นับจากวินาที...พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ออกมาเปิดเผยสื่อประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า...ผมได้ส่งหนังสือลาออกไปถึงท่านรองนายกฯ สุเทพแล้วในฐานะประธาน ก.ตร.เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา (บ่ายวันที่ 9 ก.ย.)...ทำให้หลายคนต่างวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานาว่าทำไม “พัชรวาท” จึงลาออก และการลาออกถือเป็นการตบหน้าท้าทายอำนาจของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หรือไม่
เพราะการยื่นหนังสือลาออกของ “พัชรวาท” ได้เกิดขึ้นหลังจาก “อภิสิทธิ์” มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 200/2552 เรื่องให้ข้าราชการมาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกฯ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 และมาตรา 72(1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 นายกฯ มีคำสั่งดังนี้
ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน และให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้รักษาราชการแทน มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 9 ก.ย.พ.ศ.2552 ลงชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
แม้ “พัชรวาท” จะให้เหตุผลว่า...ผมทำงานมาพอสมควรแก่เวลาแล้ว เหลืออีกเพียง 21 วันเท่านั้น อยากพักผ่อนบ้าง...แต่นั่นถือเป็นข้ออ้างที่ “พัชรวาท” ไม่ได้พูดจากใจจริง แน่นอน...
เรื่องนี้สายข่าว ตร.แจ้งว่า...ห้วงเวลาก่อนหน้าที่ “พัชรวาท” ถูกคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกฯ เขามีความมั่นใจสูงว่า...เขาจะไม่ถูกปลดอย่างแน่นอน แต่เมื่อไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง...ความคิดที่เขาตั้งโจทย์ไว้ในใจตั้งแต่ตั้ง..คือ “ผมไม่ผิด คุณปลดผม ผมลาออกแน่” ...จึงได้บังเกิดขึ้น
ส่วนการลาออกจะมีผลต่อการชี้มูลของ ป.ป.ช.หรือไม่นั้น ฟันธงทันทีว่าไม่มีผล เพราะ “พัชรวาท” ได้กระทำผิดสำเร็จและชี้มูลก่อนลาออก...โดยขั้นตอนจากนี้ไป เมื่อนายกฯ ได้รับหนังสือลาออกและเซ็นรับทราบถือว่ามีผลทันที ส่วนขั้นตอนกระบวนการโปรดเกล้าให้พ้นจากตำแหน่ง เป็นเพียงพิธีการ
มาถึงประเด็นทำไม ... พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.คือบุคคลที่นายกฯ อภิสิทธิ์ ไว้วางใจมอบให้เป็นผู้รักษาราชการแทน ผบ.ตร.
เรื่องนี้มีการวิเคราะห์กันไปว่า...เหตุที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช.ตั้ง “ธานี สมบูรณ์ทรัพย์” เพราะ “ธานี” เหลือเวลาราชการอีก 21 วันเช่นกันที่จะเกษียณอายุราชการ โดยอำนาจของรักษาการ ผบ.ตร.มีอำนาจเต็มเหมือนกับ ผบ.ตร.อีกทั้ง มีความชอบธรรม ที่จะเข้านั่งประชุม ก.ต.ช.เพื่อเลือก ผบ.ตร.ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
ดังนั้น หากตั้ง “วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในปี 2556 มานั่งรักษาการอีกครั้ง เมื่อ “วิเชียร” ยังมีส่วนได้ส่วนเสียกับการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ อาจจะถูกท้วงติงจากกรรมการ ก.ต.ช.ได้อีก
ขณะที่ “ธานี” ซึ่งเหลือเวลาอีก 21 วัน ถือเป็นบุคคลที่ไม่มีส่วนได้ ส่วนเสีย (หรือหากมีก็มีน้อยมาก) ในการลงมติเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ อีกทั้งหาก มี ก.ต.ช.(สายสีน้ำเงิน)คนใด ยกมาเพื่อคัดค้าน ก็จะทำให้ “นายกฯ” ในฐานะประธาน ก.ต.ช.สามารถมีเหตุผลชี้แจง และรับฟังได้อย่างสง่างาม...
ขณะที่ข่าวแรงล่าสุด...ประเด็นการตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ แทน “พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ที่ลาออกไป สายข่าวที่เชื่อถือได้ ฟันธงว่า มติ ก.ต.ช. 6 ต่อ 5 เลือก “จุมพล มั่นหมาย” ขึ้นนั่ง ผบ.ตร.คนใหม่
โดยข่าวดังกล่าวล้วงลึกไปถึงวิธีการเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ ว่า...เริ่มจาก นายกฯ มาร์ค ในฐานะ ประธาน ก.ต.ช.ได้เสนอชื่อ “ปทีป ตันประเสริฐ” เป็น ผบ.ตร.แต่ผลโหวตไม่ผ่าน ทำให้ ประธาน ก.ต.ช.ต้องเสนอชื่อบุคคลที่สอง คือ “จุมพล มั่นหมาย” และผลโหวตครั้งนี้ผ่าน ด้วยเสียง 6 ต่อ 5
อย่างไรก็ตาม ก่อนถึงวันนั้นที่จะเกิดขึ้นจริง สายข่าวแจ้งว่า บุคคลที่จะเป็นตัวแปร ระหว่างเสียง 6 ต่อ 5 หรือ 5 ต่อ 6 ระหว่าง เอา “จุมพล” กับ “ปทีป” คือ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ดังนั้น หากนายกฯ ต้องการใครต้องไปคุยกับปลัดยุติธรรม
ส่วนท้ายสุด ประเด็นการตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ผู้สันทัดกรณีวงการสีกากี วิเคราะห์ตรงกันว่า วันนี้ยังถือว่าไม่จบสำหรับตัวบุคคล ระหว่าง “พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ” กับ “พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย” และหากจะให้แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งละก็...นายกฯ อภิสิทธิ์ ต้องไม่หยุดนิ่ง และอย่าวางใจฝ่ายตรงข้ามเป็นอันขาด...นี่คือคำเตือน
