เกาะกระแส โดย ก้อนกรวด
00 นาทีนี้หากสังเกตอาการก็จะเห็นได้ทันทีว่า “นั่งไม่ติด” กันเป็นแถว เพราะถ้ายังขืนอยู่นิ่งเฉย ตั้งรับแบบเดิมก็มีสิทธิ์พังกันทั้งขบวน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บรรดา “ตอ” ทั้งหลายแหล่เดินหน้าลุยกันเต็มสูบ เริ่มจากการ “เป่านกหวีด” ให้สองผู้ต้องหาคดียิง “สนธิ ลิ้มทองกุล” คอยขัดแข้งขัดขาให้รำคาญ
00 เริ่มจาก ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ร่อนหนังสือจากมุมมืดถึง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลคดีเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ถัดมาก็ถึงคิวของ “จ่าปัญญา ศรีเหรา” ที่ “หัวหมอ” ถึงขั้นจ้างทนายฟ้องพนักงานสอบสวนกราวรูด แม้ว่าในที่สุดศาลไม่รับฟ้อง แต่ความหมายที่ลึกลงไปก็คือ งานนี้มี “บิ๊กโม่ง” คอยชักใย
00 ไม่อยากปรามาส แต่ถ้าพิจารณาตามปกติทั่วไปจะเห็นน้อยครั้งมากที่ระดับ “ชั้นประทวน” จะกล้า “หือ” กับผู้บังคับบัญชาระดับสูง หรือกับระดับชั้น “นายพล” เพราะขนาดยืนคุยยังต้องเอามือ “กุมเป้า” แสดงความนอบน้อมเลย แล้วนี่ยิ่งตัวเองเป็นตัวต้องหา ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนแต่ ยังคิดในแง่มุมกฎหมายได้ซับซ้อน ถือว่าต้องมีเบื้องหลังไม่ธรรมดา
00 สำหรับ “ป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รายนี้ก็ไม่เบา จะด้วยเป็นเพราะเห็นว่า หากปล่อยให้เก้าอี้ ผบ.ตร.หลุดมือ แม้แค่เสี้ยววินาทีเดียว ทุกอย่างก็อาจพลิกผัน จึงได้เห็นอาการ “แข็งขืน” ตั้งแต่การประกาศไม่ยอมลาพักไปต่างประเทศ ขอเลื่อนเข้าชี้แจงข้อกล่าวหาผิดอาญา-วินัยร้ายแรง คดีเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ พร้อมทั้งเดินสายไปต่างจังหวัด เหมือนโชว์ให้ “เด็กๆ” ได้เห็นว่า ตัวเองยังคุม สตช. อยู่ในมือ
00 โฟกัสไปที่โผโยกย้าย สีกากีชั้นนายพล 152 คน กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน ว่ากันว่ากำลังถูกทำให้ขยายใหญ่ เนื่องจาก “มีได้มีเสีย” ส่วนใครจะได้ ใครจะเสีย ค่อยๆแคะกันไป แต่ที่เริ่มหวั่นไหวกันก็คือ เมื่อ “จ่าย” ไปแล้วจะได้เงินคืนหรือเปล่า ถ้าอยากรู้ก็ให้เค้นคอถาม “ไอ้เรือง” กันเอาเอง ในฐานะ “นายหน้า” แต่เวลานี้อาจพูดจาไม่รู้เรื่องแล้วก็ได้ เพราะเจอเข้าหลายเด้ง แค่ติดร่างแห 1 ใน 3 ที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนความผิดร่วมกับ “นาย” เมื่อต้นปี 2551 และกำลังถูกรื้อฟื้น แค่นี้ก็ “บาน” แล้ววุ้ย !!
00 เรื่องคนเสื้อแดงของ นช.ทักษิณ ชินวัตร อ้างว่ากำชื่อชาวบ้านตาดำๆ เพื่อยื่นถวายฎีกากดดัน “พ่อ” ได้ถึงกว่า 5 ล้านคนแล้ว หากมองอีกมุมหนึ่งถือว่า มวลชนคนรักแม้ว ลดลงฮวบฮาบ เพราะจากเดิมตั้งแต่ยุคที่โดนคดีซุกหุ้นภาคแรก แล้วมากระโดดสูงสุดในสมัยพรรคไทยรักไทย ที่มักนำมาหากินอยู่เสมอว่า มีคนหนุนหลังถึง 19 ล้านเสียง
00 จากนั้นก็เริ่มลดลงมาจากกรณี “โนโหวต” รัฐธรรมนูญปี 50 ก็ลดลงมาเหลือ 10 ล้าน ล่าสุดเหลือแค่ 5 ล้านคน ซึ่งแม้เป็นตัวเลขที่โม้ก็ตาม แต่ถ้ามองกันแบบไม่ซับซ้อนก็น่าจะเห็นเป็นปรากฏการณ์ถดถอย แต่คนที่เฮงก็เห็นจะเป็น “3 เกลอ” เจ้าเก่า เพราะนำรายชื่อไปขึ้นเงินได้สะดวก