xs
xsm
sm
md
lg

คำถามเก่าๆในเวียดนาม: “จะจอดเครื่องบินที่ไหน?"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 <bR><FONT color=#cc00CC>ที่ไม่พอจอด-- ภาพถ่ายวันที่ 25 ก.พ.2552 บริเวณลานจอดท่าอากาศยานโนยบ่าย (Noi Bai) กรุงฮานอย มองดูเวิ้งว้างจากมุมนี้ แต่พื้นที่เกือบทั้งหมดเป็นของกองทัพอากาศซึ่งจำเป็นจะต้องใช้ ปัจจุบันเหลือที่ราว 185 ไร่ สำหรับสร้างทางวิ่งให้ยาวขึ้นรองรับโบอิ้ง 787 กับแอร์บัส A380 ในอนาคตอันใกล้ และ มีที่จอดสำหรับเครื่องบิน 88 ลำในระยะยาวข้างหน้า.

ASTVผู้จัดการออนไลน์-- สายการบินแห่งชาติเวียดนามกับบริษัทลูกกำลังเร่งจัดซื้อเครื่องบินโดยสาร ในโครงการพัฒนายกระดับขึ้นเป็นสายการบินใหญ่อันดับต้นๆ ในอนุภูมิภาคในอีกไม่กีปีข้างหน้า และ เครื่องบินที่สั่งซื้อเมื่อหลายปีก่อนก็จะทยอยส่งมอบตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งรวมทั้งขนาดใหญ่โบอิ้ง 787-9 ด้วย คำถามเก่าๆ จึงผุดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

"แล้วจะเอาเครื่องบินไปจอดที่ไหน?"

ทันทีที่ข่าวการประกาศซื้อเครื่องบินลอตใหม่จำนวน 20 ลำ เมื่อวันอังคาร (16 มิ.ย.) ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินได้ออกเตือนอย่างทันท่วงที โดยชี้ให้เห็นว่าเวียดนามจะประสบปัญหาเรื่องที่สำหรับจอดเครื่องบินอย่างมากตั้งแต่ปี 2553 นี้เป็นต้นไป

ปัจจุบันสายการบินเวียดนามมีเครื่องบินใช้งานได้จริงเพียง 46 ลำ แต่ในปีหน้านี้จำนวนจะเพิ่มขึ้นกว่า 10 ลำ และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีจนเป็นประมาณ 85 ลำในปี 2558 หรือ อีก 6 ปีข้างหน้า

แต่ไม่ได้มีแค่เครื่องบินของเวียดนามแอร์ไลนส์เท่านั้น ที่นั่นยังมีสายการบินอื่นๆ อีก 3 แห่งและแห่งที่ 4 มีกำหนดขึ้นบินในเดือน ต.ค.ศกนี้ ทุกสายการบินล้วนมีโครงการจัดซื้อหรือจัดเช่าเครื่องบินเพิ่มเติมทั้งสิ้น

สายการบินต้นทุนต่ำ "เจ็ตสตาร์แปซิฟิก" (JetStar Pacific) ที่สายการบินแควนตัส (Qantas) ของออสเตรเลียถือหุ้นอยู่ด้วย มีแผนจะซื้อเครื่องบินเพิ่มปีละ 5 ลำ และจะมีทั้งหมด 30 ลำภายในปี 2557

วาสโกแอร์ (VASCO) ซึ่งเป็นสายการบินแบบเช่าเหมาลำและรับขนส่งสินค้า เป็นบริษัทลูกของเวียดนามแอร์ไลนส์ ก็กำลังจะซื้อหรือเช่าเครื่องบินเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง
<br><FONT color=#cc00cc>ภาพถ่ายวันที่ 25 ก.พ.2552 ถัดจากอาคารผู้โดยสาร จะเห็นความเวิ้งว้างทางทิศใต้ของท่าอากาศยานโนยบ่าย ปี 2550 แอร์บัส A380 เคยลงจอดที่นี่ เมื่อรันเวย์จะขยายออกไปทางใต้เครื่องบินขนาดใหญ่จะขึ้นลงสะดวกยิ่งขึ้น และมีที่จอดเพิ่มขึ้น</FONT></br>
ส่วนสายการบินเวียตเจ็ต (VietJet) ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำที่เอกชนถือหุ้น 100% แห่งแรกของประเทศ มีแผนการจะจัดซื้อและเช้าเครื่องบินใช้งานจำนวน 10 ลำ ในปีหน้า

นอกจากนั้นสายการบินของต่างชาติที่บินเข้าออกเวียดนามก็ล้วนแต่ต้องการที่จอด ยิ่งมากก็ยิ่งจะต้องมีสถานที่กว้างขวางขึ้น เรื่องนี้จะกลายเป็นปัญหาที่ร้อนระอุถ้าหาก อุตสาหกรรมการบินกลับฟื้นคืนมาเป็นปกติและทวีความคึกคักอีกครั้งหนึ่งในปีหน้า หรือ ในช่วงหลังวิกฤติ

ปัจจุบันมีสนามบินใหญ่น้อยจำนวน 22 แห่งทั่วประเทศ เป็นท่าอากาศยานนานาชาติ 5 แห่ง อีก 17 แห่งเป็นสนามบินที่ใช้ภายในประเทศ

สนามบินส่วนใหญ่อยู่ในภาคใต้ เก่าแก่และมีสภาพที่เสื่อมโทรมต้องฟื้นฟูบูรณะตลอดเวลา เนื่องจากสร้างมาตั้งแต่ยุคสงครามโดยกองทัพสหรัฐฯ สำหรับภาคเหนือมีท่าอากาศยานโนยบ่าย (Noi Bai) กรุงฮานอย เป็นศูนย์กลางสร้างขึ้นตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 เพื่อใช้เป็นฐานทัพอากาศป้องกันเมืองหลวง

ไม่กี่ปีมานี้อุตสาหกรรมการบินในเวียดนามขยายตัวรวดเร็วมาก แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ปัญหาที่จอดเครื่องบินในขณะนี้อาจจะยังไม่ยุ่งยากเท่าไร เนื่องจากสายการบินต่างชาติจะไม่จอดค้างคืนในเวียดนาม แต่วันข้างหน้าไม่แน่ สถานการณ์จะหนักหน่วงรุนแรงที่สุดหลังปี 2558

**ไปจอดสนามบินใกล้ๆ ได้ไหม?**

ที่ผ่านมามีผู้ถามคำถามข้างบนนี้จำนวนมาก ด้วยเข้าใจว่าเครื่องบินจะไปจอดที่ไหนก็ได้ ขอให้เป็นที่โล่งๆ ก็พอแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถหาที่หาทางได้
<br><FONT color=#cc00cc>ภาพจากเว็บไซต์ มองจากภายในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานโนยบ่ายเห็นแอร์บัส A321 ของเวียดนามจอดอยู่ มองจากมุมนี้จะเห็นความคับแคบทางทิศเหนือ ที่มุมบนซ้ายพอมองเห็นโรงจอดเครื่องบินกองทัพอากาศที่อยู่ไม่ไกล ที่นี่ขยายด้านกว้างไม่ได้อีก </FONT></br>
ถึงแม้หลายปีมานี้จะมีการพัฒนาขยับขยาย มีการสร้างถาวรวัตถุ และติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่ท่าอากาศยานโนยบ่ายกับเตินเซินเญิ๊ต (Tan Son Nhat) ในนครโฮจิมินห์ แต่ท่าอากาศยานหลักทั้งสองแห่งของประเทศก็คับคั่งอยู่ตลอดเวลา ไม่มีที่พอจะจอดเครื่องบินได้มากกว่านี้อีกแล้ว

นายลายซวนแถ่ง (Lai Xuan Thanh) รองผู้อำนวยการองค์การบริหารการบินพลเรือนแห่งเวียดนาม หรือ CAAV (Civil Aviation Administration of Vietnam) กล่าวถึงเรื่องนี้กับ "เวียดนามนิกส์" ฉบับวันพุธ

สำหรับเตินเซินเญิ๊ตปัจจุบันมีที่จอดพอดีๆ กับ 145 เที่ยวบินที่บินขึ้นและลงในแต่ละวัน ส่วนโนยบ่ายมีที่จอดเพียง 12 สลอต สำหรับเครื่องบินที่บินขึ้นลงวันละ 85 เที่ยว เพราะฉะนั้นทางแก้เฉพาะหน้าก็คือ ต้องไปหาที่ลงจอดในสนามบินอื่นๆ ที่ใกล้ที่สุด

เจ้าหน้าที่ CAAV อีกผู้หนึ่งได้เสนอว่า สายการบินต่างๆ ควรจะคิดเรื่องนี้เอาไว้ล่วงหน้าและจัดเตรียมแต่เนิ่นๆ เช่น สนามบินเกิมแร็ง (Cam Ranh) ทางตอนใต้ของเมืองญาจาง (Nha Trang) จ.แค๊งหว่า (Khan Hoa) หรือ สนามบินจูลาย (Chu Lai) ที่อยู่ไกลออกไปอีกราว 1,000 กิโลเมตรใน จ.กว๋างหงาย (Quang Ngai) ทางภาคกลาง

เกิมแร็ง หรือ “คัมรานห์” เป็นฐานทัพเรือกับฐานทัพอากาศเก่ากองทัพสหรัฐฯ
<br><FONT color=#cc00cc>ภาพถ่ายวันที่ 25 ก.พ.2552 แอร์บัส A321 ของเวียดนามจอดส่งผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานกรุงฮานอย ปีหน้าจะต้องมีที่จอดสำหรับเครื่องบินขนาดใหญ่คือโบอิ้ง 787 ซึ่งจะเริ่มส่งมอบกันตั้งแต่ต้นปี อีก 3-5 ปีจะมีแอร์บัส A380 กับ A350 ไปลงจอดสมทบอีก</FONT></br>
ผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่งกล่าวว่า ในประเทศพัฒนาแล้ว สายการบินหลักจะไม่จอดในนครใหญ่ที่คับคั่ง เช่น อเมริกันแอร์ไลนส์ของสหรัฐฯ จะตั้งศูนย์การบินที่ท่าอากาศยานนครดัลลาส รัฐเท็กซัส ไม่ใช่ในนครนิวยอร์ก หรือวอชิงตันดีซี

เพราะฉะนั้นสายการบินเวียดนามจะต้องวางแผนเกี่ยวกับฐานที่ตั้ง เพื่อใช้เป็นศูนย์อำนวยการและปฏิบัติการ แต่เนิ่นๆ หรือ ถ้าหากเวียดนามแอร์ไลนส์ประกาศจับจองท่าอากาศยานเตินเซินเญิ๊ต สายการบินอื่นๆ ก็ควรจะโยกไปอยู่ที่เกิมแร็ง หรือ จูลาย

** ท่าอากาศยานนานาชาติ 10 แห่ง **

ในภาพรวมเวียดนามกำลังเร่งพัฒนายกระดับ หรือก่อสร้างสนามบินอีกหลายแห่ง เพื่อให้มีท่าอากาศยานนานาชาติรวมกันเป็นอย่างน้อย 10 แห่ง ในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งรวมทั้งสนามบินลองแถ่งด้วย

ตามแผนการอันทะเยอทะยานนั้น เวียดนามจะต้องลงทุนราว 5,000 ล้านดอลลาร์ สร้างสนามบินยักษ์ ในเนื้อที่กว่า 5,000 เฮกตาร์ (กว่า 31,000 ไร่) ซึ่งว่ากันว่าเมื่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ จะรับผู้โดยสารได้ถึงปีละ 100 ล้านคน และ ถึงวันนั้นเตินเซินเญิ๊ต ก็จะกลายเป็น “ฮับ” (Hub) ของสายการบินต้นทุนต่ำ

ต้นปี 2552 มีการเปิดใช้ท่าอากาศยานนครเกิ่นเทอ (Can Tho) ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง หลังปรับ การปรับปรุงในเฟสแรก ทำให้โบอิ้งกับแอร์บัสขึ้นลงได้เป็นครั้งแรก นอกจากนั้นการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่บนเกาะฟุก๊วก (Phu Quoc) เริ่มขึ้นแล้ว เพื่อรับเครื่องบินโดยสารจากทั่วโลกภายในปี 2563

เรื่องนี้รวมอยู่ในแผนแม่บทพัฒนาเกาะใหญ่ในอ่าวไทย เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและบริการระดับอนุภูมิภาค ที่ประกาศเมื่อปี 2548
<br><FONT color=#cc00cc>แผนที่แสดงตำแหน่งที่ตั้งท่าอากาศยานนานาชาติในเวียดนาม เมื่อปีที่แล้วกำหนดเอาไว้ 9 จุด ปีนี้เพิ่มเป็น 10 การท่าอากาศยานเตือนให้สายการบินในประเทศทั้ง 5 แห่งหาฐานปฏิบัติการของตัวเอง แทนการกระจุกอยู่สนามบินฮานอยกับโฮจิมินห์ </FONT></br>
ในภาคกลางปัจจุบันมีท่าอากาศยานนานาชาติ 2 แห่ง คือ สนามบินนครด่าหนัง (Danang) กับสนามบินฝูบ่าย (Phu Bai) นครเหว (Hue) ทั้งสองแห่งนี้ จะยกระดับให้เป็นสนามบินขนาดใหญ่ โบอิ้ง 747 หรือแอร์บัส A330 ขึ้นลงได้

ขณะเดียวกันก็กำลังมีการยกระดับสนามบินขนาดเล็กในย่านนี้อีก 2 แห่งที่จูลาย ในเขตอุตสาหกรรม จ.กว๋างหงาย (Quang Ngai) กับเกิมแร็งใน แหล่งท่องเทียวชายทะเลสำคัญในภาคกลางตอนล่าง เมื่อการพัฒนาแล้วเสร็จโบอิ้ง 747 หรือ แอร์บัส A330 จะสามารถบินขึ้นลงได้เช่นกัน


**จุดอ่อนของสนามบินปัจจุบัน**

นายฝั่มหง็อกมีง (Pham Ngoc Minh) ผู้อำนวยการใหญ่เวียดนามแอร์ไลนส์กล่าวว่า ที่ผ่านมาการพัฒนาท่าอากาศยานมุ่งไปที่การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารเพิ่ม แต่ไม่มีแห่งใดที่เห็นความสำคัญของลานจอด หรือสถานีจอด แต่เจ้าหน้าที่บริษัทการท่าอากาศยานกล่าวว่า ไม่มีสถานที่เพียงพอที่จะขยายลานจอดออกไปอีก

เมื่อเริ่มก่อสร้างกว่า 30 ปีก่อน ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงไซ่ง่อนเมื่อก่อน ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 8 กม. ปัจจุบันเมืองได้ขยายออกไปโอบล้อมไว้ในทุกด้าน นอกจากนั้นพื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นของกระทรวงกลาโหม ซึ่งสงวนไว้สำหรับฐานทัพอากาศ
 <bR><FONT color=#cc00CC>ภาพจากเว็บไซต์ ท่าอากาศยานโฮจิมินห์คับคั่งอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะมีอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 (ไกลออกไป) แล้วก็ตาม ที่นี่หมดทางขยายเนื่องจากตัวเมืองโอบล้อมไว้ทุกทาง </FONT></bR>
อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้รัฐบาลได้ตัดสินใจอนุมัติให้ขยายท่าอากาศยานนครโฮจิมินห์ออกไปได้อีก 30 เฮกตาร์ (187.5 ไร่) ซึ่งอาจจะจอดเครื่องบินได้อีกประมาณ 50 ลำ แต่ก็ยังอีกหลายปีก่อนการจะถึงวันนั้น

ขณะเดียวกันในปี 2564 สนามบินลองแถ่ง (Long Thanh) ที่ใหญ่โตกว่าเตินเซินเญิ๊ตหลายเท่าตัว ก็จะเปิดให้บริการ ปัญหาต่างๆ ก็จะได้รับการแก้ไข แต่นั่นก็คือต้องรออีก 12 ปี เป็นอย่างเร็ว

ส่วนที่โนยบ่ายซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองราว 40 กม. พอจะมีที่ทาง แต่ที่เหลืออยู่เกือบทั้งหมดก็เป็นของกองทัพอากาศ เพราะที่นั่นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นฐานทัพป้องกันเมืองหลวง ไม่มีที่อื่นใดจะเหมาะสมยิ่งกว่านี่อีกแล้ว สำหรับฐานทัพอากาศหลัก

การท่าอากาศยานภาคเหนือ (Northern Airport Authority) ได้เริ่มขยายลานจอดที่ท่าอากาศยานโนยบ่าย มาตั้งแต่ปี 2551 เมื่อแล้วเสร็จอีก 2 ปีข้างหน้า จะจอดเครื่องบินขนาดใหญ่ระดับแอร์บัส A380 กับโบอิ้ง 787 ได้ประมาณ 5 ลำ สำหรับของสายการบินเวียดนามและสายการบินต่างประเทศ
<br><FONT color=#cc00cc>ภาพจากเว็บไซต์ปี 2550 ท่าอากาศยานเตินเซินเญิ๊ตยังมีการก่อสร้างขยาย โบอิ้ง 737-400 ของแปซิฟิกแอร์ไลนส์ถูกกั้นให้จอดห่างจากอาคารผู้โดยสาร มองไปทางไหนก็คับแคบไปหมด ที่นี่เครื่องบินขึ้นลงวันละกว่า 180 เที่ยว </FONT></br>
ปีที่แล้วสนามบินโนยบ่ายรับผู้โดยสาร 7 ล้านคน รัฐบาลมีแผนการขยายรันเวย์ ให้แอร์บัส A380 กับโบอิ้ง 787 ขึ้นลงได้สะดวก มีลานจอดสำหรับเครื่องบิน 88 ลำ และ เมื่อก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหมายเลข 2, 3 และ 4 แล้วเสร็จจะรับผู้โดยสารได้ 50 ล้านคนต่อปี

ระบบแอร์พอร์ตลิงค์เข้าตัวเมืองจะแล้วเสร็จในอีก 5 ปีข้างหน้า แต่การขยายสนามบินจะยังดำเนินต่อไปอีกกว่า 10 ปี

นายหวูฝั่มเงวียนตุ่ง (Vu Phan Nguyen Tung) ผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารท่าอากาศยาน (Airport Management Board) ในสังกัด CAAV กล่าวว่า การหานักลงทุนทำท่าอากาศยานเป็นเรื่องยากมาก ในประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ก็ไม่ต่างกัน

ประเทศไทยใช้เวลาถึง 20 ปีในการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แทนท่าอากาศยานดอนเมือง โดยต้องใช้งบประมาณของรัฐและเงินกู้ของภาครัฐ.
กำลังโหลดความคิดเห็น