xs
xsm
sm
md
lg

ครบ 3 ขวบปี พิพากษายกฟ้อง "คาร์บอมบ์" ลวง(บันลือ)โลก!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ตำรวจเข้าตรวจสอบรถต้องสงสัย
บทพิพากษา

"พิพากษาให้จำคุก ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ เป็นเวลา 4 ปี 6 เดือน ปรับ 3,000 บาท ให้จำคุกพ.ท.มนัส สุขประเสริฐ และ พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ หรือ เสธ.ตี๋ เป็นเวลา 6 ปี ปรับ 4,000 บาท ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ขณะกระทำการตามหน้าที่โดยไตร่ตรองไว้ก่อนให้ยกฟ้อง"

ย้อนอดีต

"อะไรนะพี่...คาร์บอมบ์ ใครว่ะจะฆ่านายกฯ...ได้ๆผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้"

เสียงน้องนักข่าวประจำโต๊ะข่าวอาชญากรรม รับโทรศัพท์ แล้วรีบบึ่งรถตรงไปยังสะพานซังฮี้ทันที แต่ทว่าก็ติดอยู่แค่นั้น เพราะถนนที่มุ่งหน้าสู่แยกบางพลัด ถูกปิดการจราจรโดยสิ้นเชิง น้องนักข่าวเจ้ากรรม ก็ต้องแบกกล้อง สะพายเป้ถ่อร่างเดินข้ามสะพานไปยังฝั่งธนบุรี เพราะพิกัดอยู่ที่ เชิงสะพานแยกบางพลัด มุ่งหน้าเข้าฝั่งพระนคร ช่วงคู่ขนานข้ามแยกใต้สะพาน ห่างจากบ้านพักจันทร์ส่องหล้า ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นประมาณ 400 เมตร

                                **********

09.00 น.ของวันที่ 24 ส.ค. 2549 พ.ต.อ.บุญเพ็ญ มั่งคั่ง ผกก.สน.บางพลัด รับรายงานเหตุพบรถต้องสงสัยจอดอยู่บริเวรเชิงสะพานลอยข้ามแยกบางพลัด ฝั่งขาเข้า ห่างจากบ้านพักพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นประมาณ 400 เมตร โดยรถต้องสงสัยคันดังกล่าว ผิดปกติรถต้องสงสัยทั่วไป พ.ต.อ.บุญเพ็ญ จึงรีบรายงานด่วนให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบถยนต์ยี่ห้อแดวู สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฐฉ-3085 จอดอยู่ในเลนขวา เปิดฝากระโปรงท้ายไว้โดยไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่ได้กันพื้นที่เป็น 2 ชั้น ชั้นแรกประมาณ 15-20 เมตร ชั้นสอง 150 เมตรไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้ และปิดการจราจรจากแยกบางพลัดฝั่งธน มุ่งหน้าฝั่งพระนคร โดยสิ้นเชิง

ในเบื้องต้น ตำรวจได้เข้าควบคุมตัว ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถคันดังกล่าวได้เพียงคนเดียว!

ขณะเดียวกัน การตรวจสอบรถต้องสงสัยคันดังกล่าวในที่เกิดเหตุ ตำรวจพบพบเป็นระเบิดทีเอ็นที 3 ลูก และปุ๋ยยูเรีย 2 ถุง จึงรีบประสานไปยังกองสรรพาวุธตำรวจให้เข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งก็พบว่า ภายในรถมีระเบิดทีเอ็นที 2 แท่ง ติดตั้งอยู่บริเวณเบาะหลังด้านขวา มีการต่อสายระโยงระยางไปยังแบตเตอรี่หน้ารถ ส่วนด้านหลังรถ พบแกลลอนสีเขียวบรรจุปุ๋ยยูเรียอยู่ 2 แกลลอน อีก 3 แกลลอนคาดว่าเป็นน้ำมัน ในขณะที่ถุงปุ๋ยพบว่าบรรจุทรายอยู่ทั้งหมด 15 ถุงด้วยกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าระเบิดดังกล่าวยังประกอบไม่เสร็จสิ้น ซึ่งหากเสร็จเรียบร้อย คาดว่าจะมีรัศมีการทำลายล้างสูงมาก!

ส่วนที่ตำรวจพบรถต้องสงสัยคันดังกล่าว เนื่องมาจาก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบ้านพักรักษาการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า รถคันดังกล่าวมาจอดค้างคืนไว้ในลักษณะผิดสังเกต จึงได้นำทะเบียนรถไปตรวจสอบและพบว่า เป็นทะเบียนปลอม จากนั้นได้เฝ้าดูรถคันดังกล่าวจนกระทั่งก่อนเกิดเหตุ มีชายต้องสงสัยสวมชุดซาฟารีสีน้ำเงิน สวมหมวกและใส่แว่นดำมาขับรถในลักษณะวนเวียน จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการตรวจสอบ และเข้าจับกุมคนขับรถไว้ได้

ทั้งนี้ รปภ.ของรักษาการนายกรัฐมนตรีระบุว่า รถคันดังกล่าวขับเข้าวนไปวนมา และเข้าออกภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพักรักษาการนายกรัฐมนตรีมาประมาณ 2 เดือนแล้ว โดยตำรวจพยายามตามสกัดจับมาตลอดระยะเวลาดังกล่าว ทว่าไม่สามารถติดตามจับกุมได้ และก่อนเกิดเหตุ เวลา 08.00 น. รถคันดังกล่าวได้เข้าไปในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ก่อนที่ขบวนรถของรักษาการนายกรัฐมนตรีจะออกจากบ้าน ตำรวจจึงพยายามสกัดจับอีกครั้ง โดยรถคันนั้นก็ซิ่งหลบหนี แต่ทว่า รปภ.ของรักษาการนายกรัฐมนตรี ซึ่งปลอมตัวเป็นคนขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่หน้าปากซอยได้ขี่รถจักรยานยนต์ติดตามออกมา และมาทันกันที่บริเวณจุดที่เกิดเหตุ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมไว้ได้

บทสืบสวนสอบสวน

"พี่ครับ...เขาเอาตัวคนขับรถที่เป็นทหารไปกองปราบแล้วครับ คอมมานโดมาไม่ต่ำกว่า 30 นายคุมตรึมครับพี่ เดี๋ยวผมตามไปนะครับ เห็นว่า น.1 (รหัสเรียกขานผู้บัญชาการตำรวจนครบาล) จะแถลงระเบิดที่พบในรถที่กองพลาธิการและสรรพาวุธ ถนนเศรษฐศิริ พี่ส่งใครไปก็แล้วกัน ผมไปกองปราบก่อน" น้องนักข่าวโทรศัพท์เข้ามารายงานเหตุการณ์ ในขณะที่ภายในกองบก.เช็กกันวุ่นว่า ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ เป็นใคร มาจากไหน สุดท้ายทราบว่า เป็นทหารสังกัดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) หมายเลขบัตรประจำตัว 3730107449117 มีหน้าที่เป็นนายทหารรับผิดชอบงานสารบรรณเกี่ยวกับปัญหาภาคใต้ กอ.รมน. นอกจากนี้ ยังพบว่า ในอดีตร.ท.ธวัชชัย เคยเป็นคนขับรถให้กับพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี รองผอ.กอ.รมน.(ในขณะนั้น)ด้วย 

                                **********

ที่กองปราบปราม นายตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง รอง ผบช.ก. เดินทางไปสอบปากคำร.ท.ธวัชชัย พร้อมออกมาระบุว่า ได้แจ้งข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองกับผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน ตลอดทั้งวันนายตำรวจระดับสูง และผู้เกี่ยวข้องหลายนาย เดินทางไปยังกองปราบปราม รวมทั้งพล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ออกมาระบุหลังตรวจจับรถคันดังกล่าวได้ว่า เป็นการลอบสังหารรักษาการนายกรัฐมนตรีแน่นอน!

ส่วนที่กองพลาธิการและสรรพาวุธ บช.น. พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังสี ผบช.น. พล.ต.ต. จรัมพร สุระมณี รองผบช.น. แถลงว่า วัตถุระเบิดที่ตรวจยึดได้ภายในรถ ประกอบด้วยซีโฟร์ น้ำหนัก 3.5 ปอนด์ ทีเอ็นที รวม 10.75 กิโลกรัม เชื้อปะทุไฟฟ้าทางทหาร M8 จำนวน 2 ดอก วงจรรีโมตคอนโทรล 1 ชุด สายฝักแค ระเบิด DEPCORD ยาวประมาณ 12.22 เมตร เชื้อปะทุชนวนจำนวน 4 ดอก เชื้อปะทุไฟฟ้า ทางทหาร ANFO AMMONIUM NITRATE FUEL OIL หนัก 17.33 กิโลกรัม กระสอบทรายจำนวน 4 กระสอบ โดยวัตถุระเบิดทั้งหมดที่พบในรถ เป็นที่น่าสังเกตว่า มีการใช้กระสอบทรายบังคับทิศทางระเบิด เพื่อให้แรงระเบิดออกไปทางซ้าย คือ ทางด้านถนน ขณะที่รถจอดอยู่ใต้สะพานข้ามแยกบางพลัด โดยจุดระเบิดด้วยวงจรรีโมตมีการต่อวงจรระเบิดแบบทหาร ซึ่งพร้อมที่จะระเบิดเมื่อกดรีโมตทันที โดยมีระเบิดทีเอ็นที และระเบิดซีโฟร์ มัดเป็นชุดๆ รวมกัน ซึ่งคาดว่าแรงระเบิดจะมีรัศมีไม่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร

“สำหรับจุดวิกฤตระยะใกล้ประมาณ 30-50 เมตร จะทำให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหายทั้งหมด ชนิดราบคาบเป็นหน้ากลอง ส่วนสะพานจะพังลงมาทั้งหมด โดยเชื่อว่าคนร้ายมีจุดประสงค์จะทำลายขบวนรถของนายกรัฐมนตรี ซึ่งใช้เส้นทางดังกล่าวผ่านทุกวัน” พล.ต.ท.วิโรจน์ยืนยันในการแถลงข่าวครั้งนั้น !

อีกทั้งในช่วงดึกคืนวันเดียวกันนั้น ภายหลังจาก ที่ข่าว"คาร์บอมบ์" หมายชีวิต"พ.ต.ท.ทักษิณ" แพร่สะพัดออกไป บ้างก็เชื่อ บ้างก็ไม่เชื่อ จนทำให้พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรรเภสัช ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกตร.ในขณะนั้น ต้องมามาแถลงกลางดึก เป็นการกระทำความจริงให้ปรากฏต่อสาธารณะชน โดยยืนยันในทำนองว่า เป็น"คาร์บอมบ์จริง" ไม่ใช่เป็นการจัดฉากของตำรวจ!

สีสันความเคลื่อนไหวของคดี

พ.ต.ท.ทักษิณ รักษาการนายกฯ เมื่อรู้ข่าวที่มีการจับกุมทหารขนระเบิดได้ ก็พูดจาเป็นตุเป็นตะฟันธงทันทีว่า ตัวเองจะถูกลอบสังหารแน่ เช่นเดียวกับบรรดาลิ่วล้อที่ออกมารับลูกจากนายตัวเองอีกหลายต่อหลายคน พร้อมทั้งไม่วายที่จะบอกว่า "เป็นเดชะบุญของท่านแท้ๆ ที่รอดจากการถูกปองร้ายมาได้ในครั้งนี้"

เท่านั้นไม่พอ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีคำสั่งปลดฟ้าผ่า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี รอง ผอ.กอ.รมน.ทันที เนื่องจาก ร.ท.ธวัชชัย เคยเป็นคนขับรถของ พล.อ.พัลลภ มาก่อน โดยตัว พล.อ.พัลลภ เองก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แถมยังบอกอย่างชัดเจนอีกว่า หากจะทำต้องเนียนกว่านี้ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่รอดมือเขาไปแน่

                                **********

การสืบสวนสอบสวนของตำรวจ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ก็ปรากฏข่าวระบุว่า ยังมีนายทหารอีกจำนวนหนึ่ง เข้าร่วมขบวนการ"คาร์บอมบ์"ในครั้งนี้ จนในที่สุดเมื่อวันที่ 4 ก.ย. ตำรวจได้ออกหมายเรียก พล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ, พ.อ.สุรพล สุขประดิษฐ์, พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ และ จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ ทั้งหมดช่วยราชการกอ.รมน. มารับทราบข้อกล่าวหาพยายามฆ่า"ทักษิณ" ซึ่งต่อมา จ.ส.อ.ชาคริต หรือจ่ายักษ์ ก็ดอดเข้ามอบตัวกับตำรวจที่กองปราบปรามเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 6 ก.ย. จนกระทั่งเช้าวันที่ 9 ก.ย. ตำรวจได้คุมตัว"จ่ายักษ์" ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ภายในบน.6 กองทัพอากาศ จุดที่ตำรวจเชื่อว่าจะใช้เป็นที่สังหารพ.ต.ท.ทักษิณ ระหว่างเดินทางไปขึ้นเครื่องอีกจุดหนึ่ง 

                                **********

น้องนักข่าวที่เกาะติดคดีลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ โทรศัพท์เข้ามาที่โต๊ะข่าวอาชญากรรมอีกครั้ง "ทำแผนเสร็จแล้วพี่...ดูจ่ายักษ์มันต๊องๆว่ะพี่...อ้าวไม่เชื่อเหรอ.. เดี๋ยวพี่ดูรูปแล้วกัน เดี๋ยวผมส่งเข้าไปให้ มันแต่งตัวเหมือนพวกนักร้องเพลงแร็พ สวมหมวกด้วยพี่ ผมว่าต๊องว่ะ...สงสัยฤคาร์บ๊องส์"ชัวร์"...คำพูดของน้องนักข่าว ไปสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ออกมาระบุว่า "จ่ายักษ์ ติ๋งต๊องชอบทำตัวเป็นผู้ร้ายในหนังฝรั่ง โกนหัว ทำท่าทาง และแต่งตัวเป็น แร็พ "

ทั้งนี้ การดำเนินคดีดังกล่าว ต้องมาสะดุดลงทันทีที่มีการทำรัฐประหารในคืนวันที่ 19 ก.ย.2549 จนคดีหยุดชะงัก พนักงานสอบสวนแทบจะไม่ได้ทำงานกันต่อเพราะต้องรอดูท่าทีของผู้ใหญ่ รวมไปถึง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ซึ่งตอนนั้นเข้าไปร่วมอยู่ในคณะปฏิรูปฯด้วย 

                                **********

การสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินไปจนสมบูรณ์อีกครั้งเมื่อวันที่ 13 พ.ย.2549 พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ตัดสินใจ ลงนามในสำนวนส่งฟ้องคดีและส่งให้กับพนักงานอัยการศาลทหารในการฟ้องผู้ต้องหา 4 คนประกอบด้วย พล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ, พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์, พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ และ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ จำนวน 6 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, 2.ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะทำตามหน้าที่โดยไตร่ตรองไว้ก่อน, 3.ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, 4.ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, 5.ร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม และ 6.อั้งยี่ซ่องโจร ซึ่งพนักงานสอบสวนได้นำสำนวนคดีส่งให้พนักงานอัยการศาลทหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"ส่วนจ.ส.อ.ชาคริต จันทระ หรือจ่ายักษ์ หนึ่งในผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนมีคำสั่งไม่ฟ้อง โดยจะกันตัวไว้เป็นพยานในคดี"

บทสรุป

8 มี.ค.2550 พนักงานอัยการทหารมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 3 คน คือ พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์, พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ และ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ เพียง 4 ข้อหา คือ ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และศาลทหารมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2552 เป็นเวลาร่วม 3 ปีบริบูรณ์ ปิดฉากคดี"คาร์บอมบ์" สะท้านเมืองในครั้งนั้น อย่างที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่า เหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่ใช่"คาร์บอมบ์"หมายสังหารนายกรัฐมนตรี แต่เป็นคาร์บ๊องส์ ลวงโลก เรียกศรัทธา เรียกความสงสารให้กับรักษาการนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นที่ว่ากันว่าคะแนนนิยมกำลังตกฮวบ 

                               **********
"พี่..พี่ครับ ศาลทหารยกฟ้องข้อหาลอบสังหารทักษิณว่ะพี่ แต่ให้จำคุก คดีพกพาวัตถุระเบิดแทน ผมบอกพี่แล้ว มัน"คาร์บ๊องส์"ชัดๆ" 

                               **********
รถยนต์ยี่ห้อแดวู สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฐฉ-3085 กทม.
เข้าเก็บกู้วัตถุระเบิดในรถ

 ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ
ตำรวจพร้อมอาวุธครบมือ ต้องหิ้วปีกร.ท.ธวัชชัย ออกมาจากห้องสอบสวนที่กองปราบปราม
พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ
ส่วนจ.ส.อ.ชาคริต จันทระ หรือจ่ายักษ์ ถูกคุมตัวไปทำแผนที่บน.6 ภายในกองทัพอากาศ
กำลังโหลดความคิดเห็น