ดีเอสไอโชว์จับนาฬิกายี่ห้อหรูปลอมล๊อตใหญ่ “โรเล็กซ์-ปาเต๊ะ-โอเมก้า-ชาแนล-คาร์เทียร์” ยึดของกลางกว่าหมื่นเรือน มูลค่า 15 ล้าน เป็นหนุ่มใหญ่เจ้าเก่าหน้าเดิมเป็นเจ้าของสินค้าทั้งหมด แถมเคยโดนจับมาแล้วครั้งแต่ไม่เข็ดหลาบ
วันนี้ (27 ส.ค.) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ และ พ.ต.ท.วีรวัชร์ เดชบุญภา ผอ.ส่วนคดีทรัพย์สินทางปัญญา 3 ร่วมแถลงข่าวจับกุมนายสมชาย อรุณนำโชค อายุ 44 ปี พร้อมของกลางนาฬิกาปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อ แท็ก ฮอยเออร์ โรเล็กซ์ ปาเต๊ะ โอเมก้า ชาแนล คาร์เทียร์ และพรรณาราย รวมทั้งสิ้น 10,362 เรือน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมได้ภายในอาคารพานิชย์เลขที่ 460 ซอยมหาจักร แขวงและเขตสัมพันธวงศ์ ก่อนขยายผลตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 5/136 หมู่บ้านอิ่มอัมพร 2 แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน เบื้องต้นนายสมชายให้การรับสารภาพ ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ เคยถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจับกุมมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
ภายหลังการตรวจค้นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้แจ้งข้อกล่าวหาเสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการปลอมแปลงการค้าของผู้อื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
ทางด้าน พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า ในการจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการจับกลุ่มล็อตใหญ่ ซึ่งผู้ต้องหาที่จับได้เป็นเจ้าของสินค้าทั้งหมด เพราะเป็นการจับกุมภายในบ้านดังกล่าว ก่อนหน้านี้ทางดีเอสไอก็เคยจับกุมกลุ่มชาวจีนที่ร่วมกันปลอมแปลงสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์แบบนี้มาแล้ว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีการจับกุมดังกล่าวถือว่าเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากมูลค่าความเสียหายเกิน 5 แสนบาท ตามที่ พ.ร.บ.คดีพิเศษระบุไว้
วันนี้ (27 ส.ค.) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ และ พ.ต.ท.วีรวัชร์ เดชบุญภา ผอ.ส่วนคดีทรัพย์สินทางปัญญา 3 ร่วมแถลงข่าวจับกุมนายสมชาย อรุณนำโชค อายุ 44 ปี พร้อมของกลางนาฬิกาปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อ แท็ก ฮอยเออร์ โรเล็กซ์ ปาเต๊ะ โอเมก้า ชาแนล คาร์เทียร์ และพรรณาราย รวมทั้งสิ้น 10,362 เรือน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมได้ภายในอาคารพานิชย์เลขที่ 460 ซอยมหาจักร แขวงและเขตสัมพันธวงศ์ ก่อนขยายผลตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 5/136 หมู่บ้านอิ่มอัมพร 2 แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน เบื้องต้นนายสมชายให้การรับสารภาพ ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ เคยถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจับกุมมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
ภายหลังการตรวจค้นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้แจ้งข้อกล่าวหาเสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการปลอมแปลงการค้าของผู้อื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
ทางด้าน พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า ในการจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการจับกลุ่มล็อตใหญ่ ซึ่งผู้ต้องหาที่จับได้เป็นเจ้าของสินค้าทั้งหมด เพราะเป็นการจับกุมภายในบ้านดังกล่าว ก่อนหน้านี้ทางดีเอสไอก็เคยจับกุมกลุ่มชาวจีนที่ร่วมกันปลอมแปลงสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์แบบนี้มาแล้ว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีการจับกุมดังกล่าวถือว่าเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากมูลค่าความเสียหายเกิน 5 แสนบาท ตามที่ พ.ร.บ.คดีพิเศษระบุไว้