แก๊งวัยรุ่น ก่อเหตุปล้นทรัพย์เหยื่อวันเดียว 4 รายซ้อน ถูกตำรวจตามรวบได้ยกแก๊งรวม 5 คน รับสารภาพ จะซื้อยา “โซแลม” มาผสมน้ำอัดลมดื่ม เพื่อให้เกิดความกล้าและฮึกเหิม ก่อนจะตระเวณขี่รถจักรยานยนต์ล่าเหยื่อ
วันนี้ (11 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ สน.หัวหมาก พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.ท.พิพัฒน์ เต็งถาวร สว.สส.สน.หัวหมาก พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายเสกสรร หรือ ต้น ธรรมรักษา อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 13 ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว นายณัฐ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายภพ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายแบงก์ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี และ นายแชมป์ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง และ รถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า สปาร์ค 135 สีน้ำเงิน-ดำ หมายเลขทะเบียน ขตม 821 สุราษฎร์ธานี
พล.ต.ต.วิมล กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สืบทราบมาว่า กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติกรรมวิ่งราวทรัพย์ โดยทำทีเป็นขี่รถ จยย.ออกตระเวนไปเรื่อยๆ เพื่อหาเหยื่อ เมื่อเจอเป้าหมายและสบโอกาสเหมาะก็จะทำการวิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ และปล้นทรัพย์ บางครั้งมีการข่มขู่ผู้เสียหาย แต่ถ้าหากผู้เสียหายขัดขืนหรือสู้ก็จะทำร้ายร่างกายด้วยกำลัง หรือใช้อาวุธ ก่อนเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายหลบหนีไป หลังจากนั้น ก็จะนำทรัพย์สินที่ได้ไปขายแล้วนำเงินมาแบ่งกัน ซึ่งก่อนที่จะลงมือก่อเหตุทุกครั้ง กลุ่มผู้ต้องหาซื้อสารเสพติดาประเภทยาโซแลม มาผสมกับน้ำอัดลมดื่มเพื่อให้เกิดความกล้า
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อไปว่า จนกระทั่งเวลาประมาณ 18.30 น.วันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้พร้อมกลางดังกล่าว โดยทั้งหมดยอมรับสารภาพว่า เพิ่งจะตระเวนปล้นทรัพย์มาถึง 4 ครั้ง ภายในวันเดียว โดยรายแรก เมื่อเวลา 00.10 น.ของวันที่ 9 ส.ค.นายเสกสรร นายแบงก์ นายแชมป์ และ นายตั้ม (นามสมมติ) อายุ 15 ปี อยู่ระหว่างหลบหนี ได้ใช้ของแข็งตีศีรษะและใช้มีดแทงหลัง นายสุดเขตต์ นวธารางกูร ผู้เสียหาย ก่อนจะปล้น รถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นสปาร์ค ของเหตุเกิดบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 61 ซอยรามคำแหง 52 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ หลบหนีไป
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อว่า ต่อมาเวลา 04.00 น.นายเสกสรร ไปก่อเหตุชิงทรัพย์ น.ส.ภัทรพร บุญมี ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าการกีฬาแห่งประเทศไทย แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ได้โทรศัพท์มือถือไป 1 เครื่อง จากนั้นเวลา 05.30 น.นายเสกสรร ก็ชิงโทรศัพท์มือถือของ นายณัฐพงษ์ แซ่เฮง ที่บริเวณหน้าร้านเกมส์โฟนวัน ซอยรามคำแหง 24 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ไปอีก 1 เครื่อง และรายสุดท้าย นายเสกสรร นายณัฐ และ นายภพ ก่อเหตุปล้นทรัพย์โทรศัพท์มือถือของ นายคธิปสิทธิ์ ชื่นชม และ นายประยูร ยังมีบุญ รวม 2 เครื่อง ที่บริเวณหน้าร้านสเปดเวิลย์ ซอยรามคำแหง 24 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จุบกุมตัวได้ดังกล่าว
ด้าน นายเสกสรร รับสารภาพว่า ทุกครั้งตนกับพวกจะขี่รถจยย.ประมาณ 10 คัน ออกตระเวนหาเหยื่อ เมื่อเจอเป้าหมายก็จะเข้าไปชิงทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์ เพียง 4-5 คนเท่านั้น เมื่อได้เงินมาก็จะมาแบ่งกันก่อนจะเอาไปเล่นเกม ตั้งกินเหล้า หรือซื้อยาโซแลมมากิน โดยตนจะกินครั้งละประมาณ 5-6 เม็ด
พล.ต.ต.วิมล กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป เพื่อให้พ้นจากการถูกจับกุม ส่วน นายตั้ม ผู้ต้องหาคนสุดท้ายนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนี ซึ่งได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่หาข่าวเพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (11 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ สน.หัวหมาก พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.ท.พิพัฒน์ เต็งถาวร สว.สส.สน.หัวหมาก พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายเสกสรร หรือ ต้น ธรรมรักษา อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 13 ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว นายณัฐ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายภพ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายแบงก์ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี และ นายแชมป์ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง และ รถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า สปาร์ค 135 สีน้ำเงิน-ดำ หมายเลขทะเบียน ขตม 821 สุราษฎร์ธานี
พล.ต.ต.วิมล กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สืบทราบมาว่า กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติกรรมวิ่งราวทรัพย์ โดยทำทีเป็นขี่รถ จยย.ออกตระเวนไปเรื่อยๆ เพื่อหาเหยื่อ เมื่อเจอเป้าหมายและสบโอกาสเหมาะก็จะทำการวิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ และปล้นทรัพย์ บางครั้งมีการข่มขู่ผู้เสียหาย แต่ถ้าหากผู้เสียหายขัดขืนหรือสู้ก็จะทำร้ายร่างกายด้วยกำลัง หรือใช้อาวุธ ก่อนเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายหลบหนีไป หลังจากนั้น ก็จะนำทรัพย์สินที่ได้ไปขายแล้วนำเงินมาแบ่งกัน ซึ่งก่อนที่จะลงมือก่อเหตุทุกครั้ง กลุ่มผู้ต้องหาซื้อสารเสพติดาประเภทยาโซแลม มาผสมกับน้ำอัดลมดื่มเพื่อให้เกิดความกล้า
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อไปว่า จนกระทั่งเวลาประมาณ 18.30 น.วันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้พร้อมกลางดังกล่าว โดยทั้งหมดยอมรับสารภาพว่า เพิ่งจะตระเวนปล้นทรัพย์มาถึง 4 ครั้ง ภายในวันเดียว โดยรายแรก เมื่อเวลา 00.10 น.ของวันที่ 9 ส.ค.นายเสกสรร นายแบงก์ นายแชมป์ และ นายตั้ม (นามสมมติ) อายุ 15 ปี อยู่ระหว่างหลบหนี ได้ใช้ของแข็งตีศีรษะและใช้มีดแทงหลัง นายสุดเขตต์ นวธารางกูร ผู้เสียหาย ก่อนจะปล้น รถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นสปาร์ค ของเหตุเกิดบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 61 ซอยรามคำแหง 52 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ หลบหนีไป
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อว่า ต่อมาเวลา 04.00 น.นายเสกสรร ไปก่อเหตุชิงทรัพย์ น.ส.ภัทรพร บุญมี ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าการกีฬาแห่งประเทศไทย แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ได้โทรศัพท์มือถือไป 1 เครื่อง จากนั้นเวลา 05.30 น.นายเสกสรร ก็ชิงโทรศัพท์มือถือของ นายณัฐพงษ์ แซ่เฮง ที่บริเวณหน้าร้านเกมส์โฟนวัน ซอยรามคำแหง 24 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ไปอีก 1 เครื่อง และรายสุดท้าย นายเสกสรร นายณัฐ และ นายภพ ก่อเหตุปล้นทรัพย์โทรศัพท์มือถือของ นายคธิปสิทธิ์ ชื่นชม และ นายประยูร ยังมีบุญ รวม 2 เครื่อง ที่บริเวณหน้าร้านสเปดเวิลย์ ซอยรามคำแหง 24 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จุบกุมตัวได้ดังกล่าว
ด้าน นายเสกสรร รับสารภาพว่า ทุกครั้งตนกับพวกจะขี่รถจยย.ประมาณ 10 คัน ออกตระเวนหาเหยื่อ เมื่อเจอเป้าหมายก็จะเข้าไปชิงทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์ เพียง 4-5 คนเท่านั้น เมื่อได้เงินมาก็จะมาแบ่งกันก่อนจะเอาไปเล่นเกม ตั้งกินเหล้า หรือซื้อยาโซแลมมากิน โดยตนจะกินครั้งละประมาณ 5-6 เม็ด
พล.ต.ต.วิมล กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป เพื่อให้พ้นจากการถูกจับกุม ส่วน นายตั้ม ผู้ต้องหาคนสุดท้ายนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนี ซึ่งได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่หาข่าวเพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป