“ปิยะวัฒก์” เผยพยานคดีฆาตกรรม “พระสุพจน์” เสียชีวิต 3 ศพ ส่อพิรุธเร่งรีบฝังศพจัดการเสร็จในวันเดียว จนท.ขุดโครงกระดูกส่งพิสูจน์นิติวิทยาศาสตร์อีก 1 เดือนรู้ผล คดีคืบหน้ากว่า 70 เปอร์เซนต์ ยังเดินหน้าสางปมบุกรุกที่ดินเชื่อมโยงนักการเมือง มั่นใจหลักฐานที่มีอยู่ชัดเจนนำไปสู่การปิดคดี ตามจับคนร้ายมาดำเนินคดีได้แน่นอน
วันนี้ (6 ส.ค.) พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีฆ่าพระสุพจน์ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฆาตกรรมพระสุพจน์ สุวโจ ประธานมูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ สถานปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรม จ.เชียงใหม่ เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 17 มิ.ย.2548 ว่า ดีเอสไอได้ลงพื้นที่สืบหาหลักฐาน สอบปากคำในพื้นที่ต่อเนื่อง โดยคดีมีความคืบหน้ามากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนสืบสวนมุ่งคลี่คลายในประเด็นมีการบุกรุกพื้นที่ที่ดินของสำนักสงฆ์ หรือสถานที่ปฏิบัติธรรมจากกลุ่มผู้บุกรุกที่ดิน ซึ่งประเด็นนี้ พระสุพจน์เคยไปแจ้งความเป็นหลักฐานไว้ที่ สภ.ฝาง จนต่อมามีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปห้ามปรามกลุ่มผู้บุกรุกที่ดินให้เลิกกระทำการแผ้วถางหรือฮุบที่ดินสงฆ์ไปทำประโยชน์ และพบอีกว่ากลุ่มผู้บุกรุกได้ส่งคนไปเจรจากับพระสุพจน์ และพระกิตติศักดิ์ ที่สถานปฏิบัติธรรมดังกล่าวหลายครั้ง ซึ่งจากพยานหลักฐานจะสามารถเชื่อมโยงไปยังกลุ่มผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น และประเด็นทางการเมืองได้ ตนมีความมั่นใจจะสามารถปิดคดีและจับกุมคนผิดมาลงโทษได้แน่นอน เนื่องจากหลักฐานพยานต่างๆ มีค่อนข้างเด่นชัด ทางจนท.เดินมาถูกทางแล้ว ในส่วนประเด็นชู้สาวตัดทิ้งได้เลยไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ที่ผ่านมามีการพยายามเบี่ยงเบนประเด็นให้มองเป็นเรื่องชู้สาวซึ่งไม่ใช่ความจริง
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวด้วยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีพยานในคดีเสียชีวิต 3 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลและพบพิรุธที่น่าสงสัยถึงสาเหตุการเสียชีวิตมีหลายอย่างที่น่าจะบ่งชี้ได้ว่าการเสียชีวิตของพยานมีความไม่ชอบมาพากล ซึ่งข้อมูลในรายละเอียดต่างๆ ที่รวบรวบไว้เป็นหลักฐานทั้งหมดขอไม่เปิดเผย เกรงจะเสียรูปคดี อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ขุดนำโครงกระดูกของพยานทั้ง 3 ราย ส่งให้ทางนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิต อีกประมาณ 1 เดือนคงทราบผล
“เร็วๆ นี้มีพยานในคดีตาย 3 คน ตรงนี้เราพบข้อสงสัยการตาย ได้ให้เจ้าหน้าที่ขุดรื้อในจุดที่มีการฝังศพ ก็เจอโครงกระดูกของพยาน เราได้ส่งให้นิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์ว่าถูกทำร้ายก่อนเสียชีวิตหรือไม่ และตรวจหารายละเอียดอื่นๆ การตายมันดูแปลกๆ ตายแล้วก็รีบฝังศพให้เสร็จภายในวันเดียวกัน ยอมรับนะว่าการการทำงานมีอุปสรรคเหมือนกันเพราะชาวบ้านกลัวไม่กล้าพูดให้ข้อมูล ผมเข้าใจนะ ชีวิตครอบครัวเค้าอยู่ในนั้น ทางเราก็ต้องการพยานเปิดปากพูด ทุกครั้งที่ดีเอสไอลงตรวจสอบพื้นที่จะต้องมีการรู้ก่อนทุกที และเมื่อดีเอสไอกลับมาก็จะมีการคุกคามหนัก มีเสียงปืนยิงขู่ตลอด ผมก็ได้รับรายงานตลอด” พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าว
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวต่อไปว่า กลุ่มผู้มีอิทธิพลยังคงคุกคามข่มขู่ไม่ให้ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงให้ความร่วมมือให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งตรงนี้ตนเข้าใจดีพยานบางคนอาจกลัวเดือดร้อนถึงขั้นรุนแรง ไม่กล้าพูดไม่กล้าให้รายละเอียดที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เพราะต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่ในระยะยาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ต้องให้ความมั่นใจสามารถดูแลคุ้มครองพยานได้ชั่วชีวิต ตนยอมรับว่าตรงนี้ก็เป็นอุปสรรคในการสืบคดีพอสมควร ทั้งนี้ ในพื้นที่มีการก่อกวนสร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้านตลอด ซึ่งใครก็รู้กลุ่มไหนสร้างสถานการณ์เช่นนี้ได้
เจ้าของคดีฆ่าพระสุพจน์กล่าวต่อไปว่า แม้ระยะเวลาการเสียชีวิตของพระสุพจน์จะผ่านมาหลายปี และหลักฐานบางส่วนถูกทำลายไป แต่ทางพนักงานสอบสวนยังเชื่อมั่นจะสามารถขุดรื้อค้นหาหลักฐานมาประกอบคดีได้ อย่างอาวุธก็มีการทำลายหลักฐาน เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่คนทำผิดจะทำลายหลักฐานได้หมดสิ้น อีกทั้งยังเชื่อว่าคนร้ายได้แบ่งหน้าที่กันทำงานครั้งนี้ คงไม่ใช่คนธรรมดาที่ก่อเหตุในคดีได้
เจ้าอาวาสวัดป่าฯถกดีเอสไอเร่งรัดคดีฆ่า “พระสุพจน์”
เผาซ้ำ! สำนักเมตตาธรรมคุกคามให้กลัว ยุติเปิดปากคดีฆ่าพระสุพจน์
“พระกิตติศักดิ์” มั่นใจคนใกล้ตัวนักการเมืองเอี่ยวเผา-สั่งฆ่าพระสุพจน์!
"ดีเอสไอ” เชื่อเผาสวนป่าเมตตาธรรม โยงบุกรุกป่าพันฆ่าพระสุพจน์!
เผาขู่! สวนป่าปฏิบัติธรรม 200 ไร่ พันคดีตัวบงการฆ่า “พระสุพจน์”
“พีระพันธุ์” รับปากเร่งรัดคดีฆ่าโหด “พระสุพจน์” หลัง 4 ปี คดีไม่คืบหน้า!
ไขปริศนาคดีฆาตกรรม “พระสุพจน์” ไฉนต้องเบี่ยงประเด็นชู้สาว!?!
ช็อกแวดวงดงขมิ้น! พบประเด็นชู้สาวโยงฆ่า “พระสุพจน์”
รุก ยธ.จี้คดีฆ่า “พระสุพจน์-เจริญ-ทนายสมชาย”
ซัด “DSI” รับใช้การเมือง ปัดสวะคดี “อุ้มสมชาย-ฆ่าพระสุพจน์”
โอนคดี “อุ้มทนายสมชาย-ฆ่าโหดพระสุพจน์” เป็นคดีพิเศษ
พระสุพจน์ถูกฆาตกรรม ปมขัดแย้งนายทุนจ้องฮุบที่สงฆ์
วันนี้ (6 ส.ค.) พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีฆ่าพระสุพจน์ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฆาตกรรมพระสุพจน์ สุวโจ ประธานมูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ สถานปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรม จ.เชียงใหม่ เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 17 มิ.ย.2548 ว่า ดีเอสไอได้ลงพื้นที่สืบหาหลักฐาน สอบปากคำในพื้นที่ต่อเนื่อง โดยคดีมีความคืบหน้ามากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนสืบสวนมุ่งคลี่คลายในประเด็นมีการบุกรุกพื้นที่ที่ดินของสำนักสงฆ์ หรือสถานที่ปฏิบัติธรรมจากกลุ่มผู้บุกรุกที่ดิน ซึ่งประเด็นนี้ พระสุพจน์เคยไปแจ้งความเป็นหลักฐานไว้ที่ สภ.ฝาง จนต่อมามีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปห้ามปรามกลุ่มผู้บุกรุกที่ดินให้เลิกกระทำการแผ้วถางหรือฮุบที่ดินสงฆ์ไปทำประโยชน์ และพบอีกว่ากลุ่มผู้บุกรุกได้ส่งคนไปเจรจากับพระสุพจน์ และพระกิตติศักดิ์ ที่สถานปฏิบัติธรรมดังกล่าวหลายครั้ง ซึ่งจากพยานหลักฐานจะสามารถเชื่อมโยงไปยังกลุ่มผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น และประเด็นทางการเมืองได้ ตนมีความมั่นใจจะสามารถปิดคดีและจับกุมคนผิดมาลงโทษได้แน่นอน เนื่องจากหลักฐานพยานต่างๆ มีค่อนข้างเด่นชัด ทางจนท.เดินมาถูกทางแล้ว ในส่วนประเด็นชู้สาวตัดทิ้งได้เลยไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ที่ผ่านมามีการพยายามเบี่ยงเบนประเด็นให้มองเป็นเรื่องชู้สาวซึ่งไม่ใช่ความจริง
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวด้วยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีพยานในคดีเสียชีวิต 3 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลและพบพิรุธที่น่าสงสัยถึงสาเหตุการเสียชีวิตมีหลายอย่างที่น่าจะบ่งชี้ได้ว่าการเสียชีวิตของพยานมีความไม่ชอบมาพากล ซึ่งข้อมูลในรายละเอียดต่างๆ ที่รวบรวบไว้เป็นหลักฐานทั้งหมดขอไม่เปิดเผย เกรงจะเสียรูปคดี อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ขุดนำโครงกระดูกของพยานทั้ง 3 ราย ส่งให้ทางนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิต อีกประมาณ 1 เดือนคงทราบผล
“เร็วๆ นี้มีพยานในคดีตาย 3 คน ตรงนี้เราพบข้อสงสัยการตาย ได้ให้เจ้าหน้าที่ขุดรื้อในจุดที่มีการฝังศพ ก็เจอโครงกระดูกของพยาน เราได้ส่งให้นิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์ว่าถูกทำร้ายก่อนเสียชีวิตหรือไม่ และตรวจหารายละเอียดอื่นๆ การตายมันดูแปลกๆ ตายแล้วก็รีบฝังศพให้เสร็จภายในวันเดียวกัน ยอมรับนะว่าการการทำงานมีอุปสรรคเหมือนกันเพราะชาวบ้านกลัวไม่กล้าพูดให้ข้อมูล ผมเข้าใจนะ ชีวิตครอบครัวเค้าอยู่ในนั้น ทางเราก็ต้องการพยานเปิดปากพูด ทุกครั้งที่ดีเอสไอลงตรวจสอบพื้นที่จะต้องมีการรู้ก่อนทุกที และเมื่อดีเอสไอกลับมาก็จะมีการคุกคามหนัก มีเสียงปืนยิงขู่ตลอด ผมก็ได้รับรายงานตลอด” พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าว
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวต่อไปว่า กลุ่มผู้มีอิทธิพลยังคงคุกคามข่มขู่ไม่ให้ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงให้ความร่วมมือให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งตรงนี้ตนเข้าใจดีพยานบางคนอาจกลัวเดือดร้อนถึงขั้นรุนแรง ไม่กล้าพูดไม่กล้าให้รายละเอียดที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เพราะต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่ในระยะยาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ต้องให้ความมั่นใจสามารถดูแลคุ้มครองพยานได้ชั่วชีวิต ตนยอมรับว่าตรงนี้ก็เป็นอุปสรรคในการสืบคดีพอสมควร ทั้งนี้ ในพื้นที่มีการก่อกวนสร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้านตลอด ซึ่งใครก็รู้กลุ่มไหนสร้างสถานการณ์เช่นนี้ได้
เจ้าของคดีฆ่าพระสุพจน์กล่าวต่อไปว่า แม้ระยะเวลาการเสียชีวิตของพระสุพจน์จะผ่านมาหลายปี และหลักฐานบางส่วนถูกทำลายไป แต่ทางพนักงานสอบสวนยังเชื่อมั่นจะสามารถขุดรื้อค้นหาหลักฐานมาประกอบคดีได้ อย่างอาวุธก็มีการทำลายหลักฐาน เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่คนทำผิดจะทำลายหลักฐานได้หมดสิ้น อีกทั้งยังเชื่อว่าคนร้ายได้แบ่งหน้าที่กันทำงานครั้งนี้ คงไม่ใช่คนธรรมดาที่ก่อเหตุในคดีได้
เจ้าอาวาสวัดป่าฯถกดีเอสไอเร่งรัดคดีฆ่า “พระสุพจน์”
เผาซ้ำ! สำนักเมตตาธรรมคุกคามให้กลัว ยุติเปิดปากคดีฆ่าพระสุพจน์
“พระกิตติศักดิ์” มั่นใจคนใกล้ตัวนักการเมืองเอี่ยวเผา-สั่งฆ่าพระสุพจน์!
"ดีเอสไอ” เชื่อเผาสวนป่าเมตตาธรรม โยงบุกรุกป่าพันฆ่าพระสุพจน์!
เผาขู่! สวนป่าปฏิบัติธรรม 200 ไร่ พันคดีตัวบงการฆ่า “พระสุพจน์”
“พีระพันธุ์” รับปากเร่งรัดคดีฆ่าโหด “พระสุพจน์” หลัง 4 ปี คดีไม่คืบหน้า!
ไขปริศนาคดีฆาตกรรม “พระสุพจน์” ไฉนต้องเบี่ยงประเด็นชู้สาว!?!
ช็อกแวดวงดงขมิ้น! พบประเด็นชู้สาวโยงฆ่า “พระสุพจน์”
รุก ยธ.จี้คดีฆ่า “พระสุพจน์-เจริญ-ทนายสมชาย”
ซัด “DSI” รับใช้การเมือง ปัดสวะคดี “อุ้มสมชาย-ฆ่าพระสุพจน์”
โอนคดี “อุ้มทนายสมชาย-ฆ่าโหดพระสุพจน์” เป็นคดีพิเศษ
พระสุพจน์ถูกฆาตกรรม ปมขัดแย้งนายทุนจ้องฮุบที่สงฆ์
