xs
xsm
sm
md
lg

จับแก๊งมังกรจีนฉกเพชร 2.3 แสน จากจิวเวลรีเซ็นทรัลพัทยา

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พ.ต.อ.ธีระพงษ์ คล้ายแก้ว ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 สองปากคำผู้ต้องหาทั้งสองคน
ตำรวจพลับพลาไชย 2 รวบสองหนุ่มจีนคาโรงแรมดังย่านเยาวราช หลังก่อคดีฉกแหวนเพชรจากร้านในห้างเซ็นทรัลพัทยา แฉทำทีมาขอซื้อแหวนเพชรแล้วอาศัยทีเผลอฉกแหวนไปอย่างเร็ว ก่อนยื่นกล่องเปล่าให้เจ้าของร้านห่อของขวัญ พร้อมวางมัดจำไว้ 1 พัน แล้วชิ่งหนีไปทันที โชคยังดีที่แท็กซี่พลเมืองดีเห็นข่าวแล้วจำหน้าได้ว่าเป็นลูกค้า เลยแจ้งตำรวจตามจับได้

เมื่อเวลา 16.30 น.วันนี้ (3 ส.ค.) พ.ต.อ.ธีระพงษ์ คล้ายแก้ว ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผกก.สืบสวน บก.น.6 พ.ต.อ.ศรายุทธ สงวนโตภัย ผกก.สภ.พัทยา จ.ชลบุรี พ.ต.ท.ธนกรณฑ์ ก้อนแก้ว รอง ผกก.สส.สน.พลับพลาไชย 2 และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พลับพลาไชย 2 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายจู เหล่อ ตอง อายุ 48 ปี และนายหล๋อ จ่วง เต๋อ อายุ 32 ปี สองผู้ต้องหาชาวจีนตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.743/2552 และ จ.744/2552 ลงวันที่ 3 ส.ค.52 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ โดยจับกุมตัวได้ที่ห้องพักเลขที่ 411 ชั้น 4 โรงแรมไชน่าทาวน์ ถนนเยาวราช แขวงและเขตสัมพันธวงศ์

พ.ต.ท.ธนกรณฑ์ เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์แหวนเพชรมูลค่า 230,000 บาท ที่ร้านมิสไดมอนด์ ตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยาบีช ถนนเลียบหาดพัทยา ต.บางละมุง อ.เมือง จ.ชลบุรี ซึ่งมีนางศิริพร บ่างรักขิต อายุ 60 ปี เป็นเจ้าของร้าน โดยทั้งคู่วางแผนเข้าไปทำทีขอดูเพชร พร้อมทำการตกลงซื้อขาย และให้นางศิริพรช่วยห่อของขวัญให้ด้วย จากนั้นก็จะนำเงินวางมัดจำเอาไว้ จำนวน 1,000 บาท แล้วอ้างว่าจะออกไปกดเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มมาจ่ายค่าสินค้า

พ.ต.ท.ธนกรณฑ์ กล่าวต่อว่า แต่หลังเวลาผ่านไปนาน นางศิริพร เจ้าของร้านก็เริ่มสงสัยว่าทำไมผู้ต้องหาไม่ยอมกลับมารับเพชรทั้งที่ได้วางเงินมัดจำเอาไว้แล้ว เลยทดลองแกะห่อของขวัญเปิดกล่องดู ปรากฏว่าเป็นกล่องเปล่าแต่แหวนเพชรได้ถูกขโมยไปแล้ว จึงทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้านพบว่า ในช่วงที่คนร้ายทั้งคู่กำลังพูดคุยกับตัวเองอยู่นั้นก็ได้อาศัยจังหวะเผลอเปิดกล่องหยิบแหวนเพชรไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทำทีเป็นวางเงินมัดจำให้ นางศิริพร ห่อของขวัญให้แล้วรีบหลบหนีไป ผู้เสียหายจึงนำหลักฐานไปแจ้งความไว้ที่ สภ.พัทยา จ.ชลบุรี

พ.ต.ท.ธนกรณฑ์ กล่าวด้วยว่า จนช่วงเช้าวันนี้ นายสุนทร เสาแก้ว โชเฟอร์แท็กซี่พลเมืองดี ได้เข้ามาแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พลับพลาไชย 2 ว่าพบผู้ต้องสงสัยคล้ายคนร้ายทั้ง 2 คน พักอยู่ที่โรงแรมไชน่าทาวน์ โดยเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ชาวจีนทั้งคู่ได้เรียกตนจากหน้าโรงแรมไชน่าทาวน์ แล้วจ้างแบบเหมารายวันในราคา 1,200 บาท ให้ขับรถไปส่งที่ จ.ชลบุรี ก่อนพากลับมาที่โรงแรมอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นนายสุนทรก็เห็นข่าวทางทีวี แพร่ภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดของร้านเพชรดังกล่าว และเจ้าตัวจำได้ว่าต้องใช่คนร้ายแน่นอน จึงตัดสินใจเข้าแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พ.ต.ท.ธนกรณฑ์ กล่าวต่อว่า หลังรับแจ้งก็สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เข้าไปตรวจสอบทันที ก็พบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พักอยู่ที่โรงแรมไชน่าทาวน์จริง จึงรีบประสานไปที่ สภ.พัทยา ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อขอให้ส่งภาพคนร้ายมาให้ดู เมื่อมั่นใจว่าไม่ผิดตัวก็เร่งทำการออกหมายจับและบุกเข้าจับกุมชาวจีนทั้งคู่ในทันที ซึ่งผลการตรวจค้นห้องพักยังพบว่า มีเพชรปลอมซุกซ่อนอยู่ 12 เม็ด จึงยึดไว้เป็นของกลางก่อนเชิญตัวทั้งคู่มาสอบสวนที่ สน.พลับพลาไชย 2

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การยอมรับว่า ได้เดินทางไปที่ร้านเพชรของนางศิริพร จริง แต่ขอปฏิเสธว่าไม่ได้ทำการลักทรัพย์ ตำรวจจึงเชิญตัวนางศิริพรมาชี้ตัวยืนยันซึ่งก็สามารถยืนยันได้อย่างถูกต้อง หลังจากนั้น นางหฤทัย ฟาง อายุ 37 ปี เจ้าของร้านเพชรอัครเจมส์ ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ก็เดินทางมาดูตัวพร้อมยืนยันด้วยว่า ชาวจีนทั้งคู่ เคยวางแผนในลักษณะนี้เพื่อลักเอา กำไรเพชร และแหวนเพชร มูลค่ารวม 700,000 บาท ไปจากทางร้านเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยครั้งนั้นนำเงินมาวางมัดจำไว้เพียง 100 บาท และได้แจ้งความกับตำรวจ สน.พหลโยธิน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พ.ต.ท.ธนกรณฑ์ กล่าวด้วยว่า แม้ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายจะให้การภาคเสธแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังมั่นใจว่า แก๊งนี้น่าจะมีมากกว่า 2 คน โดยแต่ละคนเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยนานแล้ว และทำมาหากินด้วยวิธีนี้เพียงอย่างเดียว เนื่องจากผลการตรวจสอบหนังสือเดินทางของทั้งคู่พบว่า เดินทางเข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยวเท่านั้นแต่พอวีซ่าจะหมดอายุก็จะรีบเดินทางออกไปทางประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย เพื่อประทับตราออกจากราชอาณาจักร และจะรีบเดินทางกลับเข้ามาใหม่ในฐานะนักท่องเที่ยวอีก ทำอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นายหล๋อ จ่วง เต๋อ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหา
นายจู เหล่อ ตอง อายุ 48 ปี ผู้ต้องหา
กำลังโหลดความคิดเห็น