ที่ห้องพิจารณา 804 ศาลอาญารัชดา นัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจกท์ยื่นฟ้อง นายกฤษณ์ จินดารัตน์ และนายมานะชัย อุ่นสันเทียะ เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง และปล้นทรัพย์ จากกรณีเมื่อวันที่ 29 และ 30 มกราคม 2550 จำเลยทั้งสองกับพวกที่ยังหลบหนี ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังหญิงสาวผู้เสียหาย บังคับให้ขึ้นรถยนต์ไปยังที่ต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และชลบุรี ทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และยังร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา นอกจากนี้ยังใช้กำลังปล้นทรัพย์เป็นสร้อยคอทองคำและโทรศัพท์มือถือ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า หลังเกิดเหตุผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีโดยทันที เพื่อให้ตำรวจติดตามจับกุมผู้ต้องหา อีกทั้งในชั้นเบิกความผู้เสียหายต้องเบิกความเรื่องที่น่าอับอายของตนเอง จึงเชื่อได้ว่าไม่น่าจะเป็นการเบิกความเพื่อกลั่นแกล้งหรือใส่ความจำเลย ประกอบกับจำเลยให้การขัดแย้งกันเอง พิพากษาจำคุกนายกฤษณ์ ฐานข่มขืน 15 ปี และลักทรัพย์ 5 ปี ส่วนนายมานะชัย พิพากษาฐานข่มขืน 15 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 10 ปี
สำหรับนายกฤษณ์ เคยร่วมกับภรรยาและเพื่อนก่อเหตุปล้นทรัพย์นายจ้างของภรรยา เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2550 โดยใช้อาวุธปืนและใช้เทปกาวมัดปิดปากยัดใส่กระเป๋าเดินทาง นำขึ้นรถยนต์ของผู้เสียหายก่อนปล้นทรัพย์สินภายในบ้าน 19 รายการ รวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท นอกจากนี้ ยังพาผู้เสียหายตระเวนกดเงินกว่า 60,000 บาท และบังคับให้ผู้เสียหายกินยาพาราผสมสุรา เพื่อให้หลับ ก่อนนำตัวไปปล่อยทิ้งไว้ย่านรามอินทรา และแยกย้ายกันหลบหนี และยังเคยก่อคดีมาแล้วอย่างโชกโชนทั้งชิงทรัพย์ พรากผู้เยาว์และข่มขืน
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า หลังเกิดเหตุผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีโดยทันที เพื่อให้ตำรวจติดตามจับกุมผู้ต้องหา อีกทั้งในชั้นเบิกความผู้เสียหายต้องเบิกความเรื่องที่น่าอับอายของตนเอง จึงเชื่อได้ว่าไม่น่าจะเป็นการเบิกความเพื่อกลั่นแกล้งหรือใส่ความจำเลย ประกอบกับจำเลยให้การขัดแย้งกันเอง พิพากษาจำคุกนายกฤษณ์ ฐานข่มขืน 15 ปี และลักทรัพย์ 5 ปี ส่วนนายมานะชัย พิพากษาฐานข่มขืน 15 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 10 ปี
สำหรับนายกฤษณ์ เคยร่วมกับภรรยาและเพื่อนก่อเหตุปล้นทรัพย์นายจ้างของภรรยา เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2550 โดยใช้อาวุธปืนและใช้เทปกาวมัดปิดปากยัดใส่กระเป๋าเดินทาง นำขึ้นรถยนต์ของผู้เสียหายก่อนปล้นทรัพย์สินภายในบ้าน 19 รายการ รวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท นอกจากนี้ ยังพาผู้เสียหายตระเวนกดเงินกว่า 60,000 บาท และบังคับให้ผู้เสียหายกินยาพาราผสมสุรา เพื่อให้หลับ ก่อนนำตัวไปปล่อยทิ้งไว้ย่านรามอินทรา และแยกย้ายกันหลบหนี และยังเคยก่อคดีมาแล้วอย่างโชกโชนทั้งชิงทรัพย์ พรากผู้เยาว์และข่มขืน