xs
xsm
sm
md
lg

ชุมชนมหาพฤฒารามผวา ตร.บางรักเข้าข้างอันธพาล!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ชาวชุมชนมหาพฤฒารามยังคงอยู่ในอาการหวาดผวา เกรงไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หลังจากขาใหญ่เจ้าของโอเกะควงปืน 2 กระบอก ยิงชาวบ้านบาดเจ็บหลายราย แต่ตำรวจ สน.บางรัก กลับทำทีเข้าข้างขาใหญ่ และเมื่อรู้ว่าชาวบ้านเอาจริง แอบส่งซิกให้ขาใหญ่ชิงเข้ามอบตัว เพื่อจะได้ไม่ต้องประกันตัวตามกฏหมาย

วันนี้ (31 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ชุมชนมหาพฤฒาราม ถนนมหานคร แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กทม. ภายหลังจากที่นายไพศาล สุวรรณโฆสิตกุล อายุ 24 ปี พร้อมกลุ่มผู้เสียหายชาวชุมชนมหาพฤฒาราม พื้นที่ สน.บางรัก เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อขอให้รับคดีที่ ถูก นายวาทิน หรือ “ป๋า” สงวนโภคัย อายุ 65 ปี เจ้าของร้านคาราโอเกะ “เขียวเหลือง” ตั้งอยู่ริมถนนมหานคร แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กทม.ใช้อาวุธปืน 2 กระบอกกระหน่ำยิงกลางถนนจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย ไปดำเนินการต่อ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยอ้างว่าตำรวจท้องที่เข้าข้างฝ่ายผู้ต้องหาซึ่งเป็นคู่กรณี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจากกลุ่มชาวบ้านโดยมีบรรดาญาติๆ ของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และได้รับความเสียหายจากเรื่องที่เกิดขึ้น จับกลุ่มรวมตัวกันพูดคุยถึงรายละเอียดเกี่ยวกับคดีนี้เป็นจำนวนมาก

นายอนุชา โชชัย อายุ 38 ปี ชาวบ้านซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุเป็นช่วงกลางดึกคืนวันเสาร์ ย่างเข้ารุ่งเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 ก.ค.52 ซึ่งตนกับเพื่อนๆ ประมาณ 3-4 คน เพิ่งกลับจากไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง มานั่งกินก๋วยเตี๋ยวที่บริเวณถนนบรรทัดทอง โดยตั้งใจว่าถ้าอิ่มแล้วจะแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่จู่ๆ เด็กในซอยก็โทรศัพท์มาหาตนว่า มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับพรรคพวกของนายวาทิน เข้าของร้านคาราโอเกะเขียวเหลือง ซึ่งเป็นขาใหญ่ในย่านนี้ ตนจึงรีบพากันขับรถกระบะมุ่งหน้าไปที่ร้านของนายวาทินทันที

นายอนุชากล่าวอีกว่า พอไปถึงตนกลับไม่พบว่า มีใครอยู่เลยนอกจากนายวาทิน ซึ่งยืนอยู่หน้าบ้านพักข้างๆ ร้านคาราโอเกะ กับนายสรรพาวุธ วีระพันธ์พงศ์ ซึ่งเป็นลูกน้องที่นั่งคร่อมรถ จยย.คุมเชิงอยู่ริมถนนโดยนายสรรพาวุธนั่งทับอาวุธมีดซึ่งวางอยู่บนเบาะรถ จยย.ด้วย จากนั้นตนจึงเดินเข้าไปหา นายวาทินสอบถามว่า “เฮียมีอะไรกับเด็กในซอยผมเหรอ” ซึ่งนายวาทินก็ตอบมาว่า “ไม่มีอะไร” แต่ระหว่างที่ตนหันหลังเพื่อจะเดินกลับ นายสรรพวุธ ก็ออกตัวพูดขึ้นว่า “จะเอายังไงก็ได้” ตนจึงปรี่เข้าไปเตะนายสรรพวุธ 1 ที และเกิดนัวเนียชกต่อยกันขึ้นกลางถนน ซึ่งตนใช้มือเปล่า แต่นายสรรพวุธกลับชักมีดออกมาแทงเฉียดที่สีข้างด้ายขวาตนจนเลือดไหลซิบออกมา

นายอนุชายังกล่าวอีกว่า แทนที่นายวาทินจะปล่อยให้ตนกับนายสรรพวุธ เคลียร์ปัญหากันตัวต่อตัว แต่กลับชักอาวุธปืนลูกโม่สแตนเลส ขนาด .38 ขึ้นมาลั่นไกใส่ตนหลายนัด โชคดีที่ตนล็อคคอนายสรรพาวุธ เอาไว้เป็นตัวประกันไม่อย่างนั้นตนอาจโดนลูกกระสุนปืนเข้าเต็มๆ จากนั้นแทนที่นายวาทิน จะยิงขู่ตนเฉยๆ กลับหันปากกระบอกปืนไปยิงใส่ นายไพบูลย์สุวรรณโฆสิตกุล อายุ 26 ปี เพื่อนรุ่นน้องเข้าที่ต้นขาซ้าย 1 นัด ตนจึงรีบวิ่งไปประคองร่างเพื่อน ซึ่งจังหวะนั้นเด็กๆ ในชุมชนที่ทราบข่าวและได้ยินเสียงปืน ก็รีบพากันขับรถจักรยานยนต์ออกมาช่วยพวกตน เป็นเวลาเดียวกันกับที่นางนก (นามสมมติ) ภรรยาของนายวาทินยื่นอาวุธปืนขนาด 11 ม.ม.ให้นายวาทิน ขึ้นลำจับปืน 2 มือเลือกเล็งยิงพวกตนอย่างเมามันจำนวนหลายนัด

“หลังสิ้นเสียงปืนนายวาทินก็ปิดประตูเข้าไปกบดานในบ้านอย่างใจเย็น ส่วนนายสรรพาวุธก็วิ่งหนีไป มีผู้ได้รับบาดเจ็บนอนร้องครวญครางอยู่ข้างถนนเพิ่มอีก 4 คน คือ 1.นายไพศาล สุวรรณโฆสิตกุล อายุ 24 ปี น้องชายนายไพบูลย์ ถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ซ้าย 1 นัด 2.นายพงษ์พัฒน์ ทองฉัตรมงคล อายุ 23 ปี ถูกยิงเข้าที่หลังขาหนีบข้างซ้ายทะลุหัวเข่า 3.พลทหาร พิทักษ์พงศ์เพ็ชรรินทร์ อายุ 23 ปี ทหารประจำการค่ายหนึ่ง ใน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ถูกยิงเข้าที่แผ่นหลังทะลุปอดอาการสาหัส และ4.นายหนึ่ง ตุ้มทองคำ ถูกยิงเข้าที่ขาขวากระสุนฝังใน โดยผู้บาดเจ็บทั้งหมดถูกลำเลียง ส่ง รพ.กลาง รพ.จุฬาฯ และ รพ.เลิดสิน” นายอนุชา กล่าว

ด้าน นางพรรณี ทองฉัตรมงคล อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นแม่ของพลฯ พงษ์พัฒน์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนเดินทางไปดูลูกชายที่โรงพยาบาลแล้ว จึงนัดรวมตัวกับญาติพี่น้องของเหยื่อกระสุนทั้งหมด เพื่อไปแจ้งความกับ พ.ต.ท.พิทยา พุทธานุ พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.บางรัก เพื่อดำเนินคดีกับ นายวาทิน ในข้อหา พยายามฆ่า,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ, พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุฯ ซึ่งในที่เกิดเหตุยังสามารถเก็บของกลางเป็นปลอกกระสุนปืนขนาด 11 ม.ม.ได้รวม 11 ปลอก หัวกระสุนปืน 1 หัว และเศษหัวกระสุนปืนอีก 9 ชิ้น แต่ตำรวจก็ไม่ได้จับกุมตัวนายวาทินแต่อย่างใดทั้งที่ผู้ต้องหายังอยู่ในบ้านพัก

นางพรรณีกล่าวอีกว่า ตำรวจยังปล่อยให้ผู้ต้องหาลอยนวลโดยไม่มีการออกหมายจับ จนกระทั่งวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา พวกตนพยายามรวมตัวกันไปสอบถามความคืบหน้า แต่ พ.ต.ท.พิทยา ก็อ้างว่า ยังสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บไม่เรียบร้อย ทั้งยังออกตัวแทนว่า ไม่ต้องห่วงผู้ต้องหารอมอบตัวอยู่แล้ว จนกระทั่งช่วงหัวค่ำวันเดียวกัน พ.ต.ท.พิทยา ได้โทรศัพท์มาหานายอนุชาและพยานปากสำคัญอีก 2 คนจำนวนหลายสาย ให้เดินทางไปที่โรงพักเพื่อกลับคำให้การเรื่องอาวุธปืนให้เหลือเพียงกระบอกเดียว แต่พวกตนหารือกันแล้วว่าหากกลับคำให้การ สำนวนคดีนี้ก็จะไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงไม่มีใครไปตามคำสั่ง ทั้งยังบอกกลับไปว่า หากบังคับกันเช่นนี้ก็จะเดินทางไปพร้อมทนายความ ทาง พ.ต.ท.พิทยา เลยหยุดการติดต่อไม่โทรศัพท์มาอีก

“จนกระทั่งเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 28 ก.ค.ยังมีคนเห็นนายวาทินยืนสูบบุหรี่ พกปืน 2 กระบอกอยู่หน้าบ้านอย่างสบายใจทั้งวันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นนายวาทินก็ได้ส่งตัวแทนชื่อนายปั่น (ไม่ทราบนามสกุล) ตระเวนนำกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงกำลัง และเงินสด 10,000 บาทใส่ซองจ่าหน้าถึงผู้ได้รับบาดเจ็บ ไปมอบให้ตามโรงพยาบาลต่างๆแต่ไม่มีเหยื่อรายใดรับเอาไว้เพราะเกรงว่า อาจเป็นแผนการณ์ที่นายวาทิน ต้องการบรรเทาโทษในคดีนี้ จึงตัดสินใจรวมตัวกันเข้าไปโรงพักอีกครั้งเมื่อวันที่ 29 ก.ค. เพื่อแจ้งให้ พ.ต.ท.พิทยา ทราบว่า หากคดีไม่คืบหน้าจะพากันไปร้องเรียนกับสื่อมวลชน จนกระทั่งมีการออกหมายจับแต่นายวาทิน ก็ไหวตัวทันชิงเข้ามอบตัวและได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในเวลาต่อมา” นางพรรณี กล่าว

ขณะที่ นายไพศาล ผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งแพทย์อนุญาตให้กลับมารักษาตัวที่บ้านแล้ว กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องนี้เพียงแค่ 1 สัปดาห์ นายวาทิน ก็เคยใช้อาวุธปืนยิงใส่โชเฟอร์แท็กซี่ที่ขับรถไปจอดขวางหูขวางตาหน้าบ้านมาแล้ว คดียังไม่ทันจะคืบหน้าพวกตนก็ต้องตกเป็นเหยื่อกระสุนอีก สำหรับผู้ต้องหารายนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากเพราะชาวบ้านที่อาศัยในละแวกใกล้เคียงต่างรู้จักกิตติศัพย์ดี ว่า ชอบหาเรื่องคนอื่น ใครจะเอารถมาจอดบนถนนขวางหน้าบ้านก็ไม่ได้ เวลาพวกตนขับรถ จยย.ผ่านร้านคาราโอเกะก็มักจะร่อนขวดลงพื้นถนนให้กลิ้งตัดหน้ารถเสมอ หากวันไหน นายวาทิน ไปยืนสูบบุหรี่หน้าร้านเซเว่นฯ ริมถนนก็จะทำจังก้าขวางประตู ต้องให้ลูกค้าคอยหลบหลีกเองวันดีคืนดีก็เอาขวดไปขว้างหน้าร้านจนผู้จัดการร้านเซเว่นฯ ต้องเรียกท่านวาทินทุกคำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ผู้เสียหายทราบข่าวนายวาทินถูกปล่อยตัวชั่วคราวต่างก็วิตกกันในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งเกรงว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรมจากตำรวจท้องที่ เนื่องจากมีพยานเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ทราบสังกัดหลายนายพกปืนสวมเครื่องแบบครึ่งท่อนไปนั่งกินดื่มในร้านคาราโอเกะของผู้ต้องหาอยู่เป็นประจำทำให้ต้องตัดสินใจรวมตัวกันไปร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ให้เข้ามารับทำคดีนี้เพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับนายวาทิน ให้ถึงที่สุด

ร้อง ป.ตำรวจบางรักเอี่ยวขาใหญ่ยิงเหยื่อเจ็บ 5 ราย
ชาวบ้านและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บโชว์เอกสารการแจ้งความ
ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
กำลังโหลดความคิดเห็น