หมอจุฬาฯ เฉียบช่วยเด็ก 9 ขวบ เม็ดเงาะติดคอ หมดสติหยุดหายใจนานกว่า 5 นาที รอดปาฏิหาริย์ แพทย์ใช้เครื่องมือคีบเม็ดผลไม้ที่หล่นไปติดหลอดลมได้ หมอแถลงอาการดีขึ้น จำลุงมาเยี่ยมได้ รอ 2 วันออกไอซียู
จากกรณี ด.ญ.พรรษา สายสิงห์ หรือ “น้องสา” อายุ 9 ปี นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนศาลเจ้านุกูล กินเงาะไปแล้วเม็ดเกิดหลุดลงไปติดที่หลอดลม ทำให้ยายต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลพระราม 2 จนน้องสาเกิดหมดสติและหยุดหายใจไปนานกว่า 5 นาที ซึ่งทีมแพทย์ได้รีบนำตัวเข้าห้องไอซียูพร้อมทั้งปั๊มหัวใจจนช่วยเหลือชีวิตเอาไว้ได้หวุดหวิด แต่เม็ดผลไม้ยังติดอยู่ที่ปอดกลีบทางด้านซ้าย ซึ่งทีมแพทย์ก็ได้เร่งประสานหาโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือทันสมัยช่วยเหลือคีบเม็ดลำไยออกมา จนภายหลังโรงพยาบาลจุฬาฯ ได้รับตัวไปรักษาต่อเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (12 ส.ค.) นั้น
ความคืบหน้า วันนี้ (13 ส.ค.) เวลา 11.30 น.ที่ห้องประชุมชั้น 10 ตึก สก. โรงพยาบาลจุฬาฯ รศ.นพ.ธีระพงศ์ เจริญวิทย์ รอง ผอ.ฝ่ายบริหาร ผศ.นพ.ดุสิต วีระไวทยะ ศัลยแพทย์ รศ.พญ.นวลจันทร์ ปราบพาล ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินหายใจ ร่วมกันแถลงความคืบหน้าอาการของ ด.ญ.พรรษา อีกครั้ง
รศ.นพ.ธีระพงศ์ เปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลจุฬาฯ ได้รับการติดต่อประสานผ่านทางวิทยุ จส.100 เพื่อรับตัวคนไข้ จากโรงพยาบาลพระราม 2 ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 18.00 น.ของเมื่อวานนี้ (12 ส.ค.) จากนั้นก็ได้นำตัวเข้าทำการรักษาเป็นการด่วนในห้อง ICU ตั้งแต่เวลา 23.00 น. จากนั้นได้ใช้กล้องส่องดูในหลอดลม พบเม็ดผลไม้ค้างอยู่ในหลอดลมด้านขวาจึงได้ทำการคีบออกมา เบื้องต้นเข้าใจว่าเป็นเม็ดของเงาะ แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจน ต้องรอสอบถามคนไข้ตัวอีกครั้งว่ากินผลไม้ชนิดใดเข้าไป
รศ.นพ.ธีระพงศ์ กล่าวต่อว่า หลังจากคีบเอาเม็ดผลไม้ออกมาแล้วก็ได้นำคนไข้ไปพักรักษาต่อยังห้องพักผู้ป่วย ICU ชั้น 8 แผนกกุมารเวช โดยใช้เครื่องช่วยหายใจทั้งคืน จนในช่วงเช้าที่ผ่านมาคนไข้มีอาการดีขึ้น ทางคณะแพทย์ผู้ทำการรักษาจึงลดการใช้เครื่องช่วยหายใจลง หลังจากนั้นนายสมปอง สายสิงห์ ผู้เป็นลุงมาเยี่ยม คนไข้ก็จำได้ พร้อมบอกว่าอยากให้เอาเครื่องช่วยหายใจออก ซึ่งแพทย์ก็ได้ประเมินแล้วคนไข้มีอาการดีขึ้น ไม่มีผลข้างเคียงจากการหยุดหายใจไป 5 นาที จึงนำเอาเครื่องช่วยหายใจออกเมื่อตอน 10.00 น. โดยขณะนี้คนไข้ยังมีเสมหะเยอะ เนื่องจากเม็ดผลไม้เข้าไปติดนานเกินไป จึงต้องตรวจดูเรื่องการเจ็บป่วยทางหลอดลมด้วย ซึ่งภาพรวมถือว่าคนไข้ปลอดภัย คาดว่าอีก 1-2 วัน น่าจะออกจากห้อง ICU ได้
ด้าน ผศ.นพ.ดุสิต กล่าวว่า สำหรับคำแนะนำในการดูแลรักษาหากเกิดกรณีดังกล่าว หากผู้ป่วยรู้สึกตัวดีและเป็นเด็กเล็กให้ทำการตบหลัง กระแทกที่หน้าอกสลับกันไป เพื่อให้เกิดภาวะไอเทียมออกมาจนทำให้วัตถุแปลกปลอมหลุดออกทางเดินหายใจ แต่ถ้าผู้ป่วยหมดสติให้เปิดปากดู ถ้าเห็นวัตถุก็ให้ใช้นิ้วกวาดออกมา แต่ถ้าลึกมองไม่เห็นห้ามใช้นิ้ว เพราะอาจทำให้หลุดเข้าไปลึกกว่าเดิมได้ หรือหากผู้ป่วยเป็นเด็กโตให้ทำท่ายืน ใช้มือกำปั้นกระแทกบริเวณลิ้นปี่ขึ้นมาบริเวณด้านบน เพื่อให้เกิดภาวะไอเทียมเช่นกัน และหากเป็นไปได้ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
ลำไยติดคอหนูน้อย 9 ขวบหมดสติ หมอติดต่อ 13 รพ.เตียงไม่ว่าง!
