“จาตุรนต์ ฉายแสง” เบิกความคดีหวยบนดิน ยัน กก.ยุทธศาสตร์ ตั้งขึ้นถูกต้องตามกฎหมาย เอาเงินที่ได้ช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส ซัด คตส.จ้องเอาคนรัฐบาลแม้วเข้าคุก เตรียมนำ “พงศ์เทพ เทพกาญนา” และ “ชัยเกษม นิติสิริ” อสส.เบิกความ 29 ก.ค.นี้
วันนี้ (28 ก.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายสบโชค สุขารมณ์ รองประธานศาลฎีกา ว่าที่ประธานศาลฎีกาคนใหม่ เจ้าของสำนวนทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) พร้อมองค์คณะ 9 คน ไต่สวนพยานจำเลย คดีหมายเลขดำ อม.1/2551 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี (จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราว) จำเลยที่ 1, อดีตคณะรัฐมนตรีชุดรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยที่ 2-30 และผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นจำเลยที่ 31-47 ในความผิดฐานร่วมกันทำผิดยักยอกทรัพย์, เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการดูแลกิจการ เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น และละเว้นไม่เรียกเก็บภาษีอากร และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา147, 152, 153, 154, 157 และ ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 3, 4, 8, 9, 10 และ 11 โดย ป.ป.ช.ขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหมด ร่วมกันคืนเงินที่มีมติอนุมัติให้จ่ายไปรวมจำนวน 14,862,254,865.94 บาท ให้แก่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย
โดยในวันนี้ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 4 เป็นพยานขึ้นเบิกความสรุปว่า ที่มาของโครงการหวยบนดินนั้น คณะรัฐมนตรีเป็นผู้อนุมัติ ซึ่งมาจากผลการวิจัยที่ระบุว่า มีประชาชนประมาณ 10-20 ล้านคน นิยมเล่นหวย ดังนั้น กระทรวงการคลัง จึงทำเรื่องเสนอ ครม.เพื่ออนุมัติโครงการ นำรายได้มาช่วยเหลือสังคม และการศึกษาสำหรับเด็กด้อยโอกาส และเด็กยากไร้ คนยากจน ผู้ป่วย และผู้พิการ มีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ และร่างระเบียบปฎิบัติของคณะกรรมการยุทธ์ศาสตร์ขึ้นมาพิจารณาเรื่องการบริหารสำนักงาน และการช่วยเหลือสนับสนุนเงินการศึกษาเด็กด้อยโอกาส และเด็กยากไร้ โดยมีการกำหนดหลักเกณฑ์ที่แน่ชัดว่าโครงการที่มีมูลค่าจำนวนเท่าใดที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์มีอำนาจอนุมัติ และโครงการที่มีวงเงินเกินเท่าใดที่จะต้องส่งให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับมอบอำนาจจาก ครม.เป็นผู้อนุมัติ แต่จะไม่มีการนำเงินรายได้จากการจำหน่ายหวยบนดินไปใช้ตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน โดยเมื่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินสนับสนุนโครงการใดแล้วในทางปฏิบัติจะต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการกองสลากพิจารณาว่าโครงการถูกต้องตามหลักเกณฑ์หรือไม่ ก่อนที่บอร์ดกองสลากจะอนุมัติจ่ายเงิน โดยยืนยันการปฏิบัติงานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ และระเบียบคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะได้รับการตรวจสอบจากกรมบัญชีกลางแล้วว่าสามารถทำได้ แม้ระเบียบคณะกรรมการอาจแตกต่างจากระเบียบของหน่วยงานอื่นบ้างแต่ก็เป็นเรื่องปกติที่แต่ละหน่วยงานมีวัตถุประสงค์ไม่ตรงกัน
นายจาตุรนต์ เบิกความด้วยว่า คดีนี้ขั้นตอนการไต่สวน การตั้งข้อกล่าวหา ของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่เป็นบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์กับพวกจำเลย มีหลักคิดและวิธีการทำงาน ที่ทำให้จำเลยไม่ได้รับความเป็นธรรม การตั้ง คตส.ขึ้นมาตรวจสอบการบริหารราชการของรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่งเป็นการเฉพาะไม่ถูกต้อง ซึ่งคนที่เป็น คตส.เคยแสดงความเห็นต่อสาธารณชนหลายครั้ง ว่า ต้องการทำให้คนในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ติดคุก ซึ่งเป็นการแสดงความอคติ และเมื่อยื่นฟ้องคดีนี้แล้วก็แสดงความดีใจออกนอกหน้า ทั้งที่ความจริงแล้วคดีนี้ที่ฝ่ายโจทก์อ้างว่าสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นผู้ร้องเรียนนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากเคยประชุมร่วมกับ คุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.บอกกับพยานในที่ประชุม ว่า การกระทำตามโครงการนี้ไม่ได้เป็นการทุจริต แต่ คตส.กลับเบี่ยงประเด็นว่า ครม.มีอำนาจออกโครงการหวยบนดินได้หรือไม่ และเหตุใดจึงไม่นำเงินเข้ากระทรวงการคลัง และไม่มีการเรียกตัวแทนจาก สตง.มาสอบสวนให้ชัดเจนว่าคดีนี้ผิดถูกอย่างไร จึงเป็นการจงใจปกปิดข้อมูลพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลย เป็นการให้ข้อมูลด้านเดียวเพื่อเอาผิดจำเลย ร่วมทั้งไม่เคยนำผู้เชี่ยวชาญมาให้การว่า โครงการนี้เป็นสลากกินรวบหรือกินแบ่ง ขัดแย้งกับความเห็นของอัยการสูงสุด ที่ให้พิสูจน์ข้อนี้ให้ชัดเจน ดังนั้นข้อกล่าวหาคดีนี้จึงเลื่อนลอย มีปัญหาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ไม่ถูกต้องตามหลักการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ต้องฟังข้อเท็จจริงทั้งสองด้าน
ภายหลัง นายจาตุรนต์ เบิกความเสร็จสิ้นแล้วศาลนัดไต่สวนพยานจำเลย ครั้งต่อไปวันที่ 29 กรกฎาคม นี้ เวลา 09.30 น.โดยฝ่ายจำเลยเตรียมนำ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จำเลยร่วมในคดีนี้เข้าเบิกความ นอกจากนี้ ยังมี นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด และ นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รอง อสส.ในฐานะคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีที่เกี่ยวกับ คตส.เข้าเบิกความด้วย