ผู้จัดการบริษัทตู้หยอดน้ำชุมชนพอเพียง ฟ้อง “อนุดิษฐ์” ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย และ นสพ.มติชน หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กล่าวหาขายสินค้าคุณภาพต่ำ ราคาสูงเกินจริง ศาลนัดไต่สวน 14 ธ.ค.นี้ ทนายขู่เตรียมฟ้องแพ่งอีกคดี
วันนี้ (24 ก.ย.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ โปรเทคโนโลยี จำกัด โดยนายขันติ ปานขลิบ ผู้จัดการบริษัท มอบอำนาจให้ นายสมนึก พุ่มไฉยา ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) นายสุวพงศ์ จั่นฝั่งเพ็ชร บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.มติชน และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
ตามฟ้องโจทก์สรุปว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการซื้อขายสินค้าให้เช่า เช่น ตู้น้ำหยอดเหรียญ โคมไฟฟ้า เตาเผาขยะ และสินค้าอื่นๆ โดยเดือนกรกฎาคม 2552 จนถึงวันฟ้อง จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันกล่าวหาใส่ความโจทก์ โดยจำเลยที่ 3 ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการใช้งบประมาณโครงการชุมชนพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชนของพรรคเพื่อไทย ได้นำคณะส.ส.พรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ชุมชนวัดกลาง เขตบางกะปิ ตรวจสอบโครงการจัดซื้อตู้หยอดน้ำและแผงโซลาร์เซลล์ตามแผนงานโครงการชุมชนพอเพียงที่ส่อไปในทางไม่ชอบมาพากล โดยพบว่าตู้หยอดน้ำ และแผงโซลาร์เซลล์ ของโจทก์เป็นสินค้าคุณภาพต่ำและมีราคาสูงเกินจริงมาขายให้โครงการชุมชนพอเพียง ซึ่งไม่เป็นความจริง ต่อมาจำเลยที่ 1-2 นำข้อความดังกล่าวและเสนอข่าว
ความจริงแล้ว จำเลยที่ 3 เป็น ส.ส.คู่แข่งของพรรคประชาธิปัตย์ และให้สัมภาษณ์ทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าโจทก์ร่วมกับบริษัท บีเอ็นบี อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท คาร์เทล เทคโนโลยี จำกัด และบริษัท อีซี่ไลน์ จำกัด รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ ทุจริตโครงการชุมชนพอเพียงที่เป็นนโยบายของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในงบประมาณ 20,000 ล้านบาท และทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่า โจทก์ขายเครื่องกรองน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ โคมไฟฟ้าแสงอาทิตย์ และเตาเผาขยะที่มีคุณภาพต่ำ ราคาสูงกว่าท้องตลาด แล้วนำกำไรมาแบ่งปันกัน ข้อความดังกล่าวทำให้โจทก์ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงในการประกอบธุรกิจการค้า และกระทบธุรกิจที่ต้องหยุดชะงักลง
จึงถือว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามที่จะทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงและถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชน โดยเฉพาะประชาชนตามชุมชนต่างๆ ที่ไม่ยอมรับซื้อสินค้าตู้น้ำหยอดเหรียญ โคมไฟฟ้าถนน และเตาเผาขยะของโจทก์ ซึ่งการกระทำของจำเลยไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ไม่ได้กระทำเพื่อความชอบธรรม หรือป้องกันตนเองหรือส่วนได้เสียไม่ได้ติชมด้วยความเป็นธรรม จึงขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 328 และมาตรา 83, 84 มาตรา 91 และมาตรา 32 พร้อมขอให้จำเลยลงประกาศโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับ และเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ดังกล่าว เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน และให้จำเลยประกาศขอขมาทางสถานีโทรทัศน์ เป็นเวลา 7 วันติดต่อกันด้วย
โดยศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาและนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ วันที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 13.00 น. ภายหลังนายสมนึกกล่าวว่า หลังจากฟ้องคดีอาญาแล้วจะยื่นฟ้องในคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายอีกด้วย โดยจะกลับไปพิจารณาว่าจะเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเท่าใด