xs
xsm
sm
md
lg

"ดีเอสไอ"คนดีอยู่ยาก คนทักษิณเสวยสุข

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

รมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ถือเป็นกรมอันดับต้นๆที่มีการเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวอธิบดีหลังจากพรรคประชาธิปัติย์ เข้ามาบริหารประเทศ และ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม...ด้วยเหตุผลที่ว่า"พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง"เขาถูกมองว่าเป็นคนในระบอบทักษิณ โดยมีหลักฐานการปฎิบัติหน้าที่ทำคดีเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทักษิณ และพวกพ้องในห้วงที่"ทวี สอดส่อง"คุมดีเอสไอ เป็นเครื่องยืนยัน...

แต่มาถึงวันนี้"ทวี สอดส่อง"ยังคงสอดส่องและเพิ่มอำนาจบารมีใน ดีเอสไอ แบบเบ็ตเสร็จ...

แม้ในช่วงที่ผ่านมา..หลังเกิดคดีลอบยิง"สนธิ ลิ้มทองกุล"...กรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็ถูกมรสุมถาถมเข้าใส่"ทวี สอดส่อง"โดยที่หลายคนต่างเชื่อว่า"ทวี"อาจจะรอดยาก เมื่อ"ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ" 1 ในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับและอยู่ระหว่างหลบหนีเขาคือ..."คนใกล้ชิดของบิ๊กดีเอสไอ"...โดยมีหลักฐานจากสำนวนการสอบสวน ที่เชื่อได้ว่า ระดับบิ๊กดีเอสไอ น่าจะมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของ"วรวุฒิ"ไม่ว่า ก่อนกระทำการ ขณะกระทำการ และหลังกระทำการ ด้วยการช่วยในการหลบหนี และทำลายหลักฐาน เพื่อไม่ให้สาวไปถึงตัวการใหญ่

วันนี้ภาพความขัดแย้งได้เกิดขึ้นในองค์กรดีเอสไออีกครั้ง...

เมื่อ"พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ"ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ถูกตั้งกรรมการสอบวินัย หลังจากผู้บังคับบัญชาไม่พอใจการแถลงข่าวเปิดโปงความไม่ถูกต้องในการทำสำนวนสอบสวนคดีบุกรุกป่าสบกก และ คดีฆ่าพระสุพจน์ สุวโจ

เพราะเหตุที่ นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปบ้าจี้ เล่นตามบท"ทวี สอดส่อง"ตั้งกรรมการสอบคนที่ตั้งหน้า ตั้งตาทำงานเพื่อรักษาความชอบธรรมให้กับ ดีเอสไอ

และหากจะพูดว่า"พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ"คือ ข้าราชการสีขี้ม้า เพียงส่วนน้อยที่ได้รับการทาบทามมาปฎิบัติหน้าที่ ในองค์กรดีเอสไอ ก็คงพูดไม่ผิด ขณะที่ พวกสีกากี พวกกระหายในอำนาจ กระหายเงิน คือข้าราชการส่วนใหญ่ที่เข้ามาคุมอำนาจในดีเอสไอ ตั้งแต่ก่อตั้ง มาจนถึงปัจจุบันนี้

"พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ"เขามาปฎิบัติหน้าที่องค์กรดีเอสไอ ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2547 ในยุครอยต่อระหว่าง พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ และ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ นั่งอธิบดีดีเอสไอ และถือว่าเขามีผลงานเด่นชัดในยุคที่"นายสุนัย มโนมัยอุดม"นั่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ด้วยบทบาทภารกิจโฆษกดีเอสไอ ที่"ปิยะวัฒน์"ได้รับคำชมจากผู้เป็นนาย และสังคม

แต่เมื่อเกิดเหตุการล้างบางเลือดตุลาการในกรมดีเอสไอ เมื่อ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม ในขณะนั้น ได้เห็นชอบในคำสั่งโยกย้าย "สุนัย มโนมัยอุดม"ไปช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการเลขาธิการสำนักงานป้องกัน และปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ปปท.)ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่ยังไม่เกิดขึ้นตามผลของกฎหมาย

พร้อมๆกับมีคำสั่งให้ "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง"รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)ในขณะนั้นกลับถิ่นเก่า ช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการอธิบดีดีเอสไอ และ ขึ้นแท่น อธิบดีดีเอสไอ ด้วยเหตุผลที่ว่า พ.ต.อ.ทวี เคยดำรงตำแหน่งรองอธิดีกรมดีเอสไอ มาก่อนการรัฐประหาร 19 กันยายน และมีความใกล้ชิดกับระบอบทักษิณ เป็นคนของ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเป็นพี่ชายของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นั่นเอง...

ขณะที่ในความรู้สึกของ"สุนัย"ในวันนั้น ได้แต่พูดคำสั้นๆว่า "เป็นข้าราชการต้องทำใจ"

จากนั้นมา"ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ"เขาถูกฝ่าย"ทวี สอดส่อง"มองว่า เขาไม่ใช่พวกของเรา เขาคือฝ่ายตรงข้าม ที่จะต้องถูกกำจัดออกไป แต่สำหรับ"ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ"เขายังคงปฎิบัติหน้าที่ใน ดีเอสไอ เรื่อยมา พร้อมๆกับเร่งทำคดีสำคัญตามที่ได้รับมอบหมาย โดยมีหลักฐานผลการทำคดี เป็นเครื่องยืนยัน

แต่วันนี้"ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ"ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ เขากลับถูกตั้งกรรมการสอบวินัย หรือสุดท้ายเขาต้องพูดคำเดียวสั้นๆเหมือนกับ"สุนัย"ที่เคยพูดไว้ว่า "เป็นข้าราชการต้องทำใจ"....โดยที่ พรรคมาร กลับเป็นฝ่ายชนะ

นี่หรือระบบข้าราชการไทย โดยเฉพาะในกระทรวงที่ชื่อ
"ยุติธรรม"!

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ
กำลังโหลดความคิดเห็น