xs
xsm
sm
md
lg

คุก 20 ปี พ่อจอมหื่นลวงกิ๊กลูกชาย ข่มขืนชิงทรัพย์!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายกฤษณ์ จินดารัตน์ อายุ 51 ปี(คนซ้ายมือ) และนายมานะชัย อุ่นสันเทียะ อายุ 35 ปี 2 ผู้ต้องหาที่ลวงเด็กสาวมาข่มขืนชิงทรัพย์
ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 20 ปี พ่อแสบร่วมกับพวก ลวงข่มขืน ชิงทรัพย์ เพื่อนสาวของลูกชาย ประวัติอาชญากรเพียบ เคยร่วมกับเมียสาวใช้ก่อคดีดังปล้นทรัพย์นายจ้างเมื่อปี 50

วันนี้ (4 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 804 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3505/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายกฤษณ์ จินดารัตน์ อายุ 51 ปี และนายมานะชัย อุ่นสันเทียะ อายุ 35 ปี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง, ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง และชิงทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 310 และ 340

คดีดีนี่โจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่18 ก.ย.51 บรรยายความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 29-30 ม.ค.50 เวลากลางคืนจำเลยทั้งสอง กับ นายจิตติกร จินดารัตน์ บุตรชายจำเลยที่ 1 ที่หลบหนียังไม่ได้นำตัวมาฟ้อง ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง น.ส.แพนเค้ก (นามสมมติ) ผู้เสียหาย บังคับให้ขึ้นรถยนต์ที่จำเลยที่ 2 เป็นผู้ขับขี่มาไปยังบังกะโลแห่งหนึ่งที่ชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี ทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ โดยจำเลยที่ 1 ได้ชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง ราคา 5,000 บาท และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ราคา 5,900 บาท ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต เหตุเกิดที่แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม และแขวงและเขตไม่ปรากฏชัดหลายท้องที่ ในเขต กทม. และหาดบางแสน ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี

ศาลพิเคราะห์แล้วคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1-2 กระทำผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง และร่วมกันข่มขืนอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงหรือไม่ โจทก์มีผู้เสียหายเบิกความเป็นพยานว่ารู้จักสนิทสนมกับนายจิตติกร บุตรชายจำเลยที่ 1 พาไปเที่ยวที่บ่อตกปลาแห่งหนึ่งย่านบึงกุ่ม พบกับจำเลยที่ 1-2 จากนั้น จำเลยที่ 2 ได้พาขึ้นรถยนต์อ้างว่าจะพาไปส่ง ก่อนที่จำเลยที่ 1 ชักชวนให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อตนปฏิเสธจำเลยที่ 1 ได้จับกรอกปาก จากนั้นจำเลยที่ 1 ได้กระชากเอาสร้อยคอทองคำ และโทรศัพท์มือถือไป จนมารู้สึกตัวอีกทีที่บังกะโลแห่งหนึ่งที่หาดบางแสน จำเลยที่ 1-2 ได้ร่วมกันข่มขืนพยานภายในห้องน้ำ โดยที่นายจิตติกรไม่ได้ร่วมข่มขืนแต่อย่างใด หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที

ศาลเชื่อว่าผู้เสียหายเบิกความไปตามจริง เพราะกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่าอับอาย หากไม่เกิดขึ้นจริงแล้วคงไม่กล้ามาเบิกความปรักปรำให้ผู้อื่นได้รับโทษ แม้ว่าจำเลยทั้งสองจะให้การปฏิเสธมาตลอด แต่คำให้การของจำเลยกลับขัดกันเอง อีกทั้งเป็นความเบิกความที่เลือนลอยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงมีความผิดตามฟ้อง นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ยังมีความผิดฐานชิงทรัพย์ผู้เสียหายอีกด้วย

พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงอันเป็นบทหนักสุด เป็นเวลา 15 ปี และฐานชิงทรัพย์ ลงโทษจำคุก 5 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้นเป็นเวลา 20 ปี ให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 10,900 บาทแก่ผู้เสียหาย และให้นับโทษต่อจากคดีหมายเลขแดงที่ 965/2551 ของศาลจังหวัดมีนบุรี ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง จำคุก 15 ปี คำให้การในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณายู่บ้าง เห็นสมควรลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ทั้งสิ้นเป็นเวลา 10 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายกฤษณ์ จำเลยที่ 1 ในคดีนี้ เคยร่วมกับ น.ส.วิไล พาจร อายุ 49 ปี ภรรยา อาชีพคนรับใช้ และนายโกญจา สิงคิวิบูลย์ อายุ 28 ปี ชาวเพชรบุรี ก่อเหตุปล้นทรัพย์ น.ส.ศิรินทิพย์ คงชุ่ม อายุ 37 ปี นายจ้างของ น.ส.วิไล โดยจี้ตัวผู้เสียหายจากบ้านพัก นำเทปกาว จับมัดมือและปิดตาและยัดใส่กระเป๋าเดินทางแล้วนำขึ้นรถยนต์ โดยลักเอาทรัพย์สินภายในบ้านไป 19 รายการ มูลค่า 307,000 บาท ก่อนพาผู้เสียหายตระเวนไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มยังจุดต่างๆ ได้เงินไปอีก 60,000 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 ก.พ.50 คดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญา
กำลังโหลดความคิดเห็น