คอลัมน์ “เรื่องมันฟ้อง” โดย กรงเล็บ
การจรดปากกาลงนามของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรีในคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ.10) ตำแหน่งเทียบเท่ารองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่จำใจเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าอำลาบ้านเกิดไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 5 - 14 สิงหาคม
ทำเอา “พล.ต.อ.วิเชียร” ถึงกับตีนบวมเพราะส้มหล่นทับโดยไม่คาดหมาย
กระทั่งแอบหวังลึก ๆ ว่า มีโอกาสคั่วเป็น ผบ.ตร.ตัวจริง ในตำแหน่งที่กำลังจะว่างลงปลายเดือนกันยายนนี้ จึงไม่แปลกที่ตอนนี้ใคร ๆ จะเห็น “พล.ต.อ.วิเชียร” ใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลา
อายุราชการที่เหลือถึง 4 ปีของ “พล.ต.อ.วิเชียร” เพียงพอที่จะฝันถึงตำแหน่งสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ทุกอย่างที่หวังไม่ได้หมายความว่าจะเป็นจริงเสมอไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาอันใกล้นี้ ฟันธงได้เลยว่า ผบ.ตร.ตัวจริงก่อนวันเปิดหมวกอำลาของ “พล.ต.อ.พัชรวาท” ไม่มีทางชื่อ “พล.ต.อ.วิเชียร” อย่างแน่นอน
การตัดสินใจเลือก “พล.ต.อ.วิเชียร” มาทำหน้าที่ในบรรยากาศที่ฝุ่นกำลังตลบอบอวล จนมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งเกี่ยวกับการโยกย้ายตำรวจ ทั้งที่ความจริงเหตุผลที่ทำให้ “พล.ต.อ.พัชรวาท” ต้องพ้นจากตำแหน่งไปชั่วคราว
มาจากการที่ “อภิสิทธ์” รับปากขจัดตอตัวจริงเพื่อให้ความมั่นใจกับชุดสืบสวนสอบสวนเดินหน้าคดีลอบยิง สนธิ ลิ้มทองกุล อย่างตรงไปตรงมา
จน “อภิสิทธิ์” ต้องปาดเหงื่อไปหลายรอบ
เพราะนอกจากจะต้องขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ยังต้องขัดใจกับคนกันเองอย่าง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อีกด้วย อันเป็นเหตุผลที่ทำให้ “พล.ต.อ.พัชรวาท” ย่ามใจประสาคนได้ยาดี
กล้าซดเกาเหลากับผู้นำประเทศ โดยไม่เกรงหน้าอินทร์ หน้าพรหม
ยามนี้จึงไม่มีอะไรดีไปกว่า การหาคนกลางที่ไม่ถูกมองว่า อยู่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเข้ามาคั่นกลางสักระยะ ก่อนที่จะเดินหน้าถางทางต่อ ซึ่งสะท้อนได้จากคำให้สัมภาษณ์ของ “อภิสิทธิ์” ที่ระบุเหตุผลว่า
“ผมเห็นว่าท่านเป็นคนที่ดูจากการรับราชการมามีความอาวุโส และผมเชื่อว่าในภาวะซึ่งคนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องของคดีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ท่านเป็นที่ยอมรับและมีความเหมาะสมในสถานการณ์อย่างนี้ แต่การให้รักษาราชการแทนไม่ได้ผูกพันว่าจะได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่”
จากคำกล่าวนี้คงชัดเจนแล้วว่า “พล.ต.อ.วิเชียร” เป็นแค่คนคั่นกลางระหว่างรอตัวจริงเท่านั้น ซึ่งบัญชีรายชื่อรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่จ่อคิวรอในขณะนี้ก็มี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ และ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย
เห็นชื่อกันจะๆ อย่างนี้คงพอมองภาพออกว่า คนที่ต้องปาดเหงื่อสู้ต่อไปคือ “อภิสิทธิ์” เพราะยังมีปัญหาหนักรอให้แก้อีกเยอะในแวดวงสีกากี จนกว่าภาพ ผบ.ตร.คนใหม่จะมีความชัดเจน ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ด้วยว่า “อภิสิทธิ์” สามารถเดินออกจากกรอบที่มีใครบางคนพยายามขีดเส้นให้เดินได้หรือไม่
ถ้าทำไม่ได้...
ชื่อ “พล.ต.อ.จุมพล” ซึ่งฝ่ายสีน้ำเงินสนับสนุนหนักหนา ก็อาจมีโอกาสได้ผงาดในตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่