มอง “อภิสิทธิ์” ต่างกรรมต่างวาระ (หัวหน้า ปชป.-นายกรัฐมนตรี)

ทันที...ที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ที่มี นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช.ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณาคดีการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 โดยที่ประชุมมีมติชี้มูลความผิดนักการเมืองและนายตำรวจที่เกี่ยวข้องตามข้อกล่าวหา ประกอบด้วย

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี มีความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งเรียกประชุม ครม.นัดพิเศษในคืนวันที่ 6 ตุลาคม 2551 โดยมอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้สั่งการ และเปิดทางให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าสู่รัฐสภา

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี มีความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นผู้รับผิดชอบเหตุการณ์ และสั่งการให้ตำรวจผลักดันผู้ชุมนุมโดยใช้แก๊สน้ำตา

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบตามอำนาจหน้าที่ เมื่อเกิดเหตุรุนแรงจนถึงขั้นผู้ชุมนุมบาดเจ็บสาหัส ถึงขนาดขาขาดแขนขาด ก็ต้องยับยั้งมิให้เหตุการณ์ลุกลามต่อไป และมีการให้การจากพยานว่า เป็นผู้สั่งการสลายการชุมนุม จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและมีความผิดวินัยร้ายแรง

พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ และเป็นเจ้าของพื้นที่ มีความผิดวินัยร้ายแรงและอาญา

จากผลการชี้มูลความผิดของ 4 บุคคลสำคัญ ทำให้ประชาชนเกือบทั้งประเทศจับตามองไปที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว 2 นายตำรวจที่อยู่ในการบังคับบัญชาของ “นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป นายกรัฐมนตรี จะใช้อำนาจอย่างไร

เพราะหากย้อนกลับไป เชื่อแน่...ว่า “อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ” ในฐานะนายกรัฐมนตรี กับ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัติย์ ที่ได้ทำหนังสือลงวันที่ 9 ต.ค.2551 เรื่อง ขอให้สอบสวนเหตุการณ์การสลายการชุมนุมวันที่ 7 ต.ค.2551 เรียน ศาสตราจารย์เสน่ห์ จามริก ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คือ “อภิสิทธิ์” คนคน เดียวกัน...

โดยที่หนังสือที่ “อภิสิทธิ์” เร่งรัดให้กรรมการสิทธิสอบสวน เขาได้ระบุไว้ว่า....

“สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการที่เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมของประชาชนบริเวณรอบอาคารรัฐสภา และพื้นใกล้เคียงจนเป็นเหตุให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บกว่า 400 คน ความทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวนหนึ่งเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการสั่งการและปฏิบัติการที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงยามวิกาล ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย และละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง สมควรที่จะต้องสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการลงโทษต่อผู้กระทำความผิดต่อไป

อาศัยความตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 15 ข้อ 2 ว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในการตรวจสอบและรายงานการกระทำหรือการละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรืออันไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี และเสนอมาตรการการแก้ไขที่เหมาะสมต่อบุคคลหรือหน่วยงานที่กระทำหรือละเลยการกระทำดังกล่าวเพื่อดำเนินการในกรณีที่ปรากฏว่าไม่มีการดำเนินการตามที่เสนอให้รายงานต่อรัฐสภาเพื่อดำเนินการต่อไป

พรรคประชาธิปัตย์จึงขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ดำเนินการสอบสวนเบื้องหน้าเบื้องหลังอันเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นตามอำนาจหน้าที่เป็นการเร่งด่วนเพื่อลงโทษผู้กระทำผิดต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

วันนี้ ผลแห่งการเร่งรัดการสอบสวนของ “อภิสิทธิ์” ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัติย์ (ขณะนั้น) ได้มีคำตอบสุดท้ายจาก ป.ป.ช.แล้ว

และวันนี้เช่นกัน “อภิสิทธิ์” ในฐานะนายกรัฐมนตรี เขากลับบอกว่า

จะขอดูคำวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ก่อน ซึ่งหากทำให้ “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ผบ.ตร.ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็จะมีการตั้งรักษาราชการแทน แต่ “อภิสิทธิ์” ย้ำว่า...ต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย

ส่วนท้ายสุดสำหรับชะตากรรมของ “พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” จะจบลงอย่างไร
“อภิสิทธิ์” กล้าทำตามกฎหมาย ด้วยคำสั่ง “ปลด” พ้น ผบ.ตร.ก่อนเกษียณ 30 ก.ย.52 หรือ “อภิสิทธิ์” เลือกที่จะยื้อเวลาต่อลมหายใจให้ “พัชรวาท” เพื่อความอยู่รอดของรัฐบาลเทพประทาน ...

หรือ “อภิสิทธิ์” นายกรัฐมนตรี(วันนี้) ได้เพียงแต่คิดว่าหาก “อภิสิทธิ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(วันนั้น) อยู่เฉยๆ น่าจะดีที่สุด!!!