“ดีเอสไอ” หอบสำนวนคดีพิเศษทุจริตโครงการมันสำปะหลัง จ.ลพบุรี ส่งมอบ ป.ป.ช.พิจารณา หลังพบมีการสวมสิทธิ์แทน และเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนร่วมทุจริตในโครงการ เบื้องต้นพบเจ้าหน้าที่มีเอี่ยว 2 ราย และผู้ดำเนินกิจการผิดอีก 2 ราย
วันนี้ (21 ก.ค.) พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว และพ.ต.ต.(หญิง) ศุภวรรณ โพธิ์นาค พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณาการทุจริตโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2551/52 ของจังหวัดลพบุรี
ตามที่คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 4/2552 เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2552 ให้กรณีการดำเนินการโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2551/52เป็นคดีพิเศษ และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มอบหมายให้ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้อำนวยการสำนักสำนักคดีอาญาพิเศษ รับผิดชอบการสืบสวนสอบสวน และมีคำสั่งแต่งตั้ง พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้อำนวยการส่วนคดีอาญาพิเศษ 3 เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีพิเศษ กรณีการทุจริตโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2551/52 ของจังหวัดลพบุรี
จากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีการกระทำความผิดใน 2 ลักษณะ กล่าวคือ ผู้ดำเนินกิจการลานมันบางแห่งที่เข้าร่วมโครงการเปิดเป็นจุดรับจำนำ มีการสวมสิทธิการจำนำมันสำปะหลังของเกษตรกร โดยมีการว่าจ้างบุคคลซึ่งมิได้เป็นเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่แท้จริงมาขึ้นทะเบียนเกษตรกร และนำมันสำปะหลังที่ซื้อมาจากเกษตรกรในราคาถูก มาสวมสิทธิเข้าจำนำในโครงการในชื่อของผู้ถูกจ้างทั้งหมด หรือครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการหลอกลวงโดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ โดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินรับจำนำในโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2551/52 จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในเบื้องต้นพบพยานหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนและ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้แจ้งให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาร้องทุกข์ในฐานะผู้เสียหาย ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ
ส่วนอีกกรณีหนึ่งพบว่า มีการกระทำความผิดของเจ้าพนักงานของรัฐ ซึ่งปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้หนึ่งผู้ใด และเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร รับรองหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ หรือรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 162 ในเบื้องต้นพบว่ามีเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด 2 ราย และพบว่ามีผู้ดำเนินกิจการลานมันเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดอีก 2 ราย กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงส่งสำนวนการสอบสวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พิจารณา และจะขอรับกลับมาดำเนินการต่อไป โดยมอบหมายให้ พ.ต.ต.(หญิง) ศุภวรรณ โพธิ์นาค พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการ เป็นผู้ส่งสำนวนและประสานงาน
สำหรับกรณีนี้คาดว่าจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน กรมสอบสวนคดีพิเศษจะเร่งทำการสืบสวนสอบสวนและดำเนินการต่อไปโดยเร็ว