รวบสองคู่หูเครือข่าย “แก๊งตากาล็อกเขย่าขา” แกล้งทำบัตรเติมเงินหล่น ประกบเขย่าขาเหยื่อพร่ำพูด “Sorry Sorry” ฉกเงินแสนบาท หลังสะกดรอยตามเป้าหมายจากขายทองคำแท่งที่ร้านทอง หอบเงินเตรียมฝากแบงก์
วันนี้ (1 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ สน.พลับพลาไชย 2 พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.ธีระพงษ์ คล้ายแก้ว ผกก.สน.พลับพลาไชย 2, พ.ต.ท.ธนกรณฑ์ ก้อนแก้ว รอง ผกก.สส.สน.พลับพลาไชย 2, พ.ต.ท.สุรวิทย์ โยนจอหอ สว.สส.สน.พลับพลาไชย 2 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.พลับพลาไชย 2 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายเรนดี้ แคปปิติแตน ลุสท์ อายุ 31 ปี และ นายปีเตอร์ พอล เจอาร์ เดียโบรู บัลลสาดาเรส อายุ 28 ปี ทั้งสองเป็นชาวฟิลิปปินส์ และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 609/2552 และ 610/2552 ตามลำดับ ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์
พล.ต.ต.วิทยา เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 12.30 น.ของวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา นายวิรัตน์ ศิริมณีธรรม อายุ 58 ปี พ่อค้าทองย่านเยาวราช ได้นำทองคำแท่งหนัก 20 บาท ไปขายที่ร้านทองฮั่ว เซ่ง เฮง แยกแปลงนาม ถนนเยาวราช ได้เงินสดมาจำนวน 307,000 บาท จากนั้นได้แบ่งเงินออกเป็น 3 ปึกแล้วมัดด้วยหนังยาง โดยปึกแรกแบ่งไว้ 107,000 บาท แล้วนำใส่กระเป๋ากางเกงด้านหน้าขวา ส่วนปึกที่ 2 และ 3 แบ่งไว้ปึกละ จำนวน 100,000 บาท ใส่กระเป๋ากางเกงด้านหน้าซ้าย และกระเป๋าหลังขวา ตามลำดับ จากนั้นผู้เสียหายเดินออกจากร้านทองดังกล่าว เพื่อจะนำเงินไปฝากที่ธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งอยู่เยื้องกับร้านทอง
พล.ต.ต.วิทยา กล่าวต่อไปว่า ขณะที่ผู้เสียหายเดินมาถึงบริเวณหน้าบริษัท รุ่งทรัพย์ทัวร์ นายเรนดี้ ซึ่งสะกดรอยตามผู้เสียหายมาได้ทำทีโยนบัตรเติมเงินใส่เท้าของผู้เสียหายให้ดูเหมือนกับว่าถูกชนจนบัตรเติมเงินหล่น จากนั้นรีบลงไปนั่งเขย่าขาข้างขวาของผู้เสียหาย พร้อมบอกว่า “Sorry Sorry” เนื่องจากกลัวว่าจะถูกผู้เสียหายเหยียบบัตรเติมเงิน แต่ความจริงแล้วเป็นการส่งสัญญาณให้นายปีเตอร์ เดินเข้าไปชนผู้เสียหายจากด้านหลัง เพื่อให้เสียหลัก แล้วล้วงกระเป๋าหลังฉกเอาเงินจำนวน 100,000 บาทมาแล้วแยกย้ายกันหลบหนีไปโดยที่ผู้เสียหายไม่ทันรู้ตัว เมื่อมาถึงธนาคารดังกล่าว ก็ถึงได้รู้ว่า เงิน 100,000 บาท ที่กระเป๋าหลังหายไปแล้ว
จากนั้นผู้เสียหายได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่ สน.พลับพลาไชย 2 เจ้าหน้าที่จึงขออนุมัติหมายจับจากศาลไว้ พร้อมเร่งทำการสืบสวนหาตัวคนร้าย ซึ่งจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ พบชายต้องสงสัยทั้งสองคนที่บริเวณร้านทองดังกล่าว จึงนำกำลังไปดักซุ่ม จนกระทั่งวานนี้ (31 ส.ค.) พบตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาป้วนเปี้ยนที่หน้าร้านทองร้านเดิมเพื่อเตรียมก่อเหตุอีกครั้ง เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าดูพฤติกรรม ก่อนเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้ในเวลา 23.30 น.และควบคุมตัวมาสอบปากคำ พร้อมทั้งประสานให้ผู้เสียหายมาชี้ตัวยืนยัน
ด้าน นายวิรัตน์ กล่าวว่า ตนประกอบอาชีพค้าทองคำอยู่ย่านเยาวราช และมักจะซื้อทองคำมาไว้เก็งกำไร โดยวันเกิดเหตุหลังจากตนขายทองหนัก 20 บาท ได้เงิน 3 แสนกว่าบาท ก็จะเดินเอาเงินไปเข้าบัญชีที่ธนาคาร แต่ระหว่างทางก็มีชายแปลกหน้าทำทีทำบัตรเติมเงินหล่นและมาจับขาตนเขย่าเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ก่อนที่เพื่อนร่วมแก๊งจะเดินเข้ามาชนด้านหลัง แล้วล้วงกระเป๋าหลังฉกเงินไป ซึ่งทั้งคู่ใช้เวลาเร็วมากโดยที่ตนยังไม่ทันรู้ตัว พอเจ้าหน้าที่จับกุมก็เดินทางมาดู ซึ่งตนจำหน้าได้ว่าเป็นคนที่จับขาตนเย่าและเข้ามาชนในวันเกิดเหตุ ซึ่งเชื่อว่าน่าแก๊งนี้น่าจะก่อเหตุในย่านนี้มาหลายครั้งแล้ว
ด้าน พ.ต.ท.ธนกรณฑ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพ และจากตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ต้องหาแก๊งนี้นั้นก็เหมือนกับ “แก๊งเขย่าขา” ชาวฟิลิปปินส์ ที่ถูกกองปราบปราม และ สน.บางรัก จับกุมได้เมื่อหลายเดือนก่อน จึงอาจจะเป็นสมาชิกแก๊งเดียวกัน นอกจากนี้จากการตรวจสอบภาพในกล้องวงจรปปิดยังพบบุคคลต้องสงสัย อีก 5 คน ที่คาดว่าจะเป็นสมาชิกแก๊งเดียวกันอีก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมต่อไป
วันนี้ (1 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ สน.พลับพลาไชย 2 พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.ธีระพงษ์ คล้ายแก้ว ผกก.สน.พลับพลาไชย 2, พ.ต.ท.ธนกรณฑ์ ก้อนแก้ว รอง ผกก.สส.สน.พลับพลาไชย 2, พ.ต.ท.สุรวิทย์ โยนจอหอ สว.สส.สน.พลับพลาไชย 2 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.พลับพลาไชย 2 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายเรนดี้ แคปปิติแตน ลุสท์ อายุ 31 ปี และ นายปีเตอร์ พอล เจอาร์ เดียโบรู บัลลสาดาเรส อายุ 28 ปี ทั้งสองเป็นชาวฟิลิปปินส์ และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 609/2552 และ 610/2552 ตามลำดับ ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์
พล.ต.ต.วิทยา เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 12.30 น.ของวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา นายวิรัตน์ ศิริมณีธรรม อายุ 58 ปี พ่อค้าทองย่านเยาวราช ได้นำทองคำแท่งหนัก 20 บาท ไปขายที่ร้านทองฮั่ว เซ่ง เฮง แยกแปลงนาม ถนนเยาวราช ได้เงินสดมาจำนวน 307,000 บาท จากนั้นได้แบ่งเงินออกเป็น 3 ปึกแล้วมัดด้วยหนังยาง โดยปึกแรกแบ่งไว้ 107,000 บาท แล้วนำใส่กระเป๋ากางเกงด้านหน้าขวา ส่วนปึกที่ 2 และ 3 แบ่งไว้ปึกละ จำนวน 100,000 บาท ใส่กระเป๋ากางเกงด้านหน้าซ้าย และกระเป๋าหลังขวา ตามลำดับ จากนั้นผู้เสียหายเดินออกจากร้านทองดังกล่าว เพื่อจะนำเงินไปฝากที่ธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งอยู่เยื้องกับร้านทอง
พล.ต.ต.วิทยา กล่าวต่อไปว่า ขณะที่ผู้เสียหายเดินมาถึงบริเวณหน้าบริษัท รุ่งทรัพย์ทัวร์ นายเรนดี้ ซึ่งสะกดรอยตามผู้เสียหายมาได้ทำทีโยนบัตรเติมเงินใส่เท้าของผู้เสียหายให้ดูเหมือนกับว่าถูกชนจนบัตรเติมเงินหล่น จากนั้นรีบลงไปนั่งเขย่าขาข้างขวาของผู้เสียหาย พร้อมบอกว่า “Sorry Sorry” เนื่องจากกลัวว่าจะถูกผู้เสียหายเหยียบบัตรเติมเงิน แต่ความจริงแล้วเป็นการส่งสัญญาณให้นายปีเตอร์ เดินเข้าไปชนผู้เสียหายจากด้านหลัง เพื่อให้เสียหลัก แล้วล้วงกระเป๋าหลังฉกเอาเงินจำนวน 100,000 บาทมาแล้วแยกย้ายกันหลบหนีไปโดยที่ผู้เสียหายไม่ทันรู้ตัว เมื่อมาถึงธนาคารดังกล่าว ก็ถึงได้รู้ว่า เงิน 100,000 บาท ที่กระเป๋าหลังหายไปแล้ว
จากนั้นผู้เสียหายได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่ สน.พลับพลาไชย 2 เจ้าหน้าที่จึงขออนุมัติหมายจับจากศาลไว้ พร้อมเร่งทำการสืบสวนหาตัวคนร้าย ซึ่งจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ พบชายต้องสงสัยทั้งสองคนที่บริเวณร้านทองดังกล่าว จึงนำกำลังไปดักซุ่ม จนกระทั่งวานนี้ (31 ส.ค.) พบตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาป้วนเปี้ยนที่หน้าร้านทองร้านเดิมเพื่อเตรียมก่อเหตุอีกครั้ง เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าดูพฤติกรรม ก่อนเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้ในเวลา 23.30 น.และควบคุมตัวมาสอบปากคำ พร้อมทั้งประสานให้ผู้เสียหายมาชี้ตัวยืนยัน
ด้าน นายวิรัตน์ กล่าวว่า ตนประกอบอาชีพค้าทองคำอยู่ย่านเยาวราช และมักจะซื้อทองคำมาไว้เก็งกำไร โดยวันเกิดเหตุหลังจากตนขายทองหนัก 20 บาท ได้เงิน 3 แสนกว่าบาท ก็จะเดินเอาเงินไปเข้าบัญชีที่ธนาคาร แต่ระหว่างทางก็มีชายแปลกหน้าทำทีทำบัตรเติมเงินหล่นและมาจับขาตนเขย่าเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ก่อนที่เพื่อนร่วมแก๊งจะเดินเข้ามาชนด้านหลัง แล้วล้วงกระเป๋าหลังฉกเงินไป ซึ่งทั้งคู่ใช้เวลาเร็วมากโดยที่ตนยังไม่ทันรู้ตัว พอเจ้าหน้าที่จับกุมก็เดินทางมาดู ซึ่งตนจำหน้าได้ว่าเป็นคนที่จับขาตนเย่าและเข้ามาชนในวันเกิดเหตุ ซึ่งเชื่อว่าน่าแก๊งนี้น่าจะก่อเหตุในย่านนี้มาหลายครั้งแล้ว
ด้าน พ.ต.ท.ธนกรณฑ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพ และจากตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ต้องหาแก๊งนี้นั้นก็เหมือนกับ “แก๊งเขย่าขา” ชาวฟิลิปปินส์ ที่ถูกกองปราบปราม และ สน.บางรัก จับกุมได้เมื่อหลายเดือนก่อน จึงอาจจะเป็นสมาชิกแก๊งเดียวกัน นอกจากนี้จากการตรวจสอบภาพในกล้องวงจรปปิดยังพบบุคคลต้องสงสัย อีก 5 คน ที่คาดว่าจะเป็นสมาชิกแก๊งเดียวกันอีก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมต่อไป