เด็กน้อย 9 ขวบ กินลำไยหลุดติดหลอดลม แพทย์ยื้อชีวิตไว้ได้ แต่อาการยังน่าห่วง ขาดอุปกรณ์ที่จะนำเมล็ดลำไยที่ติดอยู่บริเวณหลอดลมของปอดออกได้ แพทย์ระบุหากไม่รีบนำออกมาจะลุกลามทำให้ปอดเน่าถึงขั้นเสียชีวิตได้ หลังประสาน 13 รพ.ที่มีเครื่องมือทันสมัย เพื่อย้ายคนไข้ แต่ปฏิเสธเตียงเต็ม ล่าสุดได้ย้ายคนไข้ไปทำการรักษาที่ รพ.จุฬาฯ แล้ว
วันนี้ (12 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีเด็กกินลำไยเมล็ดติดหลอดลม เข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระราม 2 จึงไปตรวจสอบก็พบว่า แพทย์กำลังช่วยกันปั๊มหัวใจ ด.ญ.พรรษา สายสิงห์ หรือ “น้องสา” อายุ 9 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98/22 หมู่ 7 ชั้น 2 การเคหะบางบอน แขวงและเขตบางบอน ซึ่งถูกเมล็ดลำไยหลุดเข้าไปอุดอยู่ในหลอดลมจนสามารถยื้อชีวิตไว้ได้ แต่ในเบื้องต้นที่โรงพยาบาลแห่งนี้ไม่มีเครื่องมือดึงเมล็ดลำไยออก จึงต้องให้ ด.ญ.พรรษา นอนรอดูอาการจนกว่าจะติดต่อสถานพยาบาลที่ทันสมัยกว่ารับตัวไปรักษาต่อได้
จากการสอบถาม นางยุพา สายสิงห์ อายุ 59ปี แม่ค้าขายโจ๊กและเป็นยายของ น้องสา เล่าว่า พ่อและแม่ของ ด.ญ.พรรษา ได้เลิกรากันและทิ้งน้องสาไว้ให้ตนเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็กๆ โดยปัจจุบันตนส่งเสียหลานสาวจนเรียนถึงชั้น ป.3 โรงเรียนศาลเจ้านุกูล และก่อนจะเกิดเหตุตนได้ไปซื้อเงาะ กับลำไย มาเก็บไว้ที่บ้านให้ ด.ญ.พรรษา กินในช่วงวันหยุด จนกระทั่งช่วงสายวันนี้เห็นหลานเอาลำไยมากิน จากนั้นก็ได้ยินเสียงไอเหมือนมีอะไรติดคอ สักพักหลานก็บอกว่า เมล็ดลำไยติดอยู่ และรู้สึกหายใจไม่ออก จึงเรียกเพื่อนบ้านให้มาช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลพระราม 2 โดยขณะกำลังเรียกแท็กซี่นั้น หลานตนก็สลบนิ่งไปจนกระทั่งมาถึงโรงพยาบาล แพทย์จึงรีบช่วยกันยื้อชีวิตเอาไว้ได้
ด้าน นพ.พีระ คณานุวัฒน์ แพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระราม 2 เปิดเผยว่า ได้รับตัว ด.ญ.พรรษา เข้ามาพบว่า มีอาการหัวใจและชีพจรหยุดเต้น ทางคณะแพทย์ จึงได้นำเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อปั๊มหัวใจจนมีอาการตอบสนองและปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องให้ออกซิเจนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งปัญหาคือเมล็ดลำไย ยังติดอยู่ที่บริเวณหลอดลมของปอด กลีบทางด้านซ้ายและยังไม่สามารถนำออกมาได้ เพราะเราขาดอุปกรณ์ทางเราจึงได้ประสานไปยังโรงพยาบาลต่างๆ กว่า 13 แห่ง ทั่วกรุงเทพฯ แล้วเพื่อจะดำเนินการส่งผู้ป่วยไปทำการรักษาแต่ทุกที่อ้างว่าขณะนี้เตียงเต็ม ไม่สามารถรับ ด.ญ.พรรษา เข้าไปรักษาตัวได้
นพ.พีระ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ ถ้าไม่สามารถนำเมล็ดลำไยที่ติดอยู่ออกมาได้ จะทำให้เมล็ดลำไยที่ติดค้างอยู่เกิดการเน่าเสีย และลุกลามจนทำให้ปอดเน่า จนเป็นสาเหตุทำให้คนไข้เสียชีวิตในที่สุด ก็เลยจึงอยากวิงวอนให้โรงพยาบาลที่ทันสมัย และมีเครื่องมือในการคีบเมล็ดลำไยออกจากหลอดลม ช่วยติดต่อมาเพื่อรับตัวคนไข้ไปทำการรักษาอย่างเร่งด่วนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ได้ส่งตัว น้องสา ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ตึก สก.แล้ว
วันนี้ (12 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีเด็กกินลำไยเมล็ดติดหลอดลม เข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระราม 2 จึงไปตรวจสอบก็พบว่า แพทย์กำลังช่วยกันปั๊มหัวใจ ด.ญ.พรรษา สายสิงห์ หรือ “น้องสา” อายุ 9 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98/22 หมู่ 7 ชั้น 2 การเคหะบางบอน แขวงและเขตบางบอน ซึ่งถูกเมล็ดลำไยหลุดเข้าไปอุดอยู่ในหลอดลมจนสามารถยื้อชีวิตไว้ได้ แต่ในเบื้องต้นที่โรงพยาบาลแห่งนี้ไม่มีเครื่องมือดึงเมล็ดลำไยออก จึงต้องให้ ด.ญ.พรรษา นอนรอดูอาการจนกว่าจะติดต่อสถานพยาบาลที่ทันสมัยกว่ารับตัวไปรักษาต่อได้
จากการสอบถาม นางยุพา สายสิงห์ อายุ 59ปี แม่ค้าขายโจ๊กและเป็นยายของ น้องสา เล่าว่า พ่อและแม่ของ ด.ญ.พรรษา ได้เลิกรากันและทิ้งน้องสาไว้ให้ตนเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็กๆ โดยปัจจุบันตนส่งเสียหลานสาวจนเรียนถึงชั้น ป.3 โรงเรียนศาลเจ้านุกูล และก่อนจะเกิดเหตุตนได้ไปซื้อเงาะ กับลำไย มาเก็บไว้ที่บ้านให้ ด.ญ.พรรษา กินในช่วงวันหยุด จนกระทั่งช่วงสายวันนี้เห็นหลานเอาลำไยมากิน จากนั้นก็ได้ยินเสียงไอเหมือนมีอะไรติดคอ สักพักหลานก็บอกว่า เมล็ดลำไยติดอยู่ และรู้สึกหายใจไม่ออก จึงเรียกเพื่อนบ้านให้มาช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลพระราม 2 โดยขณะกำลังเรียกแท็กซี่นั้น หลานตนก็สลบนิ่งไปจนกระทั่งมาถึงโรงพยาบาล แพทย์จึงรีบช่วยกันยื้อชีวิตเอาไว้ได้
ด้าน นพ.พีระ คณานุวัฒน์ แพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระราม 2 เปิดเผยว่า ได้รับตัว ด.ญ.พรรษา เข้ามาพบว่า มีอาการหัวใจและชีพจรหยุดเต้น ทางคณะแพทย์ จึงได้นำเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อปั๊มหัวใจจนมีอาการตอบสนองและปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องให้ออกซิเจนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งปัญหาคือเมล็ดลำไย ยังติดอยู่ที่บริเวณหลอดลมของปอด กลีบทางด้านซ้ายและยังไม่สามารถนำออกมาได้ เพราะเราขาดอุปกรณ์ทางเราจึงได้ประสานไปยังโรงพยาบาลต่างๆ กว่า 13 แห่ง ทั่วกรุงเทพฯ แล้วเพื่อจะดำเนินการส่งผู้ป่วยไปทำการรักษาแต่ทุกที่อ้างว่าขณะนี้เตียงเต็ม ไม่สามารถรับ ด.ญ.พรรษา เข้าไปรักษาตัวได้
นพ.พีระ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ ถ้าไม่สามารถนำเมล็ดลำไยที่ติดอยู่ออกมาได้ จะทำให้เมล็ดลำไยที่ติดค้างอยู่เกิดการเน่าเสีย และลุกลามจนทำให้ปอดเน่า จนเป็นสาเหตุทำให้คนไข้เสียชีวิตในที่สุด ก็เลยจึงอยากวิงวอนให้โรงพยาบาลที่ทันสมัย และมีเครื่องมือในการคีบเมล็ดลำไยออกจากหลอดลม ช่วยติดต่อมาเพื่อรับตัวคนไข้ไปทำการรักษาอย่างเร่งด่วนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ได้ส่งตัว น้องสา ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ตึก สก.แล้ว