จำคุกเฒ่าเนเธอร์แลน์ “วิลเลียม เจอร์ราด น็อปเปียน” 37 ปี และคู่หู อีก 20 ปี ทำอนาจารเด็กชายชำระใคร่ตนเอง ผู้เสียหายให้รายละเอียดชัดเจน ไม่ปรับแต่งเรื่องปรักปรำ ทั้งสองรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ศาลปรานี คงจำคุก 26 ปี 8 เดือน
วันนี้ (16 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 712 ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.745/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวิลเลียม เจอร์ราด น็อปเปียน (Willem Gerard Knoppien) อายุ 52 ปี ชาวเนเธอร์แลนด์ และนายธเนศ หรือกวัก บัวหลวง อายุ 35 ปี เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป พาเด็กหรือจัดให้เด็กกระทำการใดเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น, พาบุคคลอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร, กระทำชำเราแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณปลายเดือน มี.ค.50 ถึงวันที่ 2 ธ.ค.52 วันใดไม่ปรากฏชัด เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันพราก ด.ช.น้อย (นามสมมติ) อายุ 12 ปี ผู้เสียหาย ไปจากบิดา และมารดาเพื่อการอนาจาร ตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยที่ 2 ได้เป็นธุระจัดหาล่อไป และพา ด.ช.น้อย ผู้เสียหายไปที่บ้านเลขที่ 41/106 หมู่บ้านถาวรวิลเลจ 5 บ้านเขาน้อย ถนนห้วยมงคล อำหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ของจำเลยที่ 2 โดยอ้างว่าจะว่าจ้างไปทำความสะอาด แต่หลังจากผู้เสียหายทำความสะอาดบ้านพักให้เสร็จแล้ว จำเลยที่ 2 ได้กระทำอนาจาร ด้วยการใช้อวัยวะเพศถูไถหน้าท้องผู้เสียหาย และสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง โดยผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ รวม 4 ครั้ง โดยทุกครั้ง จำเลยที่ 1 จะให้เงินแก่จำเลยที่ 2 ครั้งละ 200 บาท และให้เงินแก่ผู้เสียหาย จำนวน 120 บาท การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการสนองความใคร่ของจำเลยที่ 1 หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพักพบหนังสือลามกประเภทชายกับชาย และชายกับเด็กชาย รวม 9 เล่ม อวัยวะเพศชายเทียม 1 อัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 279, 282, 283, 317 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มี ด.ช.น้อย ผู้เสียหาย เบิกความเป็นพยานว่า ราวต้นเดือน มี.ค.50 จำเลยที่ 2 ได้ชักชวนให้ไปทำความสะอาดที่บ้านพักของจำเลยที่ 1 โดยครั้งแรกนั้น ไม่ได้ถูกจำเลยที่ 1 กระทำอนาจารแต่อย่างใด ต่อมาต้นเดือน เม.ย.50 จำเลยที่ 2 ขี่จักรยานยนต์มารับให้ไปทำงานที่บ้านของจำเลยที่ 1 อีก แต่เมื่อทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้ว จำเลยที่ 1 เรียกให้เข้าไปในห้องนอน ที่จำเลยที่ 1 นอนเปลือยอยู่ พร้อมกับบอกให้ถอดเสื้อผ้าออก ก่อนจะกระทำอนาจาร และสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง หลังจากนั้นปลายเดือน เม.ย.50 จนกระทั่งก่อนถูกจับกุม ผู้เสียหายถูกกระทำอนาจารอีก รวมทั้งสิ้นจำนวน 4 ครั้ง
เห็นว่าผู้เสียหายเบิกความตรงไปตรงมา ทั้งที่เป็นเรื่องที่น่าอับอาย หากไม่เกิดขึ้นจริงคงไม่กล้าเบิกความเพื่อปรักปรำผู้อื่น เชื่อผู้เสียหายไม่ได้ปรับแต่งเรื่อง นอกจากนี้ยังได้ความจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมว่า ก่อนเชิญตัวผู้เสียหายไปสอบสวนนั้น ผู้เสียหายไม่กล้าบอกให้ บิดา และมารดาทราบ เนื่องจากเกรงว่าจะถูกตี ย่อมแสดงว่ามีเรื่องที่น่าอับอาย จึงเชื่อว่าผู้เสียหายเบิกความไปตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ประกอบกับจำเลยที่ 2 เคยให้การหลังถูกจับกุมว่า ไปรับผู้เสียหายไปที่บ้านพักจำเลยที่ 1 รวม 6 ครั้ง โดยครั้งที่ 2-6 จำเลยที่ 1 ได้กระทำอนาจารดังกล่าว เชื่อว่ารับสารภาพไปตามจริงหลังเกิดเหตุ จึงยังไม่มีการปรุงแต่งเรื่องให้ตัวเองพ้นผิด คำเบิกความของจำเลยที่ 2 สนับสนุนคำเบิกความของผู้เสียหายให้มีน้ำหนักมากขึ้น โดยของกลางที่ตรวจค้นได้นั้นเป็นข้อบ่งชี้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นคนชอบการร่วมเพศระหว่างชายกับชาย และกับเด็กชาย
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ลงโทษจำคุก 7 ปี จำนวน 2 กระทง รวมจำคุก 14 ปี ฐานอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี จำคุก 1 ปี ฐานอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีที่อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ จำคุก 2 ปี และฐานร่วมกันพรากเด็กไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร จำคุก 5 ปี จำนวน 4 กระทง รวมจำคุก 20 ปี รวมโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้นเป็นเวลา 37 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดฐาน เพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป พาไป เพื่อการอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ลงโทษจำคุก 5 ปี จำนวน 4 กระทง รวมจำคุก 20 ปี ฐานร่วมกันพรากเด็กไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร จำคุก 5 ปี จำนวน 4 กระทง รวมจำคุก 20 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 40 ปี คำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 2 ใช้ชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ทั้งสิ้น 26 ปี 8 เดือน และริบของกลาง