สันติบาลเรียกประชุมคณะกรรมการ ถกคดี “ทักษิณ-จักรภพ” หมิ่นเบื้องสูง ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ โดยข้อมูลและพยานหลักฐานที่รวบรวมได้จะนำเข้าสู่คณะกรรมการชุดใหญ่เพื่อพิจารณาข้อกล่าวหาต่อไป
วันนี้ (27 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส.เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมาหากษัตริย์ โดยมีคณะกรรมตัวแทนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ส.) และสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สทส.) ร่วมประชุม
พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวก่อนการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ ซึ่งคณะกรรมการชุดเล็กได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้หมดแล้ว เห็นว่า น่าจะมีมูลบางประเด็นที่จะให้กรรมการชุดใหญ่พิจารณาเข้าข่ายล่วงละเมิด หรือผิดกฎหมายอาญาต้องดูอีกที
พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวว่า หลักฐานที่มีในขณะนี้เป็นการพูดผ่านสื่อต่างประเทศ และพูดนอกประเทศ แต่สื่อไทยเท่าที่ตรวจสอบไม่มี ซึ่งอำนาจของตำรวจไทยแค่รวบรวมพยานหลักฐานและประมวล ส่วนการดำเนินคดีต่างประเทศเป็นหน้าที่ของสำนักงานอัยการฝ่ายต่างประเทศ การให้สัมภาษณ์นั้นเป็นวันที่เท่าไรนั้นจำไม่ได้ แต่มีขึ้นหลายครั้งตั้งแต่วันที่ 12-13 เม.ย.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะสามารถแจ้งข้อหาอะไรได้บ้าง พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวว่า ต้องรอการพิจารณาก่อนโดยขั้นตอนตรงนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้มอบหมายให้กรรมการชุดนี้ทำหากเห็นว่ามีมูลเราก็จะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการทันทีโดยไม่ต้องให้ ตร.พิจารณาอีก หากมีมูลก็ให้ บช.ก.ตั้งคณะกรรมการดำเนินการเลยซึ่งพนักงานสอบสวนชุดนั้นก็จะส่งสำนวนให้อัยการเป็นผู้พิจารณา ส่วนขั้นตอนการติดตามตัวก็ขอให้อัยการตอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลักฐานขณะนี้แน่ชัดแล้วหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพ เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวว่า ยังไม่ชัดเพียงคณะทำงานระบุว่าน่าจะพิจารณาได้ มีข้อมูลเพียงพอห้าสิบห้าสิบ ซึ่งคณะกรรมการของเราเป็นการพิจารณาความผิดต่อสถาบัน ตามมาตรา 112 ส่วนการล่วงละเมิดองคมนตรีเป็นความผิดส่วนตัวเราไม่เกี่ยว
พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวว่า สำหรับหลักฐานที่รวบรวมมานั้น มีทั้งในส่วนของตำรวจสันติบาลที่ดูเว็บไซต์ ส่วน สทส.ก็มีคณะกรรมการเฝ้าระวังอยู่ และส่วนของนครบาลมีหลักฐานที่เก็บรวบรวมไว้นำมาพิจารณาประกอบกัน โดยจะมีการชี้แจงในที่ประชุมว่าหลักฐานที่ได้มีการรวบรวมมาอย่างไร หากการพิจารณาแล้วเข้าข่ายว่ากระทำผิดก็จะทำสรุปให้ บช.ก.ไปดำเนินการตั้งพนักงานสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน
สำหรับคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2551 พ.ต.ต.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี พงส.สน.บางมด ช่วยราชการ สน.พหลโยธิน เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ฐานหมิ่นประมาทดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ถึง 15 ปี กรณีไปกล่าวบรรยายพิเศษเป็นภาษาอังกฤษที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย โดยมีถ้อยคำเข้าข่ายดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยคดีนี้ อัยการนัดสั่งคดีในวันที่ 29 เม.ย.นี้ ว่าจะพิจารณาสั่งฟ้องคดีหรือไม่ แต่เมื่้อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมาพล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและสอบสวน และกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพบว่า นายจักรภพ พบว่า นายจักรภพได้เดินทางออกนอกประเทศไทยไปแล้ว ยังไม่ทราบพำนักอยู่ประเทศใด หาก นายจักรภพ ไม่มาฟังคำสั่ง อัยการก็อาจจะมีความเห็นเลื่อนนัดฟังคำสั่งไปก่อน เพราะตำรวจมีสิทธิ์ที่จะพิจารณาเสนอศาลขอหมายจับ เพื่อให้มาฟังคำสั่งคดี และหากพบว่านายจักรภพ อยู่ในต่างประเทศ ก็จะต้องประสานกับอธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ ขอความร่วมมือในเรื่องของการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมานายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เคยกล่าวว่าคงต้องรอดูว่าในวันดังกล่าว นายจักรภพ จะเดินทางมารายตัว เพื่อฟังคำสั่งคดีตามที่อัยการนัดไว้หรือไม่ ซึ่งหากไม่เดินทางมาก็จะต้องดำเนินการ คือ ถ้านายจักรภพ ทำสัญญาประกันตัวไว้กับอัยการก็จะเรียกนายประกันให้ติดตามตัวนายจักรภพ มา แต่ถ้าไม่สามารถติดตามตัวมาได้ อัยการก็จะมีคำสั่งปรับนายประกัน และขออนุมัติศาลออกหมายจับ แต่หาก นายจักรภพ ไม่ได้ทำสัญญาประกันไว้ อัยการก็จะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัว และขอศาลอนุมัติหมายจับต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. เคยบอกว่าพนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจปราบปรามได้ทำการสอบสวน โดยคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นระดับ ตร.ได้มีคำเห็นสั่งฟ้องไปแล้วตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.51 แต่ต่อมาทางอัยการได้ให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มในหลายประเด็นทั้งในส่วนของพยาน 18 ปาก การส่งเทปบันทึกภาพการพูดของนายจักรภพให้สถาบันระดับอุดมศึกษาแปลเพิ่มอีก 2 แห่ง และการขอความเห็นจากนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองและสังคมไทย ซึ่งทาง บช.ก.ได้สรุปสำนวนส่งให้อัยการแล้วตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมาโดยมีความเห็นสั่งฟ้องเช่นเดิม
ด้าน นายจักรภพ ตั้งแต่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวได้ปฏิเสธข้อกล่าวหามาตลอดพร้อมขอให้มีการสอบพยานเพิ่มเติม จนขณะนี้เรื่องดำเนินมาจนจะถึงวันที่อัยการนัดสั่งคดีว่าจะฟ้องหรือไม่
ตร.ยัน “เจ๊เพ็ญ” เปิดตูดเผ่นออกนอกประเทศแล้ว!
บช.ก.เห็นสั่งฟ้อง “จักรภพ” หมิ่นเบื้องสูงเช่นเดิม-ส่งอัยการแล้ว
บช.ก.เร่งสอบพยานคดี “เจ๊เพ็ญ” เพิ่มก่อนสรุปส่งอัยการซ้ำ
ตำรวจ-อัยการ ต้นตอฆ่าตัดตอนคดี "นังเพ็ญ" หมิ่นเบื้องสูง!
เล่ห์อัยการ! เลื่อนกุดหัว “เจ๊เพ็ญ” หมิ่นเบื้องสูง-เจ้าตัวยันผุดผ่อง
“พ.ต.ท.” ลั่นมีสิทธิแย้งอัยการหากสั่งไม่ฟ้อง “เจ๊เพ็ญ”
สุดยื้อ! “เจ๊เพ็ญ” ลอยตัวส่อหลุดคดีหมิ่นเบื้องสูง-อัยการเลื่อนอีก 30 วัน
“เจ๊เพ็ญ” ชะตาขาด! ตร.ส่งคดี “หมิ่นเบื้องสูง” ให้อัยการสั่งฟ้อง
สำนวน “เจ๊เพ็ญ” หมิ่นเบื้องสูงถึงมืออัยการวันนี้
บช.ก.ชี้มูล “เจ๊เพ็ญ” ผิดหมิ่นเบื้องสูง รอวัดใจ ผบ.ตร.ส่งฟ้องอัยการ
ตร.ประชุมคดีหมิ่นตัดพยาน “เจ๊เพ็ญ” ทิ้ง 8 ปาก
ตร.ยื้อคดี “เพ็ญ” ยูเทิร์น บช.ก.ดูใหม่ อ้างสอบเพิ่มอาจพบปมสงสัย
“เพรียวพันธุ์” โยนคดี “เจ๊เพ็ญ” ขอสอบพยานเพิ่มให้ ผบ.ตร.ชี้ขาด
เล่ห์ตำรวจ! เลื่อนส่งสำนวน “เจ๊เพ็ญ” หมิ่นเบื้องสูงให้อัยการ
“เจ๊เพ็ญ” ดิ้นหนีตายหมิ่นสถาบัน โหยหาขอสอบพยานเพิ่ม 18 ปาก!
ยื้อสุด! คาดสัปดาห์หน้าสำนวน “เจ๊เพ็ญ” ถึงมืออัยการ
วัดใจ! “เพรียวพันธ์” ชี้ขาด “เจ๊เพ็ญ” หมิ่นเบื้องสูง!
บช.ก.สรุปสั่งฟ้อง “เจ๊เพ็ญ” หมิ่นเบื้องสูง ส่ง “พัชรวาท” แล้ว
วันนี้ (27 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส.เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมาหากษัตริย์ โดยมีคณะกรรมตัวแทนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ส.) และสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สทส.) ร่วมประชุม
พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวก่อนการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ ซึ่งคณะกรรมการชุดเล็กได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้หมดแล้ว เห็นว่า น่าจะมีมูลบางประเด็นที่จะให้กรรมการชุดใหญ่พิจารณาเข้าข่ายล่วงละเมิด หรือผิดกฎหมายอาญาต้องดูอีกที
พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวว่า หลักฐานที่มีในขณะนี้เป็นการพูดผ่านสื่อต่างประเทศ และพูดนอกประเทศ แต่สื่อไทยเท่าที่ตรวจสอบไม่มี ซึ่งอำนาจของตำรวจไทยแค่รวบรวมพยานหลักฐานและประมวล ส่วนการดำเนินคดีต่างประเทศเป็นหน้าที่ของสำนักงานอัยการฝ่ายต่างประเทศ การให้สัมภาษณ์นั้นเป็นวันที่เท่าไรนั้นจำไม่ได้ แต่มีขึ้นหลายครั้งตั้งแต่วันที่ 12-13 เม.ย.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะสามารถแจ้งข้อหาอะไรได้บ้าง พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวว่า ต้องรอการพิจารณาก่อนโดยขั้นตอนตรงนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้มอบหมายให้กรรมการชุดนี้ทำหากเห็นว่ามีมูลเราก็จะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการทันทีโดยไม่ต้องให้ ตร.พิจารณาอีก หากมีมูลก็ให้ บช.ก.ตั้งคณะกรรมการดำเนินการเลยซึ่งพนักงานสอบสวนชุดนั้นก็จะส่งสำนวนให้อัยการเป็นผู้พิจารณา ส่วนขั้นตอนการติดตามตัวก็ขอให้อัยการตอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลักฐานขณะนี้แน่ชัดแล้วหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพ เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวว่า ยังไม่ชัดเพียงคณะทำงานระบุว่าน่าจะพิจารณาได้ มีข้อมูลเพียงพอห้าสิบห้าสิบ ซึ่งคณะกรรมการของเราเป็นการพิจารณาความผิดต่อสถาบัน ตามมาตรา 112 ส่วนการล่วงละเมิดองคมนตรีเป็นความผิดส่วนตัวเราไม่เกี่ยว
พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวว่า สำหรับหลักฐานที่รวบรวมมานั้น มีทั้งในส่วนของตำรวจสันติบาลที่ดูเว็บไซต์ ส่วน สทส.ก็มีคณะกรรมการเฝ้าระวังอยู่ และส่วนของนครบาลมีหลักฐานที่เก็บรวบรวมไว้นำมาพิจารณาประกอบกัน โดยจะมีการชี้แจงในที่ประชุมว่าหลักฐานที่ได้มีการรวบรวมมาอย่างไร หากการพิจารณาแล้วเข้าข่ายว่ากระทำผิดก็จะทำสรุปให้ บช.ก.ไปดำเนินการตั้งพนักงานสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน
สำหรับคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2551 พ.ต.ต.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี พงส.สน.บางมด ช่วยราชการ สน.พหลโยธิน เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ฐานหมิ่นประมาทดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ถึง 15 ปี กรณีไปกล่าวบรรยายพิเศษเป็นภาษาอังกฤษที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย โดยมีถ้อยคำเข้าข่ายดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยคดีนี้ อัยการนัดสั่งคดีในวันที่ 29 เม.ย.นี้ ว่าจะพิจารณาสั่งฟ้องคดีหรือไม่ แต่เมื่้อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมาพล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและสอบสวน และกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพบว่า นายจักรภพ พบว่า นายจักรภพได้เดินทางออกนอกประเทศไทยไปแล้ว ยังไม่ทราบพำนักอยู่ประเทศใด หาก นายจักรภพ ไม่มาฟังคำสั่ง อัยการก็อาจจะมีความเห็นเลื่อนนัดฟังคำสั่งไปก่อน เพราะตำรวจมีสิทธิ์ที่จะพิจารณาเสนอศาลขอหมายจับ เพื่อให้มาฟังคำสั่งคดี และหากพบว่านายจักรภพ อยู่ในต่างประเทศ ก็จะต้องประสานกับอธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ ขอความร่วมมือในเรื่องของการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมานายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เคยกล่าวว่าคงต้องรอดูว่าในวันดังกล่าว นายจักรภพ จะเดินทางมารายตัว เพื่อฟังคำสั่งคดีตามที่อัยการนัดไว้หรือไม่ ซึ่งหากไม่เดินทางมาก็จะต้องดำเนินการ คือ ถ้านายจักรภพ ทำสัญญาประกันตัวไว้กับอัยการก็จะเรียกนายประกันให้ติดตามตัวนายจักรภพ มา แต่ถ้าไม่สามารถติดตามตัวมาได้ อัยการก็จะมีคำสั่งปรับนายประกัน และขออนุมัติศาลออกหมายจับ แต่หาก นายจักรภพ ไม่ได้ทำสัญญาประกันไว้ อัยการก็จะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัว และขอศาลอนุมัติหมายจับต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. เคยบอกว่าพนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจปราบปรามได้ทำการสอบสวน โดยคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นระดับ ตร.ได้มีคำเห็นสั่งฟ้องไปแล้วตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.51 แต่ต่อมาทางอัยการได้ให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มในหลายประเด็นทั้งในส่วนของพยาน 18 ปาก การส่งเทปบันทึกภาพการพูดของนายจักรภพให้สถาบันระดับอุดมศึกษาแปลเพิ่มอีก 2 แห่ง และการขอความเห็นจากนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองและสังคมไทย ซึ่งทาง บช.ก.ได้สรุปสำนวนส่งให้อัยการแล้วตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมาโดยมีความเห็นสั่งฟ้องเช่นเดิม
ด้าน นายจักรภพ ตั้งแต่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวได้ปฏิเสธข้อกล่าวหามาตลอดพร้อมขอให้มีการสอบพยานเพิ่มเติม จนขณะนี้เรื่องดำเนินมาจนจะถึงวันที่อัยการนัดสั่งคดีว่าจะฟ้องหรือไม่
ตร.ยัน “เจ๊เพ็ญ” เปิดตูดเผ่นออกนอกประเทศแล้ว!
บช.ก.เห็นสั่งฟ้อง “จักรภพ” หมิ่นเบื้องสูงเช่นเดิม-ส่งอัยการแล้ว
บช.ก.เร่งสอบพยานคดี “เจ๊เพ็ญ” เพิ่มก่อนสรุปส่งอัยการซ้ำ
ตำรวจ-อัยการ ต้นตอฆ่าตัดตอนคดี "นังเพ็ญ" หมิ่นเบื้องสูง!
เล่ห์อัยการ! เลื่อนกุดหัว “เจ๊เพ็ญ” หมิ่นเบื้องสูง-เจ้าตัวยันผุดผ่อง
“พ.ต.ท.” ลั่นมีสิทธิแย้งอัยการหากสั่งไม่ฟ้อง “เจ๊เพ็ญ”
สุดยื้อ! “เจ๊เพ็ญ” ลอยตัวส่อหลุดคดีหมิ่นเบื้องสูง-อัยการเลื่อนอีก 30 วัน
“เจ๊เพ็ญ” ชะตาขาด! ตร.ส่งคดี “หมิ่นเบื้องสูง” ให้อัยการสั่งฟ้อง
สำนวน “เจ๊เพ็ญ” หมิ่นเบื้องสูงถึงมืออัยการวันนี้
บช.ก.ชี้มูล “เจ๊เพ็ญ” ผิดหมิ่นเบื้องสูง รอวัดใจ ผบ.ตร.ส่งฟ้องอัยการ
ตร.ประชุมคดีหมิ่นตัดพยาน “เจ๊เพ็ญ” ทิ้ง 8 ปาก
ตร.ยื้อคดี “เพ็ญ” ยูเทิร์น บช.ก.ดูใหม่ อ้างสอบเพิ่มอาจพบปมสงสัย
“เพรียวพันธุ์” โยนคดี “เจ๊เพ็ญ” ขอสอบพยานเพิ่มให้ ผบ.ตร.ชี้ขาด
เล่ห์ตำรวจ! เลื่อนส่งสำนวน “เจ๊เพ็ญ” หมิ่นเบื้องสูงให้อัยการ
“เจ๊เพ็ญ” ดิ้นหนีตายหมิ่นสถาบัน โหยหาขอสอบพยานเพิ่ม 18 ปาก!
ยื้อสุด! คาดสัปดาห์หน้าสำนวน “เจ๊เพ็ญ” ถึงมืออัยการ
วัดใจ! “เพรียวพันธ์” ชี้ขาด “เจ๊เพ็ญ” หมิ่นเบื้องสูง!
บช.ก.สรุปสั่งฟ้อง “เจ๊เพ็ญ” หมิ่นเบื้องสูง ส่ง “พัชรวาท” แล้ว