xs
xsm
sm
md
lg

ตามรอยคดีดัง : บทสุดท้าย "เสธ.น็อต"! ย้อนนาทีสังหาร 2 ตำรวจน้ำดี

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ภาพในวันที่ตำรวจเข้าจับกุม เสธ.น็อต กับพวก จนเกิดเหตุยิงปะทะต่อสู้ขึ้น ทำให้มีตำรวจเสียชีวิต 2 นาย
เช้าวันนั้นในห้องประชุม กก.สส.น.1 ร.ต.ท.สาริษฐ์ นั่งหัวโต๊ะสั่งการ "วันนี้ เราจะเข้าตะครุบตัว เอเย่นยาไอซ์ สายของเราสั่งซื้อไว้ 3 กรัม 9 พันบาท เราโอนเงินไปให้มันแล้ว นัดส่งมอบของกันข้าง เดอะลิฟวิ่งรูม อพาร์ทเม้นท์ ปากซอยประชาสงเคราะห์ 25/1 ตอนบ่าย 2 เตรียมตัวกันให้พร้อม เรารู้มาว่ามันใช้ห้องพักในอพาร์ทเม้นต์นั้นเก็บยาด้วย และข่าวที่สายรายงานมา ตัวหัวหน้ามันเป็นนายทหารด้วย"

เมื่อถึงเวลานัด ร.ต.ท.สาริษฐ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ รวม 7 นาย เข้าประจำการในตำแหน่ง "เดี๋ยวมันเอายามาส่งอย่าเพิ่งเข้าชาร์จนะ ตามไปที่ห้องเราจะรวบมันให้ได้ทั้งหมด และให้ทุกคนระวังตัวด้วย พวกมันอาจจะมีอาวุธ"

นายแตง เอายาไอซ์ มาส่งให้กับสายสืบโดยไม่ทันเอะใจ และกลับขึ้นไปบนห้องพักทันที

"ตามมันขึ้นไป ระวังตัวด้วยอย่าให้มันรู้ตัว" เสียง ร.ต.ท.สาริษฐ์สั่งการ และกำชับลูกน้องทั้งหมดอีกครั้ง ก่อนที่จะตาม นายแตงไปห่าง ๆ จนรู้ห้องที่ซ่อนของพวกมัน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก ! เสียงเคาะประตู ห้องเลขที่ 305 เดอะลิฟวิ่งรูม อพาร์ทเม้นท์ เลขที่ 5073/8 ถนนประชาสงเคราะห์ ปากซอยประชาสงเคราะห์ 25/1แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ทำลายความเงียบสงบของบ่ายแก่ ๆ วันที่ 11 เม.ย. 2550 ที่อากาศระอุร้อนไปด้วยไอแดด พลันประตูเปิดออกและเห็นว่าตำรวจยืนอยู่เต็ม คนข้างในจึงพยายามดันประตูเข้าปิดเหมือนเดิม

แต่คนข้างนอกก็พยายามดันให้เปิดออก พร้อมตะโกนออกไป "นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ" เสียงตะโกนอย่างขึงขังของ ร.ต.ท.สาริษฐ์ อักษร รองสารวัตรสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 หัวหน้าชุด ที่ประทับปืนพกประจำกาย เตรียมพร้อม

ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! แทนเสียงตอบจากคนข้างใน ส.ต.ท.ไสว อาจหนองหว้า ต้องรีบถลันตัวเข้าไปข้างใน หมายหาที่กำบังกาย แต่ช้าไปเพียงเสี้ยววินาที กระสุนเจาะเข้าจุดสำคัญ เสียชีวิตคาที่

"ไอ้ไหว" เสียง ด.ต.มาโนช ศรีละคร ตะโกนสุดเสียง พร้อมยิงสวนออกไป และพยายามเข้าไปช่วยเพื่อนรัก ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวกันมาหลายเพลา ส่วน ร.ต.ท.สาริษฐ์ และชุดสืบสวน ต่างระดมยิงเข้าไปในห้องอย่างหูดับตับไหม้ แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันรวดเร็ว แต่กับชุดกับกุม เหตุการณ์กลับยาวนานเสียเหลือหลาย ด้วยความเป็นห่วงพรรคพวก ที่ถูกยิง

หลังสิ้นเสียงปืน และเหตุการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ...ร่างของ ด.ต.มาโนช ศรีละคร นอนหายใจรวยระรินและแผ่วเบา ร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเลือดเพราะถูกคมกระจุนเจาะเข้าที่ศีรษะ หน้าอกและแขนซ้าย ส่วน ร.ต.อ.สาริษฐ์ นอนร้องครวญครางโอดโอย ด้วยความเจ็บปวด จากพิษของบาดแผล ที่เกิดจากปลายกระบอกปืนของพ่อค้ายา เข้าที่ท้อง 1 นัด และแขนขวา 1 นัด อาการสาหัส ส่วน ส.ต.ท.ไสว ต้องสังเวยชีวิตตัวเอง เพราะกระสุนเจาะเข้าจุดสำคัญหลายแห่งทั้งก้านคอซ้าย แก้มซ้าย ข้อมือขวาและข้อพับแขนซ้าย สิ้นใจอยู่หน้าห้องน้ำ

"หมวดถูกยิง เรียกรถพยาบาลด่วน" เสียงตำรวจชุดจับกุม รีบเข้าไปประคองร่างของลูกพี่ ส่วนอีกคนตรงเข้าดูอาการของ ด.ต.มาโนช "ทำใจดี ๆ ไว้พี่โนช เดี๋ยวรถพยาบาลก็มา" น้ำเสียงเสียงละล่ำละลักของเพื่อนร่วมอาชีพ ที่เห็นรุ่นพี่ อาการไม่สู้ดี

ขณะที่เหลือปรี่เข้าหาผู้ต้องหา พร้อมออกคำสั่งชัดเจน "หมอบลง หมอบลง" นายสุขุม เรืองแจ่มจันทร์ อายุ 30 ปี และนายวิฑูรย์ นัยกิจ อายุ 43 ปี ทำตามคำสั่งทันที ส่วนหัวหน้าใหญ่ พ.ต.ชานนท์ ชิณวงศ์ หรือ เสธ.น็อต อดีตนายทหารประจำ บก.สส. (สน.3 จชต.ยะลา) นอนร้องโอดโอยจากบาดแผลถูกยิงเข้าที่สะบักหลังได้รับบาดเจ็บสาหัส สิ้นฤทธิ์อยู่ที่ระเบียงหลังห้อง ส่วนนายแตง ที่มาส่งยาถูกระสุนปลิดชีพ นอนตายอยู่ในห้องนั้นเอง

"เราเสียตำรวจในที่เกิดเหตุ 1 นาย บาดเจ็บสาหัส 2 นาย ส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนผู้ต้องหาตาย 1 ราย เจ็บ 1 ราย อายัดตัวไว้แล้ว และยังคงหลบหนี ขณะนี้สั่งการให้กระจายกำลังปิดล้อมตรวจค้นจับกุมอยู่ครับ" เสียงของ พล.ต.ต.มานิตย์ วงษ์สมบูรณ์ ผบก.น.1 (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) รายงานความคืบหน้าให้ พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) ด้วยสีหน้าที่บ่มเพาะไปด้วยความเครียด และไม่สู้ดีนักเพราะต้องเสียตำรวจฝีมือดี สังเวยการปราบปรมยาเสพติด

"กระจายกำลังค้นให้ทั่ว ยังมีพรรคพวกมันหลบหนีอยู่" เสียงนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรนายหนึ่ง ตะโกนสั่งลูกน้อง ตำรวจจาก บก.ตปพ. ตำรวจ สน.ดินแดง หน่วยอรินทราช 20 นาย กระจายกำลังกันปิดล้อมอพาร์ตเมนต์ไว้โดยรอบ แต่ไร้วี่แวว...

ส่วนการตรวจค้นรถปิกอัพไฮลักซ์ สีเทา ทะเบียนป้ายแดง ศ-9889 กทม.ของ พ.ต.ชานนท์ พบแมกกาซีนบรรจุกระสุนเอ็ม 16 เต็มแม็ก จำนวน 4 แมกกาซีน แมกกาซีนบรรจุกระสุนขนาด 11 มม. 3 แมกกาซีน กระสุนขนาด 11 มม. 35 นัด สมุดเช็คจำนวนหนึ่ง และยังยึดรถปิกอัพอีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฐจ-1996 กทม.และรถบีเอ็มดับเบิลยู สีแดง ทะเบียน ภ-4771 สุราษฎร์ธานี ไว้ตรวจสอบ

ร่างไร้ลมหายใจของ ส.ต.ท.ไสว สวมเครื่องแบบสีกากีเต็มยศ ร่างถูกคลุมทับอีกชั้นด้วยธงไตรรงค์ นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงศาลา 5 วัดตรีทศเทพ เพื่อรอการรดน้ำ ที่บรรยากาศมีแต่ความโศกเศร้า เสียงระงมให้ ดังไม่ขาดสายจากเครือญาติและเพื่อนร่วมอาชีพ ก่อนจะเคลื่อนศพไปสวดพระอภิธรรม ที่วัดสว่างอารมณ์ อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด บ้านเกิด

"ส.ต.ท.ไสว ได้รับการปูนบำเน็จ 5 ขั้น 7 ชั้นยศ เป็น พันตำรวจโท และมีเงินเพิ่มพิเศษอีก 60,000 หมื่นบาท รวมทั้งเงินฌาปนกิจสงเคราะห์อีก 450,000 บาท" พล.ต.ท.อดิศร ผบช.น. บอกแก่นางสุดใจ ถึงการเยียวยาจากการสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รักก่อนวัยอันควร ขณะรอรดน้ำศพ

"ไสว ชอบทำบุญตั้งแต่เด็ก นึกไม่ถึงเลยว่าจะด่วนตายแบบนี้ ตอนที่รู้ข่าว เสียใจจนทำอะไรไม่ถูก หากย้อนเวลาได้ ก็จะไม่ให้ลูกเป็นตำรวจ เพราะเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง" น้ำเสียงของ นางสุดใจผู้เป็นแม่ระล่ำละลัก ปริ่มแทบจะขาดใจ และไม่รู้สึกยินดียินร้ายกับ บำเหน็จที่ได้มาแต่ต้องแลกด้วยชีวิตของลูกชายที่ไม่อาจหวลคืน

...เสร็จจากพิธีรดน้ำศพ ส.ต.ท.ไสว เพียงวันเดียว ข่าวร้ายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อหมอโรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุผลการผ่าพิสูจน์ ศพ ด.ต.มาโนช ที่รับมาจาก รพ.ราชวิถี ว่า กระสุนปืนโดนที่ศีรษะทะลุสมอง ไร้คำพูดใดหลุดออกมาจากปากของ 3 แม่ลูก ตระกูล "ศรีละคร" คือ นางลัดดา พร้อมด้วยลูกสาวทั้ง 2 คน น.ส.วัลยา และ น.ส.สุทธาทิพย์

ด.ต.มาโนช ได้เลื่อนชั้นยศอีก 7 ขั้นเป็น พ.ต.อ. และทางครอบครัวก็ได้รับเงินช่วยเหลือจากฌาปนกิจสงเคราะห์ สวัสดิการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติและ บช.น.เป็นจำนวนเงิน 550,000 บาท ซึ่งทางตำรวจนครบาลก็จะเรี่ยไรเพื่อช่วยเหลืออีกส่วนหนึ่งด้วย คือข่าวที่ครอบครัว "ศรีละคร" ได้รับหลังการจากไปของหัวหน้าครอบครัว แต่จะมีประโยชน์ใดเล่า เมื่อครอบครัวต้องขาดผู้นำ

บทสุดท้าย

หลังเหตุการณ์สลดผ่านมากว่า 2 ปี ในที่สุด เช้าวันที่ 21 กรกฎาคม 2552 พ.ต.ชานนท์ นายสุขุม และนายวิฑูรย์ ถูกคุมตัวในชุดนักโทษสีน้ำตาล มือและเท้าถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวน ไร้สิ้นซึ่งอิสรภาพ ใบหน้า สายตาไร้แววความหวัง เดินก้มหน้าเพื่อเข้ามาที่ห้องพิจารณาคดี 905 ศาลอาญา เพื่อรอฟังคำพิพากษา

เมื่อถึงเวลา ศาลออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำพิพากษา ภายในห้องเงียบสนิท แต่เสียงเต้นของหัวใจ จากคนทั้ง 3 กลับเต้นไม่จังหวะ ในใจได้แต่เพียงภาวนา ให้โทษที่ได้รับนั้น เป็นเพียงโทษจำคุกเท่านั้น

เสียงอันทรงพลังของผู้พิพากษา ดังขึ้น ปลุกให้ทั้ง 3 ตื่นจากภวังค์

"จากพยานหลักฐาน ศาลพิเคราะห์เห็นว่า พ.ต.ชานนท์ หรือ เสธ.น็อต นายสุขุม และนายวิฑูร ในความผิดฐานมีปืนและเครื่องกระสุนปืนในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต, มีอาวุธสงครามในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ร่วมกันฆ่า พยายามฆ่า และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ให้ลงโทษประหารชีวิต พ.ต.ชานนท์ และนายวิฑูร ส่วนนายสุขุมจำคุก 10 ปี และให้ พ.ต.ชานนท์ กับนายวิฑูร ร่วมกันชดใช้เงินให้แก่ นางสุดใจ อาจหนองหว้า มารดา ส.ต.ท.ไสว จำนวน 1,180,000 บาท และนางลัดดา ศรีละคร ภรรยาของ ด.ต.มาโนช จำนวน 2,440,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี"

สีหน้าที่ซีดเผือด เหงื่อกาฬที่เกาะพราวอยู่เต็มใบหน้า ทั้ง เสธ.น็อต และนายวิฑูรย์ ทันทีที่สิ้นเสียงการอ่านคำพิพากษา คำตัดสิน "ประหารชีวิต" ยังดังก้องอยู่ในหัวของคนทั้ง 2 ที่ได้แต่ก้มหน้าไม่สบสายตากับใครเลยทั้งสิ้นและได้แต่ยอมรับในคำตัดสินนั้น

แม้ นางสุดใจ และ นางลัดดา จะยอมรับในคำตัดสินและรู้สึกถึงโทษทัณฑ์ สมควรแก่การก่อกรรมที่ทำขึ้นของทั้งหมด แต่คงเทียบไม่ได้กับการสูญเสียของคนทั้ง และหากเลือกได้คู่ เธอทั้ง 2 คงเลือกที่จะขอชีวิต ลูกชายอันเป็นที่รัก ของนางสุดใจ และสามี หัวหน้าครอบครัว ของนางลัดดา กลับมาทำหน้าที่เช่นเดิมดีกว่า และได้แต่หวังว่าพวกมันทั้งหมดจะไม่ยื่นอุทธรณ์ และยอมก้มหน้ารับกรรมที่ได้ก่อขึ้นมาเท่านั้นเอง...


พ.ต.ชานนท์ ชิณวงศ์ อายุ 44 ปี หรือ เสธ.น็อต อดีตนายทหารประจำ บก.สส.(สน.3 จชต.ยะลา) เข้ารับฟังการตัดสินจากศาล
เสธ.น็อต กับ พวก ที่ก่อเหตุ
หลังรู้ชะตากรรม ศาลตัดสินประหารชีวิต
กำลังโหลดความคิดเห็น