“พัชรวาท” ทิ้งทวนเปลี่ยน หน.ชุดพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดี “ม็อบเสื้อเหลือง” บุกยึดสนามบิน
วันนี้ (10 ก.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)มีรายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.ได้ลงนามคำสั่งเปลี่ยนตัวหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมปิดล้อมสนามบินดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากเดิม พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร. มาเป็น พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เข้ามารับผิดชอบคดีแทน
โดยคำสั่งเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวนของ พล.ต.อ.พัชรวาท มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า พล.ต.อ.พัชรวาท มีอำนาจสั่งการหรือไม่ เพราะคำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นวันเดียวกับที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกคำสั่งให้ไปปฎิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.รักษาการแทน ผบ.ตร.
สำหรับคำสั่งดังกล่าว พบว่าเป็นบันทึกข้อความส่วนราชการกองคดีอาญาเลขที่ 0031-212/2596 ลงวันที่ 9 ก.ย.2552 เรื่อง เปลี่ยนแปลงหัวหน้านักงานสืบสวนสอบสวน แต่งตั้งพนักงานสืบสอบสอบสวนเพิ่มเติม โดย พล.ต.ต.ชาญ วัฒนธรรม ผู้บังคับการกองคดี ส่งถึง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.อ้างถึงหนังสือที่ พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ปป.41) ลงวันที่ 8 ก.ย. เรื่องรายงานความคืบหน้าคดีตามคำสั่ง ตร.ที่ 172 / 2552 โดย พล.ต.ท.วุฒิ ได้เสนอ ผบ.ตร. ทบทวนการทำหน้าที่การสืบสวนสอบสวนคดีกลุ่มพันธมิตรฯบุกยึดสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ และกองคดีได้พิจารณาแล้วจึงเสนอมายัง พล.ต.อ.พัชรวาท เปลี่ยนแปลงหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนดังกล่าว ซึ่ง พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ลงนามในที่สุดว่า ได้ดำเนินการเสนอและลงนามแล้ว ลงวันที่ 9 ก.ย.2552 เวลา 10.00 น.
ด้าน พล.ต.ท.สมยศ กล่าวว่า เมื่อได้รับหน้าที่นี้ก็จะทำให้ดีที่สุด หากถามว่าหนักใจหรือไม่ก็คงมีบ้างเป็นธรรมดาแต่ไม่ถึงกับเครียดมาก หากมีคำสั่งมาถึงตนเองเมื่อไหร่ก็พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันทีเพราะสำนวนการสอบสวนต่างๆ มีความคืบหน้าไปพอสมควรแล้วก็จะเข้าไปดูในรายละเอียดอีกครั้ง และหลังจากได้รับหนังสือคำสั่งก็จะเรียกชุดพนักงานสอบสวนประชุมสรุปความคืบหน้าการทำงานในทันที และขอยืนยันจะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางโปร่งใสตรงไปตรงมา
อย่างไรก็ตาม สำหรับการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ เป็นการดำเนินการวันเดียวกับ ที่พล.ต.อ.พัชรวาท มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. แถลงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดต่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.
โดยที่เอกสารการชี้แจง ข้อที่ 7 เป็นความพยายามที่จะดำเนินคดีกับพันธมิตร เนื่องจาก พล.ต.อ.พัชรวาท เชื่อว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ ตนถูกชี้มูลความผิด โดยอ้างว่าการดำเนินคดีของกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งกระทำผิดกฎหมายเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ให้นำเรียนเพิ่มเติมว่าเป็นกรณีเดียวกันกับเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.แถลงข่าวการชี้มูลกรณีการสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ดังกล่าวข้างต้น แต่ในการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมิได้พิจารณาเฉพาะกรณีของเหตุการณ์ในการชุมนุมที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 แต่ได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่ยืนยันพฤติการณ์การกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมมาตั้งแต่การเริ่มชุมนุมเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ว่าการชุมนุมของกลุ่ม ผู้ชุมนุมมิได้เป็นการชุมนุมที่สงบและปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด โดยก่อนหน้าวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ได้มีการยึดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งทำเนียบรัฐบาลและยังมีการกระทำในหลายประการตลอดระยะเวลาการชุมนุมที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งการกระทำที่ผิดกฎหมายต่างๆได้กระทำอย่างต่อเนื่องตลอดมาจนถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จึงมีการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำผิดตามสำนวนการสอบสวนคดีอาญา สถานีตำรวจนครบาลดุสิตที่ 395/2551 ในความผิดฐาน “ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ (ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 มาตรา 215 และมาตรา 309 ในการสอบสวนมีการสอบสวนผู้กล่าวหาถึง 31 คนซึ่งรวมทั้ง พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ที่เป็นผู้กล่าวหาในคดีแต่ถูกชี้มูลว่ากระทำความผิดทั้งทางอาญาและทางวินัยด้วย
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานทางนิติวิทยาศาสตร์อีกเป็นจำนวนมาก คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะผู้สั่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนพิจารณาสั่งคดีเสนอพนักงานอัยการพิจารณาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) (นรต.31) ก็ถือเป็นนายตำรวจกลุ่มสีน้ำเงินที่มีความสนิทสนมกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่ง พล.ต.ท.สมยศ มีเพื่อนร่วมรุ่นที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร. สมัยเมื่อครั้งยังเป็น พ.ต.อ.นั้นเป็นนายตำรวจติดตามนายมนตรี พงษ์พานิช ช่วงที่มีชีวิตอยู่และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากนั้นเมื่อนายมนตรีเสียชีวิต พล.ต.ท.สมยศ หรือเฮียอ๊อด ขณะเป็น พ.ต.อ.ก็ไปติดตามนายเนวิน ชิดชอบ สมัยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรืองอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.สมยศ ก็จะมีคู่หูที่เป็นถึงที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ (เนวิน ชิดชอบ) คือ นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง ซึ่งเป็นที่ปรึกษาที่ผ่านการเห็นชอบจาก ครม. ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมัธยมกับ พล.ต.ท.สมยศ คอยรับใช้นายเนวิน อย่างใกล้ชิด โดยนายกนกศักดิ์จะมีธุรกิจทำเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์ส่งออก และธุรกิจค้าขายเกี่ยวกับสินค้าเกษตรฯ มากมาย และเป็นคนคอยช่วยเหลือซัปพอร์ตเงินทุนให้นายเนวิน
พล.ต.ท.สมยศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังอีกครั้งว่า รู้สึกตกใจ หลังทราบข่าวจากสื่อมวลชนว่า ตนถูกตี้งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ เพราะผบ.ตร.แต่งตั้งโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้ามาก่อน แต่โดยส่วนตัวมองว่า ตนไม่เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ เพราะไม่ได้รับผิดชอบกำกับดูแลบช.ภ.1 ซึ่งตามข่าว หากพล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วยผบ.ตร.ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนจริง ผู้ที่จะมาดูแลคดีนี้ น่าจะเป็นผู้ช่วยผบ.ตร.ที่กำกับดูแลบช.ภ.1 มากกว่า และที่ผ่านมา ตนได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลบช.ก. และมีคดีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผบ.ตร. ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกพื้นที่ป่า อย่างไรก็ตาม หากมีคำสั่งดังกล่าวจริง ตนก็คงไม่ปฏิเสธ แต่หากพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่ถูกต้อง ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ ก็จะยื่นหนังสือขอลาออกจากการทำหน้าที่หัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้เช่นกัน ทั้งนี้ คงต้องรอดูคำสั่งตัวจริงก่อน
เมื่อถามว่า พล.ต.ท.วุฒิ ลาออกไป เพราะถูกกดดันหรือไม่ พล.ต.ท.สมยศกล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ว่า พล.ต.ท.วุฒิลาออกเพราะสาเหตุใด แต่หากเป็นตน และเรื่องอยู่ในความรับผิดชอบ ก็ต้องพร้อมที่จะทำหน้าที่
วันนี้ (10 ก.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)มีรายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.ได้ลงนามคำสั่งเปลี่ยนตัวหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมปิดล้อมสนามบินดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากเดิม พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร. มาเป็น พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เข้ามารับผิดชอบคดีแทน
โดยคำสั่งเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวนของ พล.ต.อ.พัชรวาท มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า พล.ต.อ.พัชรวาท มีอำนาจสั่งการหรือไม่ เพราะคำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นวันเดียวกับที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกคำสั่งให้ไปปฎิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.รักษาการแทน ผบ.ตร.
สำหรับคำสั่งดังกล่าว พบว่าเป็นบันทึกข้อความส่วนราชการกองคดีอาญาเลขที่ 0031-212/2596 ลงวันที่ 9 ก.ย.2552 เรื่อง เปลี่ยนแปลงหัวหน้านักงานสืบสวนสอบสวน แต่งตั้งพนักงานสืบสอบสอบสวนเพิ่มเติม โดย พล.ต.ต.ชาญ วัฒนธรรม ผู้บังคับการกองคดี ส่งถึง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.อ้างถึงหนังสือที่ พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ปป.41) ลงวันที่ 8 ก.ย. เรื่องรายงานความคืบหน้าคดีตามคำสั่ง ตร.ที่ 172 / 2552 โดย พล.ต.ท.วุฒิ ได้เสนอ ผบ.ตร. ทบทวนการทำหน้าที่การสืบสวนสอบสวนคดีกลุ่มพันธมิตรฯบุกยึดสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ และกองคดีได้พิจารณาแล้วจึงเสนอมายัง พล.ต.อ.พัชรวาท เปลี่ยนแปลงหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนดังกล่าว ซึ่ง พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ลงนามในที่สุดว่า ได้ดำเนินการเสนอและลงนามแล้ว ลงวันที่ 9 ก.ย.2552 เวลา 10.00 น.
ด้าน พล.ต.ท.สมยศ กล่าวว่า เมื่อได้รับหน้าที่นี้ก็จะทำให้ดีที่สุด หากถามว่าหนักใจหรือไม่ก็คงมีบ้างเป็นธรรมดาแต่ไม่ถึงกับเครียดมาก หากมีคำสั่งมาถึงตนเองเมื่อไหร่ก็พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันทีเพราะสำนวนการสอบสวนต่างๆ มีความคืบหน้าไปพอสมควรแล้วก็จะเข้าไปดูในรายละเอียดอีกครั้ง และหลังจากได้รับหนังสือคำสั่งก็จะเรียกชุดพนักงานสอบสวนประชุมสรุปความคืบหน้าการทำงานในทันที และขอยืนยันจะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางโปร่งใสตรงไปตรงมา
อย่างไรก็ตาม สำหรับการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ เป็นการดำเนินการวันเดียวกับ ที่พล.ต.อ.พัชรวาท มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. แถลงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดต่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.
โดยที่เอกสารการชี้แจง ข้อที่ 7 เป็นความพยายามที่จะดำเนินคดีกับพันธมิตร เนื่องจาก พล.ต.อ.พัชรวาท เชื่อว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ ตนถูกชี้มูลความผิด โดยอ้างว่าการดำเนินคดีของกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งกระทำผิดกฎหมายเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ให้นำเรียนเพิ่มเติมว่าเป็นกรณีเดียวกันกับเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.แถลงข่าวการชี้มูลกรณีการสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ดังกล่าวข้างต้น แต่ในการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมิได้พิจารณาเฉพาะกรณีของเหตุการณ์ในการชุมนุมที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 แต่ได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่ยืนยันพฤติการณ์การกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมมาตั้งแต่การเริ่มชุมนุมเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ว่าการชุมนุมของกลุ่ม ผู้ชุมนุมมิได้เป็นการชุมนุมที่สงบและปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด โดยก่อนหน้าวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ได้มีการยึดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งทำเนียบรัฐบาลและยังมีการกระทำในหลายประการตลอดระยะเวลาการชุมนุมที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งการกระทำที่ผิดกฎหมายต่างๆได้กระทำอย่างต่อเนื่องตลอดมาจนถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จึงมีการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำผิดตามสำนวนการสอบสวนคดีอาญา สถานีตำรวจนครบาลดุสิตที่ 395/2551 ในความผิดฐาน “ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ (ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 มาตรา 215 และมาตรา 309 ในการสอบสวนมีการสอบสวนผู้กล่าวหาถึง 31 คนซึ่งรวมทั้ง พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ที่เป็นผู้กล่าวหาในคดีแต่ถูกชี้มูลว่ากระทำความผิดทั้งทางอาญาและทางวินัยด้วย
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานทางนิติวิทยาศาสตร์อีกเป็นจำนวนมาก คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะผู้สั่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนพิจารณาสั่งคดีเสนอพนักงานอัยการพิจารณาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) (นรต.31) ก็ถือเป็นนายตำรวจกลุ่มสีน้ำเงินที่มีความสนิทสนมกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่ง พล.ต.ท.สมยศ มีเพื่อนร่วมรุ่นที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร. สมัยเมื่อครั้งยังเป็น พ.ต.อ.นั้นเป็นนายตำรวจติดตามนายมนตรี พงษ์พานิช ช่วงที่มีชีวิตอยู่และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากนั้นเมื่อนายมนตรีเสียชีวิต พล.ต.ท.สมยศ หรือเฮียอ๊อด ขณะเป็น พ.ต.อ.ก็ไปติดตามนายเนวิน ชิดชอบ สมัยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรืองอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.สมยศ ก็จะมีคู่หูที่เป็นถึงที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ (เนวิน ชิดชอบ) คือ นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง ซึ่งเป็นที่ปรึกษาที่ผ่านการเห็นชอบจาก ครม. ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมัธยมกับ พล.ต.ท.สมยศ คอยรับใช้นายเนวิน อย่างใกล้ชิด โดยนายกนกศักดิ์จะมีธุรกิจทำเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์ส่งออก และธุรกิจค้าขายเกี่ยวกับสินค้าเกษตรฯ มากมาย และเป็นคนคอยช่วยเหลือซัปพอร์ตเงินทุนให้นายเนวิน
พล.ต.ท.สมยศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังอีกครั้งว่า รู้สึกตกใจ หลังทราบข่าวจากสื่อมวลชนว่า ตนถูกตี้งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ เพราะผบ.ตร.แต่งตั้งโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้ามาก่อน แต่โดยส่วนตัวมองว่า ตนไม่เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ เพราะไม่ได้รับผิดชอบกำกับดูแลบช.ภ.1 ซึ่งตามข่าว หากพล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วยผบ.ตร.ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนจริง ผู้ที่จะมาดูแลคดีนี้ น่าจะเป็นผู้ช่วยผบ.ตร.ที่กำกับดูแลบช.ภ.1 มากกว่า และที่ผ่านมา ตนได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลบช.ก. และมีคดีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผบ.ตร. ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกพื้นที่ป่า อย่างไรก็ตาม หากมีคำสั่งดังกล่าวจริง ตนก็คงไม่ปฏิเสธ แต่หากพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่ถูกต้อง ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ ก็จะยื่นหนังสือขอลาออกจากการทำหน้าที่หัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้เช่นกัน ทั้งนี้ คงต้องรอดูคำสั่งตัวจริงก่อน
เมื่อถามว่า พล.ต.ท.วุฒิ ลาออกไป เพราะถูกกดดันหรือไม่ พล.ต.ท.สมยศกล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ว่า พล.ต.ท.วุฒิลาออกเพราะสาเหตุใด แต่หากเป็นตน และเรื่องอยู่ในความรับผิดชอบ ก็ต้องพร้อมที่จะทำหน้าที่
