จากรณีที่มีการร้องเรียนว่ามีการใช้งบประมาณไม่โปร่งใสในโครงการชุมชนพอเพียง โดยมีผู้ใกล้ชิดกับนักการเมืองเข้าไปหาผลประโยชน์ ในรูปแบบการเสนอขายสินค้าให้กับชุมชน อาทิ ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ ตู้น้ำเย็นพลังงานแสงอาทิตย์ ปุ๋ย ละสินค้าอื่นๆ ซึ่งทาง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นเรื่องให้ป.ป.ช. ตรวจสอบในเรื่องนี้แล้ว
นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผอ.สำนักงานชุมชนพอเพียง กล่าวยอมรับว่า โครงการกว่า 80 เรื่อง มีการร้องเรียนเข้ามายังสำนักงานฯ ซึ่งมีกว่า 30,000 โครงการทั่วประเทศ เมื่อมีการสอบสวนขอข้อมูลไปยังชาวบ้าน แต่ชาวบ้านก็ไม่กล้าให้ข้อมูล เพราะสอบไปแล้วก็เหมือนกับไปเจอตอ
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการวิชาการโครงการชุมชนพอเพียง ที่มีนายมีชัย วีระไวทยะ เป็นประธานอนุกรรมการฯ เห็นชอบให้จัดตั้งอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการชุมชนพอเพียง ในเขตกรุงเทพมหานคร หลังจากที่ได้ชะลอโครงการไปกว่า 2 เดือน ภายหลังเกิดปัญหาตู้น้ำเย็นฯ ซึ่งกทม.ไม่ได้ปล่อยผ่านโครงการที่เกิดปัญหา แม้ขณะนี้กทม.จะได้อนุมัติโครงการแล้ว 115 ชุมชน จาก 189 โครงการ ในกทม. ที่มีทั้งสิ้น1,981 แห่ง
ขณะที่เครือข่ายชุมชน กทม.ได้รับการสนับสนุนจากโครงการฯ เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นใน กทม. 3 แนวทาง ประกอบด้วย
1. ปรับแนวทางการดำเนินโครงการให้มีความโปร่งใส และรอบครอบ 2. รณรงค์ให้ชุมชนกทม. ผลิตสินค้าด้านไข้หวัดใหญ่ 2009 ภายใต้โครงการชุมชนพอเพียง เช่น หน้ากากอนามัยหรือ เจลล้างมือ และ 3. เชิญชวนบิรษัทห้างร้านที่ต้องการจำหน่ายสินค้าที่เหมาะสมกับชุมชนเมือเสนอขายสินค้ามายังสำนักงานฯก่อน
" เชื่อว่าโครงการฯ ที่โครงการชุมชนพอเพียง รณรงค์ให้ชุมชนผลิตจะไม่เกิดปัญหา และไม่ขัดกับทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง เนื่องจากเป็นการรณรงค์ให้ทำ ไม่ใช่นำโครงการไปให้ทำ"
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ทางผู้บริหารโครงการชุมชนพอเพียง พร้อมจะเปิดทางให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) เข้ามาดำเนินการตรวจสอบในการอนุมัติโครงการของสำนักงานได้อย่างเต็มที่ หากมีการตั้งอนุกรรมการสอบสวนฯ หลังจากพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นให้ตรวจสอบการทุจริตโครงการฯ โดยเฉพาะการจัดซื้อตู้น้ำเย็นพลังงานแสงอาทิตย์
"หากพบว่า มีบุคคลของโครงการฯไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตจริง ก็พร้อมจะให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่เชื่อว่าสำนักงานฯ คงไม่เกี่ยวข้อง เพราะโครงการที่เสนอมาสำนักงานฯ จะเข้าไม่ถึง แม้จะมีการเสนอโครงการมา เนื่องจากชุมชนจะมีส่วนเกี่ยวข้องมากที่สุด"
แหล่งข่าวยืนยันว่า ทุกโครงการที่อนุมัติไป สามารถชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ได้ เพราะทุกโครงการที่ประชาคมเสนอโครงการเข้ามา ทางฝ่ายสำนักงานไม่รับทราบว่ามีโครงการใดบ้าง และ สิ่งสำคัญขณะนี้ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ พร้อมกับเปิดเผยข้อมูลงบประมาณ ของทุกชุมชนที่จะได้รับ ซึ่งสามารถสร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และป้องกันการทุจริตได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนายประโภชน์ สภาวสุ รอง ผอ.สำนักงานชุมชนพอเพียงนั้น ยังคงอยู่ในตำแหน่ง มีหน้าที่ในการอนุมัติโครงการที่ชุมชนขอเข้ามา ซึ่งอยู่ในส่วนงานการอนุมัติโครงการ จาก 4 กลุ่มงาน คือ นโยบายและแผน วิชาการ อนุมัติ และการตรวจสอบ
ทั้งนี้ นายประโภชน์ เป็นน้องชายของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี โดยนายกอร์ปศักดิ์ ระบุว่า เป็นคนเชิญมาร่วมงาน และการันตีว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการนี้
นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผอ.สำนักงานชุมชนพอเพียง กล่าวยอมรับว่า โครงการกว่า 80 เรื่อง มีการร้องเรียนเข้ามายังสำนักงานฯ ซึ่งมีกว่า 30,000 โครงการทั่วประเทศ เมื่อมีการสอบสวนขอข้อมูลไปยังชาวบ้าน แต่ชาวบ้านก็ไม่กล้าให้ข้อมูล เพราะสอบไปแล้วก็เหมือนกับไปเจอตอ
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการวิชาการโครงการชุมชนพอเพียง ที่มีนายมีชัย วีระไวทยะ เป็นประธานอนุกรรมการฯ เห็นชอบให้จัดตั้งอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการชุมชนพอเพียง ในเขตกรุงเทพมหานคร หลังจากที่ได้ชะลอโครงการไปกว่า 2 เดือน ภายหลังเกิดปัญหาตู้น้ำเย็นฯ ซึ่งกทม.ไม่ได้ปล่อยผ่านโครงการที่เกิดปัญหา แม้ขณะนี้กทม.จะได้อนุมัติโครงการแล้ว 115 ชุมชน จาก 189 โครงการ ในกทม. ที่มีทั้งสิ้น1,981 แห่ง
ขณะที่เครือข่ายชุมชน กทม.ได้รับการสนับสนุนจากโครงการฯ เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นใน กทม. 3 แนวทาง ประกอบด้วย
1. ปรับแนวทางการดำเนินโครงการให้มีความโปร่งใส และรอบครอบ 2. รณรงค์ให้ชุมชนกทม. ผลิตสินค้าด้านไข้หวัดใหญ่ 2009 ภายใต้โครงการชุมชนพอเพียง เช่น หน้ากากอนามัยหรือ เจลล้างมือ และ 3. เชิญชวนบิรษัทห้างร้านที่ต้องการจำหน่ายสินค้าที่เหมาะสมกับชุมชนเมือเสนอขายสินค้ามายังสำนักงานฯก่อน
" เชื่อว่าโครงการฯ ที่โครงการชุมชนพอเพียง รณรงค์ให้ชุมชนผลิตจะไม่เกิดปัญหา และไม่ขัดกับทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง เนื่องจากเป็นการรณรงค์ให้ทำ ไม่ใช่นำโครงการไปให้ทำ"
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ทางผู้บริหารโครงการชุมชนพอเพียง พร้อมจะเปิดทางให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) เข้ามาดำเนินการตรวจสอบในการอนุมัติโครงการของสำนักงานได้อย่างเต็มที่ หากมีการตั้งอนุกรรมการสอบสวนฯ หลังจากพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นให้ตรวจสอบการทุจริตโครงการฯ โดยเฉพาะการจัดซื้อตู้น้ำเย็นพลังงานแสงอาทิตย์
"หากพบว่า มีบุคคลของโครงการฯไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตจริง ก็พร้อมจะให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่เชื่อว่าสำนักงานฯ คงไม่เกี่ยวข้อง เพราะโครงการที่เสนอมาสำนักงานฯ จะเข้าไม่ถึง แม้จะมีการเสนอโครงการมา เนื่องจากชุมชนจะมีส่วนเกี่ยวข้องมากที่สุด"
แหล่งข่าวยืนยันว่า ทุกโครงการที่อนุมัติไป สามารถชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ได้ เพราะทุกโครงการที่ประชาคมเสนอโครงการเข้ามา ทางฝ่ายสำนักงานไม่รับทราบว่ามีโครงการใดบ้าง และ สิ่งสำคัญขณะนี้ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ พร้อมกับเปิดเผยข้อมูลงบประมาณ ของทุกชุมชนที่จะได้รับ ซึ่งสามารถสร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และป้องกันการทุจริตได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนายประโภชน์ สภาวสุ รอง ผอ.สำนักงานชุมชนพอเพียงนั้น ยังคงอยู่ในตำแหน่ง มีหน้าที่ในการอนุมัติโครงการที่ชุมชนขอเข้ามา ซึ่งอยู่ในส่วนงานการอนุมัติโครงการ จาก 4 กลุ่มงาน คือ นโยบายและแผน วิชาการ อนุมัติ และการตรวจสอบ
ทั้งนี้ นายประโภชน์ เป็นน้องชายของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี โดยนายกอร์ปศักดิ์ ระบุว่า เป็นคนเชิญมาร่วมงาน และการันตีว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการนี้
