“พัชรวาท” ปลงตก ยื่นหนังสือลาออกจากราชการกับเทพเทือกแล้ว ระบุ ต้องการไปพักผ่อน และไม่ได้เกิดจากอาการน้อยอกน้อยใจในตัวนายกรัฐมนตรี ที่สั่งให้ไปปฏิบัติราชการยังสำนักนายกฯแต่อย่างใด
เมื่อเวลา 17.10 น. วันนี้( 9 ก.ย.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เดินออกจากลิฟท์พร้อมกับ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผช.ผบ.ตร. และนายตำรวจประจำสำนักงาน ซึ่งลงมาส่งขึ้นรถ และทันทีที่เห็นกองทัพผู้สื่อข่าวจำนวนมากดักรออยู่ พล.ต.อ.พัชรวาท ก็ยิ้มแย้มและกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ได้รับทราบคำสั่งช่วยราชการจากนายกฯ แล้วก็ยอมรับโดยดี หากถามว่าถูกกลั่นแกล้งหรือไม่นั้น ไม่อยากให้คิดกันไปต่างๆนานาอยากให้คิดกันในทางบวกมากกว่า เพราะความจริงตลอดชีวิตอายุราชการมายาวนานจนมานั่งตำแหน่งเป็น ผบ.ตร.มาปีกว่า ได้ทำงานในหน้าที่อย่างเต็มและเต็มความสามารถ รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งระดับ รอง ผบ.ตร. ผช.ผบ.ตร. และตำรวจทุกนายในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ทำหน้าที่กันมาภายใต้ความยุ่งยากของสังคมที่มีข้อจำกัด อยากฝากไว้ว่า การทำงานต่อไปของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยังอยู่ในหน้าที่นั้นขอให้ทุกคนทำงานด้วยความตั้งใจองค์กรเราต้องอยู่เมื่อตนไปแล้วคนใหม่ก็มา อยากให้ช่วยกันดูแลสถาบันพระมหากษัติย์ ประชาชนและบ้านเมือง
“ผมขอขอบคุณตำรวจทุกท่านที่ร่วมมือร่วมใจทำงานกันกว่าปีกว่า สำหรับตัวผมเองนั้นเห็นว่าทำงานมาพอสมควรแก่เวลาแล้ว เหลืออีกเพียง 21 วันเท่านั้น อยากพักผ่อนบ้าง เมื่อผมไปคนอื่นก็มาใหม่ สานต่องานที่ทำอยู่คงไม่มีปัญหาอะไร คิดว่าการลาออกของผมเองวันนี้น่าจะทำให้ท่านนายกฯ ทำงานไปได้ด้วยดี เพราะเป็นความตั้งใจของผมเองไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และผมได้ส่งหนังสือลาออกไปถึงท่านรองนายกฯ สุเทพ แล้วในฐานะประธาน กตร. เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ส่วนเรื่อง ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนั้นคงต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย “พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว
ต่อข้อถามว่า เหตุใดจึงไม่มีการชี้แจงหรือต่อสู้ทางคดีในข้อกฎหมาย พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า อย่าไปพูดอย่างนั้น เราเป็นข้าราชการตำรวจเป็นข้าราชการประจำมีหน้าที่รับใช้รัฐบาล ดูแลสถาบันพระมหากษัตริย์ ดูแลประชาชนและประเทศชาติให้มีความสงบเรียบร้อย อย่าไปคิดอะไรมากคิดเสียว่าไปพักผ่อนก่อนเกษียณ นับว่าเป็นสิ่งดีกับตัวเอง ส่วนข้อกล่าวหาที่มีการกล่าวหาในหลายกรณีนั้น ก็ไม่เป็นไรให้เขาสอบสวนกันไป ตามขั้นตอนกระบวนการซึ่งเป็นขั้นตอนของเขา ตนเชื่อมั่นว่าการทำงานที่ผ่านมาตรงไปตรงมาโปร่งใสไม่มีเรื่องทุจริตเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ พล.ต.อ.พัชรวาท จะเดินทางขึ้นรถยนต์กลับไป ได้กล่าวทิ้งท้ายกับบรรดาสื่อมวลชนด้วยท่าทีขบขันว่า ผมเริ่มประวัติศาสตร์ใหม่ถูกไล่ซ้ำ(ช่วยราชการ) ถึง 2 ครั้งด้วยกัน
ก่อนหน้านั้น ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายหลัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ลงนามคำสั่งสายฟ้าแลบให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.มาช่วยราชการที่สำนักนายกฯต้นสังกัด ไม่มีกำหนดจนกว่าจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีอาญาและวินัยร้ายแรงจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม 7 ตุลาเลือด ว่า เป็นไปด้วยความเงียบเหงา นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ต่างเก็บตัวเงียบในห้องทำงาน รวมถึง พล.ต.อ.พัชรวาท ก็ยังคงความเป็นส่วนตัวอยู่อย่างสงบในห้องทำงานตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมา หลังจากเดินทางกลับจากการชมการสาธิตการปราบจลาจลของตำรวจนครบาลที่ลานพระบรมรูปทรงม้าในช่วงเช้าที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ไม่พบว่า มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และบุคคลใกล้ชิดเดินทางมาให้กำลังใจแต่อย่างใด ขณะที่บรรดาสื่อมวลชนต่างเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด แต่ยังคงถูกจำกัดพื้นที่ห้ามมิให้ขึ้นไปชั้นบนตามเดิม โดยสามารถเข้าพื้นที่ได้เฉพาะบริเวณห้องโถงชั้นล่างและบริเวณหน้าลิฟต์ขึ้นตัว อาคารและจุดที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลคอยตรวจตราบุคคลเข้าออกและขึ้นลงอาคารอย่างใกล้ชิด จะอนุญาตได้เฉพาะบุคคลสำคัญและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เท่านั้น ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเซ็งแซ่ว่า มีการปิดกั้นสื่อและเลือกปฏิบัติ ไม่ดำเนินรอยตามอดีต ผบ.ตร.คนอื่นๆ ที่ผ่านมา
สำหรับคำสั่งดังกล่าวนั้นมีรายละเอียดดังนี้
คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 200/2552 เรื่อง ให้ข้าราชการมาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกฯ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 และมาตรา 72(1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 นายกฯมีคำสั่งดังนี้
ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางๆก่อน และให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รักษาราชการแทน
มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 9 ก.ย.พ.ศ.2552
ลงชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรี