ศาลยกฟ้อง “ดา ตอร์ปิโด” นำเสื้อแดงบุกปิดล้อมเอเอสทีวี ไม่มีเจตนาบุกรุก พยานหลักฐานไม่มีใครยืนยันพาพวกก่อเหตุ เจ้าพนักงานเบิกความไม่เห็นจำเลยนำพวกเข้าไปขว้างปาขวด หิน ปิดล้อมบริษัทฯ แม้จะมีคนขว้างปาจริง แต่ก็จับกุมตัวใครไม่ได้ ส่วนโทษจำคุกฐานหมิ่นประมาท "สนธิ" ให้รอลงอาญาไว้ แต่ให้ปรับ 5 หมื่นบาท เจ้าตัวยิ้มชู 2 นิ้ว ดีใจได้รับความเป็นธรรม
วันนี้ (28 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อ.3634/2551 ที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไป กระทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นฯ ทำให้เสียทรัพย์ พยายามบุกรุก และหมิ่นประมาทผู้อื่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215, 310, 326, 328, 358
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.50 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องอีกหลายคน และพวกอีกประมาณ 100 คนได้ร่วมกันรวมตัว มั่วสุมชุมนุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป แล้วพากันเดินไปตามถนนพระอาทิตย์ จำเลยกับพวกบางคนได้ใช้เครื่องกระจายเสียง บางคนใช้เครื่องโทรโข่ง บางคนใช้ไมโครโฟนป่าวประกาศด่าท้าทายด้วย ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น หมิ่นประมาทใส่ความนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งเอเอสทีวี ผู้เสียหายที่ 1ต่อบุคคลที่สามและปลุกระดมประชาชน การกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าวเป็นการทำอย่างหนึ่ง อย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และโดยประการที่น่าจะทำให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เสียหายที่ 1ตลอดถึงบิดา-มารดาของนายสนธิ ลิ้มทองกุล เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง จำเลยกับพวกซึ่งมีจำนวนเกินกว่าสองคนขึ้นไป ยังได้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด ด้วยการยุยงส่งเสริมให้พวกที่เข้าร่วมชุมนุมบุกเข้าไปภายบ้านเจ้าพระยา ซึ่งเป็นที่ทำการบริษัท ไทยเดย์ ดอทคอม จำกัด เจ้าของเอเอสทีวี พวกที่เข้าร่วมชุมนุมได้ลงมือขว้างปาขวดน้ำพลาสติก ก้อนหินและไม้ไผ่ เขย่าประตูรั้วเหล็กของบริษัท ผู้เสียหายที่ 2 เพื่อเข้าไปภายในบริษัทอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายที่ 2 โดยปกติสุข การกระทำ ของจำเลยกับพวกดังกล่าวเป็นการพยายามบุกรุก และทำให้ประตูรั้วเหล็กของบริษัทผู้เสียหายที่ 2 อยู่ในสภาพไม่มั่นคงได้รับความเสียหายคิดเป็นเงิน 500 บาท จำเลย กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องอีกหลายคนและพวกที่เข้าร่วมชุมนุมได้ร่วมกันปิดล้อมบริษัทผู้เสียหายที่ 2 นายวรรัฐ ภูษาทองผู้เสียหายที่ 3 และพนักงานคนอื่นๆ ซึ่งเป็นพนักงาน ของบริษัทผู้เสียหายที่ 2 ไว้ภายใน ซึ่งถูกปิดล้อมอยู่ภายในบริษัทผู้เสียหายที่ 2ไม่กล้าออกมาข้างนอกและไม่สามารถที่จะเดินทางกลับบ้านพักได้ ต้องถูกหน่วง เหนี่ยวกักขังและต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องถูกจำกัดให้อยู่แต่ภายในบริษัทผู้เสียหายที่ 2 เท่านั้น เนื่องจากเกรงว่าเมื่อออกมาข้างนอกบริษัทฯแล้วจะถูกจำเลยนี้ กับพวกทำร้ายตามคำขู่ เหตุเกิดที่ ถ.พระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม.
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า คำเบิกความของพยานโจทก์ขัดแย้งกันเองในหลายประเด็น ขณะที่เทปบันทึกภาพเหตุการณ์ของเอเอสทีวี ซึ่งเป็น ของผู้เสียหายที่ 2 ไม่ต่อเนื่องกันนับว่ามีข้อพิรุธ นอกจากนี้องค์ประกอบความผิดของข้อหาก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ต้องดูต้นเหตุแห่งการกระทำว่ามีความประสงค์ต่อผล อย่างไร ผู้กระทำต้องมีเจตนาต่อการกระทำนั้นด้วยเห็นว่าสภาพสังคมในปัจจุบันมีความเชื่อแบบแบ่งฝ่ายต่างฝ่ายก็ต่างไม่ต้องการให้อีกฝ่ายมีอำนาจทางบริหาร เมื่อพิจารณา ประกอบพฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยแล้วจำเลยได้กระทำไปเกี่ยวกับเรื่องการเมืองแต่ไม่ถึงกับมีเจตนาก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง อีกทั้งพยานโจทก์ที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจก็เบิกความเจือสมว่าไม่มีใครเห็นจำเลยนำพวกเข้าไปขว้างปาขวด หิน และปิดล้อมบริษัทของพวกผู้เสียหาย แม้จะมีคนขว้างปาจริง แต่ก็จับกุมตัวใครไม่ได้ ขณะเกิดเหตุมีตำรวจรักษาการณ์เพียงสองนาย แต่มีผู้ชุมนุมเสื้อแดงกว่า 50 คน หากพวกจำเลยจะก่อภยันตรายก็สามารถทำได้แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น แม้มีเหตุควรเชื่อว่าพวกผู้เสียหายอาจะถูกทำร้ายได้ แต่พวกผู้ชุมนุมได้ก่อตัวกัน 2 ชั่วโมงแล้วก็แยกย้ายกันไปเอง ไม่มีพยานโจทก์ปากใดยืนยันว่าจำเลยเป็นคนนำพวกเสื้อแดงไปขว้างปาหรือปิดล้อมบริเวณที่เกิดเหตุ จำเลยจึงไม่มีเจตนาบุกรุกในเวลากลางคืน และหน่วงเหนี่ยวกักขังบุคคลอื่นด้วย
แม้การชุมนุมบนเวทีและด่าทอกันระหว่างผู้ชุมนุมเกิดขึ้น แต่ก็แยกย้ายและขาดตอนไปแล้ว มีเพียงพยานโจทก์เห็นดารณีใช้ไมโครโฟนด่าทอนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เสียหายที่ 2 ด้วยถ้อยคำหยาบคายเท่านั้นในลักษณะหมิ่นประมาทเท่านั้น จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เพื่อให้จำเลยกลับตัว การลงโทษจึงคำนึงถึงวิชาชีพของจำเลย และเพื่อให้จำเลยพึงระมัดระวังในคำพูด โทษจำคุกฐานหมิ่นประมาทจึงให้รอลงอาญาไว้ แต่ให้ปรับ 5 หมื่นบาท ส่วนข้อหาอื่นให้ยก
ภายหลังฟังคำพิพากษา ดา ตอร์ปิโด ซึ่งอยู่ในชุดนักโทษเนื่องจากอยู่ระหว่างถูกคุมขังในคดีหมิ่นเบื้องสูง แสดงความดีใจโดยชู 2 นิ้ว และส่งยิ้มให้กับผู้สื่อข่าว โดยกล่าวว่าในที่สุดตนเองได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม ความเป็นธรรมมีจริง ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวเดินทางกลับเรือนจำ
พยานมัด “ดา ตอร์ปิโด” นำม็อบปิดเอเอสทีวี/ผู้จัดการ ด่ากราด “สนธิ” - ทำร้าย รปภ.