม 6 บริเวณด้านหน้ากระทรวงการคลัง เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา เรียกร้องขอโควตาสลากกินแบ่งเพิ่มให้กับกลุ่มสหกรณ์ในพื้นที่ จ.เลย จาก 4,000 ฉบับเป็น 6,000 ฉบับ กระทั่งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ ชุมนุมที่กระทำผิดกฎหมายของกองบัญชาการได้รวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับนายเวียง เนื่องจากเป็นผู้สั่งการให้ผู้ชุมนุมออกมายืนจับกลุ่มปิดถนนปิดการจราจรบนพื้นผิวจราจรถนนอารีย์สัมพันธ์และถนนพระราม 6 ต่อเนื่องกันเป็นเหตุให้กีดขวางการจราจรสภาพการจราจรติดขัดประชาชนไม่สามารถใช้ รถใช้ถนนผ่านไปมาได้สร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า การชุมนุมในวันนั้นมี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 และ พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 ทำหน้าที่พูดคุยเจรจาต่อรองกับนายเวียงตามยุทธวิธีหลายครั้งให้เปิดเส้นการจราจร แต่ก็ไม่เป็นผลกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมเปิดการจราจรแต่อย่างใด กองบัญชาการตำรวจนครบาลจึงจำเป็นต้องนำข้อกฎหมายมาดำเนินการเนื่องจากการกระทำของนายเวียง และพวกนั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พล.ต.ต.วิชัย จึงสั่งการให้พนักงานสบอสวน สน.พญาไท นำหลักฐานที่ปรากฎในภาพนิ่งและภาพวีดีโอขออำนาจศาลออกหมายจับกุมตัวนายเวียงในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
ผบช.น.กล่าวต่อว่า ตำรวจยึดมั่นในกฎหมายการรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่ไม่มี 2 มาตรฐานแต่อย่างใด ทุกอย่างดำเนินการไปตามพยานหลักฐานและการกระทำความผิดที่ปรากฎ เนื่องจากผู้ต้องหาและพวกได้ร่วมกันปิดถนนทำให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนจริง พนักงานสอบสวนจึงมีการอนุมัติหมายจับและดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถูกต้องตรงไปตรงมาจนนำไปสู่การเข้ามอบตัวในวันนี้ ส่วนจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนโดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เป็น ผู้ควบคุมดูแลการสอบสวนอย่างใกล้ชิดเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะผู้ต้อง หาไม่ได้หลบหนีหมายจับไปไหนและเป็นการเข้ามอบตัวอย่างถูกต้อง
ขณะที่นายเวียงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมระบุว่าที่ผ่านมาทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่คิดว่าเป็นการละเมิดกฎหมาย เพราะเห็นผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองเสื้อแดงก็ทำกัน ไม่เห็นจะมีความผิดอะไร ทั้งที่ตนเองก็พอรู้กฎหมายบ้างคงไม่น่าจะมีความผิดอะไร แต่เมื่อมีการดำเนินคดีก็ต้องว่ากันไปกระบวนการยุติธรรมซึ่งตนเองก็พร้อมจะสู้คดี
ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า การกระทำของนายเวียงถือว่าผิดกฎหมายทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนจึงทำการออกหมายจับ ส่วนผู้ชุมชนรายอื่นๆ ที่ร่วมทำผิดด้วยนั้นอยู่ระหว่างการดำเนินการออกหมายจับต่อไปอีก 10 คน อยากฝากเตือนไปยังผู้ชุมนุมกลุ่มอื่นๆด้วยว่า ท่านสามารถชุมนุมเรียกร้องโดยสงบตามรัฐธรรมนูญได้ แต่อย่ากระทำการใดๆ ที่ผิดกฎหมาย และให้ชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานติดตามความเคลื่อนไหวการชุมนุมตลอดเวลา หากพบมีการกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีในทันที